- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 22 March 2017 18:28
- Hits: 2949
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Underdog stocks
วันนี้คาดดัชนีฯ Sideways down กรอบ 1,555-1,575 จุด ตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่ลงตาม ตลาดหุ้น
สหรัฐ-ยุโรป เมื่อคืนนี้ จากวิตกนโยบาย ปธน. สหรัฐฯที่อาจมีผลต่อผลการดำเนินงาน บจ.ใหญ่เช่น
นโยบาย “อเมริกันแคร์” อาจส่งผลต่อผู้ไม่ได้รับการประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น ฯลฯ และ ตลาดรอดูสุนทร
พจน์ประธานเฟดวันพรุ่งนี้ เพื่อประเมินทิศทาง นโยบายดอกเบี้ยสหรัฐฯ
สัปดาห์นี้ตลาดรีบาวด์เร็ว-ช่วงต้นสัปดาห์ปรับขึ้นไปก่อน ซึ่งผิดคาด อย่างไรก็ตามคงคาดว่าการรักษา
ระดับแนวรับระยะสั้นบริเวณ 1,550 จุด ได้ ตลาดยังคงมองโอกาสทำ Window dressing และ บน
สมมุติฐานกำไรกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่ดีขึ้น (ดูรายงานกลุ่มแบงก์วันนี้) เชื่อว่าจะหนุนให้ดัชนีฯยังไม่
รีบหลุดแนวรับระยะสัปดาห์นี้ 1,550 จุด และคงแนวต้าน 1,580 จุด
และเมื่อ พิจารณาจากแนวโน้มระยะสั้น Upside 1580 < Downside 1550 อาจส่งผลให้ดัชนีฯ มีการ
พักตัวลงก่อน เพื่อรีบาวด์ในกรอบ Sideways อีกครั้ง โดยกลยุทธ์แนะเลือกลงทุน หุ้นเป็นรายตัว โดย
เน้นไปที่ตัวหุ้น High growth but Cheap value และ หุ้น Underdog ที่มีประเด็นบวกหนุนอยู่
หุ้นแนะนำวันนี้ SCCC (แนวรับ 280 ต้าน 288 Stop loss 275) การเข้าซื้อธุรกิจปูนซีเมนต์ “Holcim
ศรีลังกา” และ “Holcim เวียดนาม” จะหนุนให้ ROE และ กำไรของ SCCC เติบโตเด่นสุดในภูมิภาค
โดยเงินเข้าลงทุนจะมาจาก การกู้ยืมและ การเพิ่มทุนบางส่วน ทำให้ Dilution จะเกิดน้อยกว่ากำไรที่
เติบโตสูง คาด Consensus จะเริ่มทยอยปรับเป้ากำไรขึ้น / SEAFCO (แนวรับ 10.8 ต้าน 11.5 Stop
loss 10.5) เมื่อวานแจ้งตลาดได้งานเพิ่ม 376 ล้านบาท หนุนงานมือปีนี้ Secure ครบ ทำให้มีโอกาสที่
ตลาดจะปรับเพิ่มประมาณการกำไรได้อีก
รายงานวันนี้
(-) PYLON ผู้บริหารให้มุมมองในงาน OppDay เมื่อวานนี้ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม โดยคาดงานรถไฟฟ้า
สายสีเหลือง-ชมพู-ส้ม น่าจะเริ่มก่อสร้างได้ราว 4Q17 นี้ ซึ่งในช่วง 2Q-3Q17 นี้ จะเป็นการรับงาน
ทั่วไปที่ขนาดไม่ใหญ่นัก / ความเห็น BLS Research จากราคาหุ้นที่แรลลี่ขึ้นมาจะถึงราคาเป้าหมาย
ของเราที่ 12.6 บาท และหุ้นเทรด PE ราว 21 เท่า ในปี 2017 เราแนะเต็มมูลค่า และเปลี่ยนตัวเล่นมา
เข้า SEAFCO ซึ่งเทรดบน PE ราว 15 เท่า เมื่อวานนี้ SEAFCO รับงานใหม่ 3 โครงการ รวมมูลค่าราว
376 ลบ. หนุนให้มี backlog รองรับรายได้เกือบทั้งปีแล้ว เราคงคำแนะนำ ซื้อ SEAFCO ราคาเป้าหมาย
13.50 บาท
(+) กลุ่มธนาคาร ตัวเลขการเติบโตของสินเชื่อในเดือน ก.พ. โดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.4%
MoM และ +1.6% YoY โดย KKP มีการปรับตัวได้ดีที่สุด +1.8% MoM, SCB +1% MoM, KBANK
+0.6% MoM และ BAY +0.4% MoM ทั้ง KTB และ BBL +0.2% MoM ในขณะที่ TCAP, TMB และ
TISCO -0.1%, -0.1% และ -1% ตามลำดับ จากตัวเลขที่ออกมาเป็นไปในทิศทางที่ดีคาดจะหนุนให้
การเติบโตของสินเชื่อเป็นไปตามเป้าหมายของแต่ละธนาคารได้ จากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว เราประเมิน
กำไรของกลุ่มธนาคาร 9 แห่ง +11% ในปี 2017 มาที่ 2.2 แสนล้านบาท กลุ่มปล่อยสินเชื่อธุรกิจ
ขนาดใหญ่คาดจะมีการเติบโตของการปล่อยสินเชื่อที่ดีใน 1H17 เป็นต้นไป ในขณะที่กลุ่ม SME และ
รายย่อย คาดเห็นการฟื้นตัวใน 2H17 – 2018 จากการฟื้นตัวของการส่งออกและภาคการบริโภคที่ฟื้น
ตัว เรายังคงชื่นชอบ SCB และ TISCO ที่สุดในกลุ่ม
(+) MINT ผลตอบรับจากนักลงทุนต่างประเทศออกมาในเชิงบวกจากภาพการเติบโตของกำไรในระยะ
ยาวที่ชัดเจนและยั่งยืน เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของตัวเลขการดำเนินงานต่างๆสำหรับทุก
ธุรกิจ ใน 1Q17 โดย SSSG ของกลุ่มอาหารคาดพลิกกลับมาเป็นบวกที่ 2-3% YoY สำหรับการ
ดำเนินงานในประเทศไทย และเฉลี่ยทั้งหมดที่ 1-2% ในขณะที่ RevPar ของโรงแรม System-wide
คาดพลิกกลับมาเป็นบวก 4-6% YoY เช่นเดียวกัน ในขณะที่รายได้ Residential จะกลับมาเติบโตสอง
หลักอีกครั้งใน 1Q17 หนุนโดยการเติบโตของรายได้ timeshare และการขายอย่างน้อย 2 วิลล่า
เพิ่มเติมในภูเก็ต ปัจจัยข้างต้นเราประเมินว่ากำไรหลักใน 1Q17 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง YoY และ
QoQ และคาด MINT จะมีการเติบโตที่ดีกว่ากลุ่มในช่วง low season 2Q17-3Q17 จากการกระจาย
ความเสี่ยง (Tivoli high season จะอยู่ในช่วง มิ.ย.-ก.ย.) MINT ยังคงเป็นตัวที่เราชื่นชอบที่สุดในกลุ่ม
แนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 42 บาท
(+) GPSC เรามองว่าราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนความคาดหวังของกำไรที่จะชะลอตัวลงใน 1Q17
ไปแล้ว และตรงนี้ถือเป็นโอกาสที่จะเข้าสะสมหุ้นอีกครั้งเพื่อรับภาพการเติบโตในอนาคตที่ยังแข็งแกร่ง
เราคาดว่าจะมีปัจจัยในอนาคตที่เป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรในส่วนของการปรับเพิ่มขึ้นของ PEA
tariff และอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากมุมมองการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาแก๊สในอนาคต (ปรับราคาขายขึ้นได้
มากกว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้น) อีกทั้งปกติไตรมาส 2 จะเป็นช่วงที่มีอุปสงค์ของการใช้ไฟฟ้าเข้ามา
ค่อนข้างมาก และยังมีปัจจัยหนุนจาก tariff ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เรามองกำไร 2Q17 จะเติบโตได้ทั้ง YoY
และ QoQ เราปรับคำแนะนำขึ้นมาจาก ถือ เป็น ซื้อ ราคาเป้าหมาย 38 บาท
รอบด้านตลาดหุ้น - 3
(-) TPCH จาก OppDay เมื่อวานนี้ ผู้บริหารยืนยันถึงการเติบโตโดยรวมที่ยังคงเป้นไปตามแผน โดย
คาดโครงการปัตตานี เฟส 1 ขนาด 21 MW ที่ได้ EIA มาแล้ว จะสามารถเซ็น PPA ได้ราว เดือน พ.ค.
นี้ อย่างไรก็ดีการ COD โครงไฟฟ้า พัทลุง และ สตูล มีแนวโน้มที่จะล่าช้าเล็กน้อย จากแผนเดิมจะ
COD 1Q17 และ 2Q17 เป็น 2Q17 และ 3Q17 ตามลำดับ จากการประเมินเบื้องต้น จะกระทบต่อ
ประมาณการกำไรปี 2017 ราว 5-10% สำหรับนักลงทุนระยะสั้นที่ซื้อตามรายงานกลยุทธ์ (tactical
trade) เมื่อวันที่ 17/2/2017 ที่ผ่านมาราคาหุ้นให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับตลาด เราแนะปิดสถานะไป
ก่อน อย่างไรก็ดีสำหรับนักลงทุนระยะยาวเรายังคงมองว่าบริษัทมีศักยภาพในการเติบโต และคง
คำแนะนำ ซื้อ เป้าหมายพื้นฐาน 23 บาท
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) COM7 Apple เปิดตัว iPad Pro ตัวใหม่, iPhone7 รุ่นพิเศษสีแดง, และ iPhone SE รุ่นที่มีความจุ
มากขึ้น เราคาดตลาดจะให้การตอบรับที่ดีกับสินค้าใหม่นี้ หนุนกำไร 2Q17 ของ COM7 ให้เติบโตอย่าง
ต่อเนื่อง (ที่มา CNBC)
(+) SQ ประกาศปันผล 0.05 บ. XD 2 พค. (ที่มา ตลท.)
(+) TNR นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TNR พร้อมด้วยนายเฉลิมโชค ล่ำซำ
ประธานกรรมการ LOXLEY GROUP : GMP (Thailand) Company Limited ลงนามในสัญญาแต่งตั้ง
LOXLEY GROUP : GMP (Thailand) Company Limited เป็นผู้แทนจำหน่ายถุงยางอนามัยและ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพียงรายเดียวในประเทศเวียดนาม เพื่อกระจายสินค้าและทำการตลาดผ่าน
เครือข่ายร้านค้า รองรับแผนขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV / การเข้าตลาดเวียดนามครั้งนี้เป็นไป
ตามกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทที่จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา เพื่อให้มีอัตรากำไร
ขั้นต้นที่สูงขึ้น
เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 33 บาท เรามองว่า downside ของราคาหุ้นจะเริ่มจำกัดเพราะ
ราคาที่ปรับตัวลงมาปัจจุบันสะท้อน P/E เพียง 31 เท่า PEG เพียง 0.78 เท่า ในขณะที่ KAREX เทรด
36 เท่า และ Bloomberg’s consensus คาดกำไรปี 2017 นี้จะหดตัว (ที่มา ตลท. BLS Research)
(+) SEAFCO แจ้งตลาด บริษัทได้รับงาน 3 โครงการในเดือน มี.ค. มูลค่ารวม 376 ล้านบาท โดยทั้ง 3
โครงการเป็นงานเสาเข็มเจาะ ประกอบด้วย โครงการโรงพยาบาลฟัน ถนนสุขุมวิท 71 พระขโนง
กรุงเทพฯ ของบริษัท อ่อนนุช ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดย
ขอบเขตของสัญญา รวมค่าวัสดุ โครงการทางหลวงพิเศษบางปะอิน-นครราชสีมา ช่วงที่ 18 ถนน
มิตรภาพ แก่งคอย จ.สระบุรี ของบมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) กำหนด
เริ่มดำเนินการก่อสร้างกลางเดือนเม.ย.60 โดยขอบเขตสัญญาไม่รวมค่าวัสดุ และโครงการสะพานข้าม
แม่น้ำกก ถนนเลี่ยงเมือง จ.เชียงราย ของบริษัท ประยูรวิศว์ จำกัด กำหนดเริ่มดำเนินการก่อสร้าง
กลางเดือนเม.ย.60 โดยขอบเขตสัญญาไม่รวมค่าวัสดุ
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(0) พุธ US existing home sales คาด +5.59 ล้านยูนิต จาก 5.69 ล้าน, ญี่ปุ่น ส่งออกเดือน กพ. คาด
+11% จาก +1.3% y-y., BOJ MPM minutes (30-31 Jan) (ที่มา Bloomberg)
(+) พฤหัส US New home sales กพ. คาด 5.6 แสนยูนิต จาก 5.55 แสน, Euro area Consumer
confidence มีค., UK Retail sales (ex auto fuel) คาด +0.5% จาก -0.2%, Taiwan CBC policy
meeting มีค. คาดคงดอกเบี้ย 1.375% สิงคโปร์ CPI คาด +0.7% จาก 0.6% ฟิลิปปินส์ BSP policy
meeting คาด คงดอกเบี้ย 3% ไต้หวัน Industrial production กพ. คาด +11.3% จาก +2.8% y-y.
(ที่มา Bloomberg)
(+) ศุกร์ US Durable goods orders ex-trans กพ. คาด +0.5% จาก 0%, ฝรั่งเศส GDP 4Q16 3rd
คาด +0.4% คงที่ Euro PMI services มีค. คาด 55.3 จาก 55.5, EU PMI Mnfg คาด 55.2 จาก 55.4
PMI Composite คาด 55.8 จาก 56, Japan PMI mnfg มึค., มาเลเซีย CPI กพ. +4% จาก 3.2%
สิงคโปร์ Industrial production กพ. คาด 7.4% จาก 2.2% y-y.(ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค