- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 24 March 2017 16:33
- Hits: 6150
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อ SET ยังเหนือ 1555'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index ปิดขยับขึ้น 2.06 จุดที่ 1568.72 การซื้อขายเน้นเป็นรายตัว โดยกระจายไปใน Sector ต่างๆ มูลค่าซื้อขายยังค่อนข้างซบเซา นักลงทุนแต่ละกลุ่มซื้อ/ขายสุทธิไม่มาก สำหรับปัจจัยสำคัญในช่วงนี้ ได้แก่
- สหรัฐ : เลื่อนโหวตร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ออกไปก่อนเพราะเสียงสนับสนุนจากพรรคริพับลิกันไม่พอ กังวลการปฏิรูปภาษี, ผ่อนคลายกฎระเบียบ, การลงทุนสาธารณูปโภค จะล่าช้าออกไปด้วย...ล่าสุดทรัมป์เรียกร้องให้ส.ส.รีพับลิกันร่วมกันโหวตอีกครั้งในวันนี้
ประธานเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องดอกเบี้ย & เศรษฐกิจในการกล่าวสุนทรพจน์ที่ชิคาโกเมื่อวานนี้
+ TCAP : Valuation จูงใจ ปัจจุบันซื้อขายที่ P/BV ปี 60 เพียง 1 เท่า P/E 8 เท่า คาดการณ์ Dividend Yield ปีนี้ 4.4% ให้ TP 53 บาท
+ TASCO : คาดกำไร 1Q60 สดใส ราคายางมะตอยใน&ต่างประเทศทรงตัวที่ 400 และ 310 US$/bbl แม้ราคาน้ำมันลง คาดจะมีงบประมาณซ่อมสร้างถนนในประเทศเพิ่ม 2-3 หมื่นล้านบาทในปีนี้ ส่วนต่างประเทศรับออร์ถึงเดือนพ.ค.60 แล้ว ส่วนการที่มีผู้ไปร้องขอให้ลดราคายางมะตอยในประเทศหลังปรับขึ้นมากนั้น คาดว่าจะไม่กระทบเพราะบริษัทใช้ Cost plus แนะนำซื้อ ให้ TP 35 บาท
+ ROJNA : ปี 60 กำไรฟื้นตัวจากส่วนแบ่งกำไรในบริษัทร่วมจะเพิ่ม 377% เป็น 159 ล้านบาท และ 2H60 จะมีกำลังผลิตโรงไฟฟ้าเข้ามาอีก 110 MW คาดกำไรหลักปี 60-61 โต 391% และ 25% ถือเป็น Turnaroud Paly ที่น่าสนใจ แนะนำซื้อ TP 6.09 บาท
จัดพอร์ตบนความสมดุลของ Risk & Return (แบ่งเป็น 3 หมวด : หุ้นปันผล, หุ้นมั่นคง และหุ้นเติบโต) และทำ Re-balancing เป็นระยะ หุ้นกลยุทธ์พื้นฐานที่แนะนำวันนี้เป็น ROJNA
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดรวมเป็นบวกอ่อนๆ แนวต้าน 1580-1590 ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบหรือต่ำกว่า 1555 ควร Wait & See หรือลดพอร์ตตาม
สำหรับการ SCAN หุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ EPG, SYNEX, ESSO, RCL, AH ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ IRPC, BEM, WINNER, KKP, ROBINS, HANA, TPCH, JWD, ROJNA หุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะ Take Profit -ไม่มี- หุ้นหลุด List ได้แก่ BLA, PTL, SCN
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ :
สหรัฐ : ประธานเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับดอกเบี้ยเพิ่มเติม
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายการเงินในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่ชิคาโกเมื่อวานนี้ และไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐด้วย
- สหรัฐ : จำนวนชาวอมริกันขอสวัสดิการครั้งแรกเพิ่ม 1.5 หมื่นรายในสัปดาห์ก่อน
จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 15,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 258,000 ราย ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 240,000 ราย
ตลาดหุ้นสหรัฐ : ลบเล็กน้อย...เลื่อนโหวตร่างกฎหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เลื่อนการลงมติเกี่ยวกับการนำร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" มาใช้แทนกฎหมาย "โอบามาแคร์" เนื่องจากเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกันยังไม่มากพอต่อการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลว่า ความล้มเหลวในการผลักดันร่างกฎหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์อาจส่งผลให้การมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องล่าช้าออกไป ปิดตลาดดัชนี DJIA อยู่ที่ 20,656.58 จุด ลดลง 4.72 จุด หรือ -0.02% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,817.69 จุด ลดลง 3.95 จุด หรือ -0.07% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,345.96 จุด ลดลง 2.49 จุด หรือ -0.11%
- สัญญาน้ำมันดิบ : ร่วงลงต่อ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 47.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 50.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้นักลงทุนยังกังวลกับภาวะอุปทานน้ำมันสูง ขณะที่กลุ่มโอเปกอาจจะเลื่อนระยะเวลาในการบรรลุเป้าหมายการลดปริมาณการผลิตออกไปจากปัจจุบันที่กำหนดไว้กลางปีนี้
- สัญญาทองคำ : อ่อนตัวจากแรงขายทำกำไร
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 2.5 ดอลลาร์ หรือ 0.20% ปิดที่ระดับ 1,247.20 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนมีการขายทำกำไรหลังจากราคาทองปรับขึ้นมาหลายวันและไม่สามารถยืนเหนือ 1,250 ดอลลาร์/ออนซ์ได้
ปัจจัยในประเทศ :
- รฟท.จะทบทวนโครงการรถไฟทางคู่ 9 โครงการ
รฟท.เตรียมทบทวนโครงการรถไฟทางคู่ 9 โครงการมูลค่าโครงการรวม 3.9 แสนล้านบาทอีกครั้ง เพื่อปรับเงื่อนไขให้เป็นไปตามนโยบายของซูเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัดจ้าง ที่ต้องการให้มีการแข่งขันประมูลมากขึ้น และเปิดโอกาสให้ผู้รับเหมารายกลางเข้ามาประกวดราคาได้ โดยในส่วนโครงการรถไฟทางคู่ที่เดิมมี 5 สัญญาก็ให้แตกเพิ่มเป็น 13 สัญญา และแต่ละสัญญามีมูลค่า 5-10 พันล้านบาท รฟท.คาดจะดำเนินการแล้วเสร็จ และส่งให้ครม.พิจารณาได้ภายในเดือนเม.ย.-พ.ค.60 หลังจากนั้นรฟท.จะร่าง TOR ใหม่และให้ซูเปอร์บอร์ดฯช่วยพิจารณา แล้วจึงเชิญภาคเอกชนเข้ามาประกวดราคาต่อไป ซึ่งคาดว่าขั้นตอนทั้งหมดจะใช้เวลา 7-8 เดือน
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : การแตกสัญญาเพิ่มและเปิดทางให้ผู้รับเหมารายกลางเข้ามาประกวดราคาได้ จะทำให้การแข่งขันประมูลงานสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้รับเหมารายใหญ่ยังได้เปรียบในเรื่อง Economy of scale ส่วนเรื่องระยะเวลา คาดว่าโครงการลงทุนในรถไฟทางคู่มีความเสี่ยงสูงที่จะล่าช้าออกไป ซึ่งเป็น Sentiment ทางลบต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แต่ไม่ได้กระทบต่อประมาณการกำไรในปี 60 มากนักเพราะส่วนใหญ่รับรู้รายได้จากงานที่มีอยู่ในมือตอนนี้ โดยผลกระทบจะไปเกิดขึ้นกับคาดการณ์กำไรปี 61 มากกว่า
+ ROJNA (ราคาปิด 5.30 บาท) : เป็น Turnaround Play ที่น่าสนใจ
# ผลประกอบการปี 60 จะฟื้นตัวดีขึ้น ทั้งนี้แม้ว่าธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมปี 60 จะทรงตัว โดยมียอดขายที่ดิน 300-400 ไร่ใกล้เคียงกับปี 59 แต่รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น หลังโรงไฟฟ้า SPP3 ขนาด 110 MW เปิดดำเนินการตั้งแต่ส.ค.60 เป็นต้นไป (ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้า SPP1-2 อยู่แล้ว 430 MW และโซลาร์อีก 24 MW (3 บล็อก)) และส่วนแบ่งผลกำไรจากบริษัทร่วม โดยหลักคือ TICON ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 26.1% คาดว่าจะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 377% เป็น 159 ล้านบาท จาก 33 ล้านบาทในปี 59 เพราะ TICON ได้นำเงินจากการเพิ่มทุนให้กับ FPHT (กลุ่มเฟรเซอร์) ไปชำระคืนหนี้ ทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง 326 ล้านบาท และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการที่ FPHT ซึ่งมีเครือข่ายธุรกิจอยู่ในหลายประเทศเข้ามาบริหารงาน ทาง DBSV ประมาณการว่ากำไรสุทธิปี 60 ของ ROJNA จะเติบโต 391% และปี 61 ขยายตัวต่อ 25% ให้ราคาพื้นฐาน 6.09 บาท/หุ้น
# Upside Risk ประกอบด้วย 1) บริษัทมีกำไรที่ยังไม่รับรู้ในการถือหุ้น TICON 542 ล้านบาท (0.27 บาท/หุ้น ROJNA) เมื่อเทียบราคาทุน 14.27 บาท/หุ้นกับราคา TICON ปัจจุบันที่ 15.80 บาท/หุ้น และ 2) ยอดขายที่ดินที่อาจสูงกว่าคาด หากเศรษฐกิจฟื้นตัวดี การลงทุนกลับมาคึกคักตามแผนกระตุ้นของรัฐบาล
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]