- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 31 March 2017 16:59
- Hits: 1966
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : KBANK
Our Portfolio Mar 2017 : CK, CPF, GLOBAL, MINT, TU
แม้ SET จะบวกดี แต่ก็ต้องระวังผันผวน ดังนั้นยังรอทยอยซื้อลบต่อไป
ตลาดหุ้นวานนี้ : หลังจาก SET แกว่งทรงตัวแคบๆ อยู่ก่อนในช่วงเช้า เนื่องจากตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่งยังอ่อนแอ แต่หลังเปิดทำการภาคบ่าย แรงซื้อในตลาดหุ้นบ้านเราก็ยังมีเข้ามาหนุนต่อเนื่อง ส่งผลให้ SET แกว่งบวกขึ้นเกือบ 10 จุด และสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง ก่อนจะอ่อนตัวลงปิดบวกไม่ถึง 5 จุดในช่วงก่อนปิดทำการ คาดว่าเพราะตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปิดด้านลบ
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เมื่อคืนตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่ปิดบวก ขานรับตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับ GDP ไตรมาส 4/2016 ของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีกว่าคาด รวมทั้งได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นอีกเกือบ 2% ของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกด้วย หลังจากมีรายงานว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลายประเทศ ได้ออกมาสนับสนุนให้มีการขยายการลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้กลับมาเปิดบวกได้ จากวานนี้ที่ส่วนใหญ่ปิดลบ ทำให้วันนี้ SET ก็มีลุ้นขยับบวกต่อได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามกรอบบวกของตลาดเอเชียยังค่อนข้างจำกัด และยังดูมีแรงขายทำกำไรคอยกดดันให้ผันผวน ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในปีนี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐยังแข็งแกร่งเกินคาด ทำให้ FSS คาดว่ากรอบบวกของ SET ช่วงนี้อาจจะยังไม่กว้างมากนัก และต้องระวังการแกว่งพักตัวลง ก่อนกลับไปขึ้นจริงจังอยู่เช่นเดิม
กลยุทธ์ : ดังนั้นเรายังแนะนำเลือกหุ้นทยอยซื้อเพิ่มช่วงลบต่อไปก่อนดีกว่า
แนวรับ 1575-1572 , 1568-1566 จุด
แนวต้าน 1582-1585 , 1588-1592 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : CK, GUNKUL, IVL(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$487ล้าน นำโดยไทย US$310ล้าน (ในจำนวนนี้มี Big lot BJC ราว US$150ล้าน) ตามด้วยไต้หวัน US$81ล้าน และเกาหลีใต้ US$76ล้าน ขณะที่ไหลออกฟิลิปปินส์ประเทศเดียว US$4ล้าน แนวโน้กระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคจากแรงหนุนของตลาดหุ้นสหรัฐที่รายงานอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ 4Q16 ออกมาดีและราคาน้ำมันปรับขึ้นต่ออีก 1%
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) กระแสเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้าต่อเนื่อง ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีและราคาน้ำมันปรับขึ้นจากความหวังผู้ผลิตน้ำมันขยายเวลาลดกำลังการผลิต หนุน Sentiment ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้สดใส เราเชื่อกระแสเงินทุนจากต่างชาติมีทิศทางไหลเข้าเอเชียต่อจากความไม่แน่นอนในมาตรการของทรัมป์ว่าจะผลักดันได้ รวมถึงร่างงบประมาณที่จะผ่านสภาในช่วงปลายเดือนหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการชัดดาวน์
(+) ราคาน้ำมันปรับขึ้นเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนบวกอีก 1.7% จากความหวังกลุ่มผู้ผลิตขยายข้อตกลงลดการผลิต ส่วนประเด็นเมื่อวานสนช.ผ่านร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียม และถอนมาตรา 10/1 ที่ระบุให้จัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ (NOC) ช่วยลดความกังวลในหุ้นกลุ่ม PTT ทั้งหมด และยังเป็นบวกต่อ PTTEP เพราะร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียมผ่านแล้ว นำไปสู่การเปิดประมูลสัมปทานและน่าจะรู้ผลภายในปีนี้
(+) KBANK เป็น Top Pick ในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่เพราะจะได้รับประโยชน์ที่สุดจากวงจรขาขึ้นของสินเชื่อเพราะมี NIM สูงสุดในกลุ่มแบงก์ใหญ่ และยังได้ประโยชน์ที่สุดจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจากสัดส่วนสินเชื่อภาคธุรกิจที่มีถึง 70% ส่วนกำไรสุทธิ 1Q17 คาด +6% Q-Q, +12% Y-Y เป็น 1.08 หมื่นล้านบาท และคาดกำไรทั้งปี +3% Y-Y ก่อนหน้านี้เราปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 240 บาทจาก 208 บาทโดย Re-rate PBV ขึ้นเป็น 1.65 เท่าเท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต แนะนำซื้อ
(+) BIG งาน Big Camera Festival ที่กำลังจัดในช่วง 30 มี.ค.-6 เม.ย. คาดได้รับการตอบรับดีเช่นเคย เพราะมีเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ Canon EOS 77D และ Canon EOS M6 (Mirrorless ตัวล่าสุดของ Canon) งานครั้งก่อนทำรายได้ 140 ล้านบาท หรือ 15% ของรายได้จากขายกล้องในแต่ละไตรมาส ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เราพบว่าราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 10-15% ในช่วง 5 วันหลังจบงาน และเพิ่มขึ้น 20-30% ในช่วง 10 วัน สำหรับกำไร 1Q17 เราคาด +11% Y-Y แต่ -8% Q-Q ตามฤดูกาล ยังคงราคาพื้นฐาน 6.90 บาทและคงคำแนะนำซื้อ
(-) CBG แม้ราคาหุ้นจะต่ำกว่ายอด high เดิมกว่า 20% แต่เรายังมองว่าแพง เพราะหากอิงเป้าของบริษัท กำไรปีนี้อาจโต 35% เป็น 2 พันล้านบาท ซึ่งเรามองว่ายากมาก แต่ถึงอย่างนั้น PE ปัจจุบันก็ยังแพง 31 เท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มเครื่องดื่มที่มี PE เฉลี่ย 20 เท่าเศษและ PEG 0.7 เท่า แต่เราคาดกำไรน่าจะ +14% เป็น 1.7 พันล้านบาทเพราะค่าการตลาดที่สูงมากจากการรุกตลาดยุโรป จีน และบราซิล (เป็นสปอนเซอร์ทีมเชลซี, การแข่งขันฟุตบอล EFL) น่าจะมีผลขาดทุนในอังกฤษและจีนอีก 2 ปี และอยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตครั้งใหญ่รองรับตลาดส่งออก ถึงแม้อิง PE 35 เท่า ยังได้เป้าหมายที่ 60 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันไม่น่าสนใจลงทุน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
31 มี.ค. - ไทย:ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.พ.
- จีน:Manufacturing and Non-manufacturing PMI (มี.ค.)
- ยูโรโซน:เงินเฟ้อ (มี.ค.)
3 เม.ย. - ไทย:Dเข้าเทรด (ราคา IPO 6 บาท), อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.), ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (มี.ค.)
- จีน:Caixin China PMI Mfg (มี.ค.)
- ญี่ปุ่น: ดัชนี Tankan 1Q17
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Manufacturing PMI (มี.ค.)
5 เม.ย. - ไทย:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (มี.ค.), FOMC Minutes
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (มี.ค.)
6-เม.ย. - จีน:Caixin China PMI Composite (มี.ค.)
7 เม.ย. - สหรัฐ:การจ้างงานนอกภาคเกษตร (มี.ค.)
- สิงคโปร์: 1Q17 GDP
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบในแดนบวกนำโดยหุ้นในกลุ่มการเงิน โดยนักลงทุนตอบรับเชิงบวกกับตัวเลข GDP 4Q16 ที่ดีกว่าคาดรวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ยืนเหนือระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลได้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนส่วนใหญ่ปิดในแดนบวกเช่นกัน โดยไม่ได้ตอบรับเชิงลยต่อกระบวนการ Brexit อย่างเป็นทางการ ขณะที่ได้แรงหนุนจาก ECB ที่กล่าวว่ายังไม่มีแนวโน้มชะลอนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายในเร็ววันนี้
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่ค่อนข้างสดใส
(0) ค่าเงินบาทแกว่งทรงตัวออกข้างในกรอบ 35.38-35.50 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ปิดบวก 0.84 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 50.35 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยยืนเหนือระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลได้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ หลังคูเวตออกมาสนับสนุน OPEC ให้ยืดระยะเวลาปรับลดปริมาณการผลิตออกไป
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ร่วงลง 8.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,248.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตัวเลข GDP 4Q16 ของสหรัฐฯออกมาดีกว่าคาด ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch