- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 30 March 2017 18:35
- Hits: 4067
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market View : Selective Buy
Stock of the town : DEMCO BWG
หุ้นแนะนำพิเศษ : SCN
หุ้นมีข่าว : BEM KTB SIRI CK SYNTEC
ดัชนีหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวแคบเนื่องจาก PTT ขึ้น XD 10 บาท/หุ้น อย่างไรก็ตามมีแรงเก็งกำไรสินค้า Commodity เช่น ถ่านหิน ยาง รวมถึงแรงซื้อดักการทำ Window Dressing ส่งผลให้ SET ปิดลบเล็กน้อยที่ 1,574.97 จุด (-1.75 จุด) Vol. 3.6 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +157 ลบ. , TFEX Net -2,044 สัญญา , ตราสารหนี้ไทย Net +1,898 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
- ตลาดหุ้น DJ อ่อนตัวลงหลังอังกฤษประกาศใช้มาตรา 50 เพื่อเริ่มกระบวนการ Brexit ซึ่งอาจส่งผลให้อังกฤษเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง
+ บอร์ด PPP เห็นชอบเพิ่ม 6 โครงการเข้า Fast Track มูลค่ากว่า 6 แสนลบ.
+ ส.ป.ก.ไฟเขียว 16 บริษัททำโรงไฟฟ้า 'วินด์ฟาร์ม' ได้ต่อ หลังศาลฯเพิกถอนบริษัทไป 1 ราย ชี้เป็นคนละกรณีเพราะบริษัทที่เหลือทำถูกต้องตามขั้นตอนและระเบียบ ทั้งจ่ายเงินชดเชยเกษตรกรปีละนับแสนบาท
+ กนง. คงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5% และปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 60 ขึ้นเป็น + 3.4% (จาก +3.2%) หลังส่งออกฟื้นชัดเจน,ปี 61 คาด +3.6% สำหรับอัตราเงินเฟ้อคาดว่าในปี 60 อยู่ที่ 1.2% ส่วนในปี 61 อยู่ที่ 1.9%
+ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นล่าสุด 49.6 US/Barrel หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดโดยเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล สู่ 534 ล้านบาร์เรล
+ Foreign เป็น Net Buy 9 วันต่อเนื่องราว 9 พันลบ. รวมถึงเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าล่าสุด 34.5 Bath/USD.
** การทำ Window Dressing ปิด NAV Q1/17 ในช่วงสัปดาห์นี้
ภาวะตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น , กระแส Fund Flow ที่ยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง รวมถึงกนง.ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี60 ขึ้นเป็น +3.4% อย่างไรก็ตามมีความกังวลภาวะเศรษฐกิจและการเมืองของอังกฤษหลังเริ่มกระบวการ BREXIT วานนี้ซึ่งกดดันให้ตลาดผันผวนง่าย ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,570 – 1,585 จุด
กลยุทธ์การลงทุน ซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy
- DEMCO EA ข่าวส.ป.ก.ไฟเขียว 16 บริษัททำโรงไฟฟ้าวินด์ฟาร์มได้ต่อ
- กลุ่มเดินเรือ PSL TTA ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นล่าสุด 1,338 จุด
- กลุ่มที่คาดว่าเป็นเป้าหมายการทำ Window dressing เนื่องจาก Underperform ตลาด ได้แก่ BJC THAI UNIQ STEC BCH
- ประเด็นลบ AOT กรมธนารักษ์ยืนยันค่าเช่าใหม่สนามบินสุวรรณภูมิ ต้องมากกว่าปีละ 1.5 พันล้านบาท หลังปรับสูตรใหม่ เป็นผลตอบแทนจากสินทรัพย์ หรือ ROA ในพื้นที่เชิงพาณิชย์ รวมทั้งคิดค่าเช่าย้อนหลังด้วย คาดได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ ส่วนสนามบินที่เหลืออีก 5 แห่งได้ข้อสรุปจ่ายเพิ่มอีกพันล้าน (ข่าวหุ้น)
หุ้นแนะนำพิเศษ
SCN (ราคาปิด 8.40 บาท ซื้อ ราคาพื้นฐาน 9.90 บาท)
คาดกำไรปี 60 ที่ 397 ลบ. (+27%YoY) เนื่องจากผู้บริหารมีนโยบายขยายปั๊มก๊าซฯ เชิงรุกอีก 9 สถานีรวมเป็น 16 สถานี (อยู่ดำเนินการแล้ว 7 สถานี อยู่ระหว่างก่อสร้าง 6 สถานี และอีก 3 สถานีกำลังเจรจาเข้าลงทุน) และคาดเปิดดำเนินงานสถานี ICNG แห่งที่ 2 ที่สระบุรีภายในปีนี้ อีกทั้งโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ 5 MW ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 4Q59 จะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 60
บริษัทเตรียมนำบริษัท สยามวาสโก (บริษัทลูก) เข้าจดทะเบียนในตลาด MAI หากขยายสถานีจำหน่ายก๊าซฯ ได้ครบ 20 สถานี เพื่อปลดล็อคมูลค่าบริษัทลูก และลดภาระหนี้สินของ SCN
หุ้นมีข่าว
BEM (ราคาปิด 7.55 ราคาเหมาะสม 7.40 ทบทวนปรับเพิ่มประมาณการ) คาดใช้เงินลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย 2.2 หมื่นลบ.
ความเห็น สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายจะผ่านพื้นที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นทั้งเส้นจรัลสนิทวงศ์ และเส้นเพชรเกษมซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ในอนาคตรถไฟฟ้าทุกสายจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินซึ่งจะส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างปรับเพิ่มประมาณการหลัง BEM ได้งานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย
KTB (ราคาปิด 20.20 บาท ถือ ราคาเหมาะสม 21.60) ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อในไตรมาสแรกของปีนี้ยังทรงตัวเท่ากับสิ้นปีที่แล้ว คาดไตรมาส 2 สินเชื่อเริ่มฟื้นชัดจากอานิสงส์ที่ภาครัฐเร่งผลักดันโครงการลงทุนและเห็นสัญญาณการเบิกใช้สินเชื่อในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงการรัฐ รับแนวโน้ม NPL เพิ่มสูงสุดในไตรมาส 2
ความเห็น ประมาณการปี 60 เราใช้สมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อราว 5% จากที่หดตัว 6% ในปี 59 รวมทั้งคาดว่าค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญใกล้เคียงกับปี 59 ที่ราว 3.2 หมื่นล้านบาท จึงคาดการณ์กำไรปี 60 ราว 3.33 หมื่นล้านบาท +3.3%
SIRI (ราคาปิด 1.98 บาท ถือ ราคาเหมาะสม 2 บาท) ตั้งเป้ายอดขายโครงการแนวราบ 1.5 หมื่นลบ. เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อน ลุยเปิดโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.93 หมื่นลบ. รุกขยายฐานลูกค้าต่างชาติ จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง และตะวันออกกลาง พร้อมโชว์ฟอร์ม Q1/2560 ทำยอดขายแตะ 7 พันลบ. (ที่มาทันหุ้น)
ความเห็น แผนธุรกิจปี 2560 บริษัทมีแผนทำการตลาดลูกค้าต่างชาติให้มากขึ้นโดยตั้งเป้ายอดขายของลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นเกือบ 40% จากปี 59 หลังจากลูกค้าต่างชาติรู้จักบริษัทและเชื่อมั่นในแบรนด์มากขึ้น คาดกำไรปี 60 +6% เป็น 3.2 พันล้านบาททรงตัวเมื่อเทียบกับปี 59 สำหรับกำไร 1Q60 มีแนวโน้มลดลง QoQ จากเกือบ 1.6 พันลบ.ใน 4Q59 แต่คาดจะเพิ่มขึ้น YoY จากฐานที่ต่ำเพียง 556 ลบ.
CK (ราคาปิด 27 ซื้อ ราคาเหมาะสม 38) จ่อร่วมวงชิงงานรถไฟฟ้าทุกเส้นทางตั้งเป้าคว้างานไม่ต่ำกว่า 20-25% ของมูลค่างานทั้งหมด หวังอัพยอด Backlog ทะลักกว่า 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 8.3 หมื่นล้านบาท รับรู้รายได้ยาวต่อเนื่อง 3 ปีข้างหน้า ด้านบอร์ด PPP อนุมัติ 6 โครงการ เร่งประมูลปีนี้ มูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท(ที่มาทันหุ้น)
SYNTEC (ราคาปิด 4.70 ถือ ราคาเหมาะสม 5.20) เนื้อหอมรายใหญ่วงการอสังหาฯ รุมจีบขอซื้อที่ดิน 55 ไร่ มูลค่าปัจจุบัน 4.5-5 ล้านบาทต่อไร่ จากต้นทุนที่ 1.8 ล้านบาทต่อไร่ ส่วนผลงานปี 2560 เล็งรับรู้รายได้งานก่อสร้าง และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เติบโต 5% ขณะที่มีสินทรัพย์ที่จะบันทึกเป็นกำไรจากรายการพิเศษในอนาคต(ที่มาทันหุ้น)
ประเด็นบวก DEMCO (ราคาปิด 6.90 Bloomberg Consensus 7.40) เซ็นสัญญารับงานสถานีไฟฟ้าอุดรฯ 4 ของกฟภ.มูลค่า 193.45 ลบ. นอกจากนี้รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ผู้ประกอบกิจการกังหันลมทั้ง 16 บริษัท 17 โครงการสามารถดำเนินการต่อได้ ยกเว้นบริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัดที่ศาลปกครองสูงสุดเห็นควรเพิกถอนการดำเนินงาน
CBG (ราคาปิด 58.50 Bloomberg Consensus 62.38) ร่วมทุนพันธมิตรญี่ปุ่นตั้ง รง.ผลิตกระป๋องอลูมิเนียมมูลค่าโครงการรวม 2.15 พันลบ.
ASAP (ราคา IPO 3.03 บาท) บมจ. ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ประกอบธุรกิจรถยนต์ให้เช่าภายใต้แบรนด์ “asap" จะเข้าซื้อขายใน SET วันนี้ (30 มี.ค.) เป็นวันแรกในหมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ ราคา IPO คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้น(P/E) เท่ากับ 27.55 เท่า ปี 59 มีกำไร 70 ลบ +25%
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ : -42.18 จุด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,659.32 จุด ลดลง 42.18 จุด หรือ -0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,361.13 จุด เพิ่มขึ้น 2.56 จุด หรือ +0.11% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,897.55 เพิ่มขึ้น 22.41 จุด หรือ +0.38% หลังจากอังกฤษเริ่มต้นกระบวนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการ ซึ่งนักลงทุนติดตามความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่บริษัทจดทะเบียนจะเริ่มทยอยเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาสแรกปีนี้ อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้น และดัชนี NASDAQ ปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นกว่า 2%
ตลาดน้ำมัน NYMEX : +1.14 USD/Barrel
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 49.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสต็อกน้ำมันดิบซึ่งรายงานโดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) นั้น เพิ่มขึ้นน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ข่าวการปิดบ่อน้ำมันที่สำคัญในประเทศลิเบีย ยังคงเป็นปัจจัยกระตุ้นแรงซื้อในตลาดน้ำมัน
Analyst – วิลาสินี บุญมาสูงทรง , ชัยยศ จิวางกูร, ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์-ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์