- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 27 March 2017 17:12
- Hits: 5302
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'แกว่งไม่หลุด 1560 ยังเลือกซื้อ/ถือต่อ'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : สำหรับปัจจัยสำคัญในช่วงนี้ ได้แก่
- สหรัฐ : สภาผู้แทนราษฎรยกเลิกการโหวตร่างกฎหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์ที่จะนำมาแทนโอบามาแคร์…เสียงสนับสนุนจากริพับลิกันไม่พอ
-/• สหรัฐ : มาร์กิตเปิดเผยดัชนี PMI ภาคผลิต & บริการเดือนมี.ค.ลดลงทั้งคู่...แต่ก็ยังสูงกว่า 50
• ราคาน้ำมันดิบยังมีแรงกดดันจากอุปทานสูง...เบเกอร์ ฮิวจ์รายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐเพิ่มอีก 21 แท่นเป็น 652 แท่นในสัปดาห์ก่อน
+/• Window Dressing การทำราคาปิดไตรมาส 1/60 ของสถาบันอาจเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้...แต่ก็เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว
+ ส่งออกไทย : มูลค่าส่งออกเดือนก.พ.60 ถ้าไม่รวมทองคำ & อากาศยาน +8.5%YoY ขณะที่ส่งออกเดือนพ.ย.59-ก.พ.60 ก็ +8.4%YoY โดยหลักมาจากการส่งออกสินค้าเกษตร น้ำมันและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง แผงวงจรไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
+ ดัชนีราคาถ่านหิน (Newcastle Export Index) เดือนมี.ค.60 เฉลี่ยอยู่ที่ 81.9 ดอลลาร์/ตัน ใกล้เคียงกับก.พ. แต่สูงกว่าเฉลี่ยปี 59 ที่ราว 50 ดอลลาร์/ตัน...ราคาที่ดีขึ้นหนุนผลประกอบการ BANPU ให้ฟื้นตัวดีในปี 60 ให้ราคาพื้นฐาน 21 บาท
• จัดพอร์ตบนความสมดุลของ Risk & Return (แบ่งเป็น 3 หมวด : หุ้นปันผล, หุ้นมั่นคง และหุ้นเติบโต) และทำ Re-balancing เป็นระยะหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานที่แนะนำวันนี้เป็น BEM
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดรวมเป็นบวก แต่ก็ควรระวังการแกว่งตัว แนวต้าน 1580-1590 ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบหรือต่ำกว่า 1560 ควร Wait & See หรือลดพอร์ตตาม
สำหรับการ SCAN หุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ AMATA TSR SMPC ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ IRPC WINNER KKP ROBINS HANA TPCH EPG ESSO AH หุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะ Take Profit BEM JWD SYNEX RCL หุ้นหลุด List ไม่มี
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ :
- สหรัฐ : สภาผู้แทนราษฎรยกเลิกการโหวตร่างกฎหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์ ที่จะนำมาแทนโอบามาแคร์
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ยกเลิกการลงมติเกี่ยวกับการนำร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" มาใช้แทนกฎหมาย "โอบามาแคร์" เนื่องจากเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกันยังไม่มากพอต่อการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว โดยร่างฯนี้ได้เลื่อนการโหวตมาจากวันพฤหัสแล้วหนึ่งรอบ
-/• สหรัฐ : มาร์กิตเปิดเผยดัชนี PMI ภาคผลิต & บริการเดือนมี.ค.ลดลงทั้งคู่ แต่ยังสูงกว่า 50
มาร์กิตเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตสหรัฐร่วงสู่ระดับ 53.4 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน หลังจากแตะ 54.3 ในเดือนก.พ. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการร่วงเป็น 52.9 ในเดือนมี.ค. หลังจากแตะระดับ 53.8 ในเดือนก.พ.
• สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานอ่อนลงในเดือนก.พ.
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ เครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุใช้งาน 3 ปีขึ้นไป +1.7% ในเดือนก.พ. หลังจาก +2.3% ในเดือนม.ค. หนุนโดยคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ +47.6% ในเดือนก.พ. แต่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน (ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ) -0.1% ในเดือนก.พ. สวนทางตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะ +0.6% หลังจาก +0.1% ในเดือนม.ค.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนี DJIA ลดลงต่อ หลังถูกคว่ำรางกฎหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์
ดัชนี DJIA อยู่ที่ 20,596.72 จุด ลดลง 59.86 จุด หรือ -0.29% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,343.98 จุด ลดลง 1.98 จุด หรือ -0.08% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,828.74 จุด เพิ่มขึ้น 11.05 จุด หรือ +0.19% โดยความล้มเหลวในการผลักดันร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" อาจทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อาจต้องล่าช้าออกไปด้วย
• สัญญาน้ำมันดิบ : แกว่งแคบ...แท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐเพิ่มอีก 21 แท่นเป็น 652 แท่นในสัปดาห์ก่อน
วันศุกร์สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ปรับตัวขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 47.97 ดอลลาร์/บาร์เรล สำหรับทั้งสัปดาห์ราคาสัญญาร่วงลง 1.7% ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ค. ปรับตัวขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 50.80 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ทั้งสัปดาห์ร่วงลง 1.9% ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานในวันศุกร์ว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้น 21 แท่น สู่ระดับ 652 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2558 บ่งชี้ถึงแนวโน้มการผลิตน้ำมันในประเทศว่ากำลังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
+/• สัญญาทองคำ : ขยับบวกเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 1.3 ดอลลาร์ หรือ 0.10% ปิดที่ระดับ 1,248.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ในวันศุกร์ และปรับตัวขึ้น 1.5% ทั้งสัปดาห์ ทั้งนี้ราคาทองคำดีขึ้นเพราะความไม่แน่นอนในร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ของทรัมป์ และมาตรการอื่นๆ ที่อาจจะล่าช้ากว่าคาด ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์อ่อนลงต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 99.35
ปัจจัยในประเทศ :
+ ส่งออกไทย : มูลค่าส่งออกเดือนก.พ.ถ้าไม่รวมทองคำ & อากาศยาน +8.5%YoY
# กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยยอดส่งออกเดือนก.พ.60 ว่า -2.8%YoY (ดีกว่าที่ DBS Bank คาดไว้) แต่ไม่น่ากังวลเพราะฐานมูลค่าส่งออกเดือนก.พ.59 สูงจากการส่งออกทองคำและอากาศยาน แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าวมูลค่าส่งออกเดือนก.พ.จะ +8.5%YoY นับว่าดีต่อเนื่องจากช่วงเดือนพ.ย.59-ก.พ.60 ที่มูลค่าส่งออก +8.4%YoY โดยในเดือนก.พ.60 การส่งออกสินค้าเกษตร & อุตสาหกรรมเกษตร +13.9%YoY นำโดยยางพาราผัก & ผลไม้, กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ส่วนที่ยังหดตัวเป็นการส่งออกมันสำปะหลังเพราะอุปทานจากลาวและกัมพูชาออกมามาก ราคารับซื้อของจีนลดลง รวมทั้งน้ำตาลที่ส่งออกไป CLMV ลดลง ส่วนส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม -5.9%YoY แต่การส่งออกเคมีภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องประดับที่ไม่รวมทองคำ น้ำมันสำเร็จรูปเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ยังเติบโตได้
# มูลค่าส่งออกก.พ.60 ที่ 18.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐถือว่าดี มูลค่านำเข้าอยู่ที่ 16.86 พันล้านดอลลาร์ (+20.4%YoY) เกินดุลการค้า 1.61 พันล้านดอลลาร์ สำหรับ 2M60 ส่งออก +2.5%YoY และนำเข้า +12.4%YoY เกินดุลการค้า 2.436 พันล้านดอลลารื ซึ่งการเกินดุลการค้าต่อเนื่องเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าได้ แม้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยและค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม
# แนวโน้มส่งออก ในระยะสั้นยังอยู่ในโมเมนตัมที่ดีเนื่องจากการฟื้นตัวและเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ในระยะกลาง เนื่องจากทรัมป์มีนโยบายกีดกันทางการค้า การเมืองยุโรปไม่แน่นอน (มีเลือกตั้งหลายประเทศ) และราคาน้ำมันปรับขึ้นช้าทำให้เศรษฐกิจประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังซบเซา
+ ราคาถ่านหินยังอยู่เหนือ 80 ดอลลาร์/ตันในเดือนมี.ค.60
ดัชนีราคาถ่านหิน (Newcastle Export Index) เดือนมี.ค.60 เฉลี่ยอยู่ที่ 81.9 ดอลลาร์/ตัน ใกล้เคียงกับเดือนก.พ.ที่ 81.6 ดอลลาร์/ตัน ทั้งนี้ดัชนีราคาฯที่สูงกว่า 80 ดอลลาร์/ตันได้ถือว่าดี เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของดัชนีในปี 59 ที่ประมาณ 50 ดอลลาร์/ตัน
เราคาดว่าราคาขายถ่านหินเฉลี่ยในปี 60 จะสูงกว่าของปีก่อน และเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผลประกอบการของบริษัทถ่านหินฟื้นตัว ส่วนปริมาณขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนไม่มาก สำหรับ BANPU เราคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 60 จะเติบโตจากปีก่อน 257% และเติบโตต่อ 14% ในปี 61 ทาง DBSV แนะนำถือ ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 21 บาท
+/• การทำราคาปิด (Window Dressing) สิ้นไตรมาส 1/60
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของการซื้อขายสำหรับไตรมาส 1/60 ซึ่งนักลงทุนสถาบันอาจทำราคาปิด หรือที่เรียกว่า Window Dressing อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มักเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว และเรายังต้องระวังความไม่แน่นอน & ความเสี่ยงจากภายนอก รวมทั้งการขึ้นเครื่องหมาย XD ของบจ.ในเดือนเม.ย.ด้วย
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]