- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 22 March 2017 17:28
- Hits: 2333
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ส่วนที่ซื้อแล้วยังถือต่อเนื่องได้ แต่ส่วนที่จะซื้อใหม่ให้รอทยอยซื้อลบ
ตลาดหุ้นวานนี้ : แม้ว่า SET ยังขยับบวกต่อได้ดี แต่ก็มีแรงขายทำกำไรออกมากดดันให้ดัชนีผันผวนตลอดวัน ขณะที่แรงซื้อหนุนก็ยังดูค่อนข้างบางตา เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้น ประกอบกับ SET รีบาวด์กลับขึ้นมารับข่าวการที่เฟดยืนยันว่าจะไม่เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ไปพอควรแล้ว นอกจากนี้นักลงทุนบางส่วนยังเริ่มกังวลกับการที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ปธน.สหรัฐอาจต้องล่าช้าด้วย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ดูแย่ลง เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการบังคับใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ปธน.สหรัฐคนใหม่ ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ปิดปรับตัวลงกว่า 200 จุด รวมทั้งตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารด้วย ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดด้านลบ และหลายแห่งปรับตัวลงกว่า 1% ซึ่งน่าจะกดดันให้ SET ที่ขยับขึ้นมาแล้วพอควรในรอบสัปดาห์เศษที่ผ่านมา อ่อนตัวลงเช่นกัน โดยนักลงทุนบางส่วนยังรอลุ้นสุนทรพจน์ของประธานเฟดในวันพรุ่งนี้(23 มี.ค.) เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในครั้งถัดไปด้วย ซึ่ง FSS คาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะปรับพักตัวลงในช่วงสั้นๆ ก่อนกลับไปแกว่งบวกขึ้นใหม่ในช่วงถัดไปตามคาด
กลยุทธ์ : ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อเพิ่มช่วงตลาดอ่อนตัวลง ขณะที่ส่วนที่ซื้อไว้แล้วยังสามารถเน้นถือเพื่อรอรอบบวกครั้งใหม่ได้
แนวรับ 1566-1560 , 1558-1554 จุด
แนวต้าน 1570-1573 , 1575-1577 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BEC, SCN, COM7(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$954ล้าน นำโดยไต้หวัน US$536ล้าน เกาหลีใต้ US$329ล้าน และไทย US$44ล้าน ไม่มีประเทศใดที่เงินทุนไหลออก แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าแต่อาจชะลอตัวลง ตลาดกังวลต่อแผนเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐว่ายังมีความไม่แน่นอน ขณะที่ยังคงจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของประธาน Fed ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไป
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) ปัจจัยต่างประเทศกดดัน ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ให้ความเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่ดอกเบี้ยเฟดในปีนี้จะขึ้นมากกว่า 3 ครั้ง ขณะที่นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจกับนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ กดดันตลาดหุ้นสหรัฐร่วงแรง นอกจากนี้ ตลาดยังต้องจับตาสุนทรพจน์ของ Yellen และการโหวตยกเลิกโอบามาแคร์
(+) ข่าวดีกลุ่มไก่ เหตุการณ์เนื้อปนเปื้อนในบราซิล ทำให้จีน (ลูกค้ารายใหญ่สุดของบราซิล) และฮ่องกงประกาศระงับการนำเข้าเนื้อสัตว์แช่แข็ง (วัวและไก่) จากบราซิล ส่วนยุโรปกำลังเรียกร้องให้ 4 บริษัทในบราซิลระงับการส่งออกเนื้อ ประเด็นนี้เป็นบวกต่อกลุ่มไก่ของไทยทั้ง CPF, GFPT, TFG
(+) สินเชื่อแบงก์เดือน ก.พ. +0.4% M-M ดีขึ้นจาก ม.ค. ที่หดตัว -0.7% M-M ทำให้ยอดสินเชื่อ 2M17 -0.3% YTD แบงก์ที่สินเชื่อโตดีสุดในเดือนนี้คือ KKP (+1.8% M-M) ส่วนกลุ่มแบงก์ใหญ่ SCB มีสินเชื่อโตดีสุด (+1.0% M-M) รองมาเป็น KBANK (+0.6% M-M) แนวโน้มกำไรของกลุ่มใน 1Q17 มีทิศทางเพิ่มขึ้น 8-10% Y-Y แต่ทรงตัว Q-Q ธนาคารที่น่าจะมีกำไรดีทั้ง Q-Q, Y-Y คือ BBL, KTB, TISCO หุ้นเด่นยังเป็น TISCO ราคาพื้นฐาน 72 บาท
(0) ADVANC กำไร 1Q17 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี เราคาดไว้ 6.2 พันล้านบาท -4% Q-Q, -42% Y-Y จากต้นทุนที่สูงและการอุดหนุนราคาเครื่องมือถือ แนวโน้มกำไรน่าจะทยอยฟื้นตัวใน 2H17 เรายังคาดกำไรปกติทั้งปีนี้ -13% Y-Y แม้ราคาหุ้นจะเต็มมูลค่าที่ 170 บาทแต่แนะนำถือ เพราะมีปัจจัยหนุนระยะสั้นเรื่องคลื่น 2300MHz ของ TOT และมีปันผล 4.29 บาท/หุ้น (yield 2.4%) XD 5 เม.ย.
(+) ROBINS ข้อมูลจาก Opp Day วานนี้ยังคงเป็นไปในทิศทางที่เราคาดการณ์ไว้แล้ว ผู้บริหารไม่เน้นเติบโตจากการเปิดสาขา แต่เน้นเพิ่มอัตรากำไร โดยปรับ Product mix เพิ่มสัดส่วนสินค้า House brand และ International brand เน้นการทำกำไรจากช่องทาง on line มากขึ้น แม้ราคาหุ้นจะขยับขึ้นมาแต่ยังมี PE 22 เท่าต่ำกว่ากลุ่ม ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 76 บาท
(+) THG บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ดำเนินธุรกิจทางด้านการแพทย์ครบวงจร มีรพ.ในไทย 5 แห่งคือรพ.ธนบุรี, รพ.ธนบุรี 2, รพ.ราษฎร์ยินดี, รพ.อุบลรักษ์ธนบุรี รพ.สิริเวชจันทบุรี และในต่างประเทศ 1 แห่งในจีน มีธุรกิจรับจ้างบริหารรพ. และศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วย เป็นต้น จุดแข็งของ THG คือค่าบริการที่ต่ำกว่ารพ.อื่นและมี room ให้ปรับขึ้นได้อีกมาก มีธุรกิจรับจ้างบริหารรพ.ซึ่งแรงขับเคลื่อนรายได้ที่สำคัญในปีนี้ การเติบโตในอนาคตจะมาจากการขยายรพ.ปัจจุบันเพื่อเพิ่ม capacity และสร้าง Medical City รังสิต (มีที่พักอาศัย, Aged Care Center, ศูนย์สุขภาพ Wellness Center) เราคาดกำไรสุทธิในปี 2017-20 เติบโต 36.4% CAGR ประเมินราคาพื้นฐาน 46 บาท (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ THG)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22 มี.ค. - ฟิลิปปินส์:ธนาคารกลาง (BSP)ประชุม
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ก.พ.)
23 มี.ค. - ไทย:ยอดขายรถ (ก.พ.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ก.พ.), Yellen speaks at Community Development Conference
24 มี.ค. - สหรัฐ:คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.พ.)
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (มี.ค.)
27 มี.ค. - ไทย:ดุลการค้า (ก.พ.), TOTเปิดรับข้อเสนอ Beauty Contestของคลื่น 2300MHz
28 มี.ค. - เกาหลีใต้: 4Q16 GDP
29 มี.ค. - ไทย:กนง.ประชุม (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
- สหรัฐ: Pending home sales (ก.พ.)
30 มี.ค. - ไทย:ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ก.พ.)
- สหรัฐ: 4Q16 GDP (ตัวเลขสุดท้าย)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบแรงพอสมควรนำโดยกลุ่มธนาคาร รวมถึงความกังวลเรื่องการปฏิรูประบบประกันสุขภาพและฉุดหุ้นในกลุ่มการแพทย์ลง
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบเช่นกันซึ่งได้รับแรงกดดันเรื่องระบบประกันสุขภาพของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามกรอบการลบไม่ได้รุนแรงมากนักหลังนายเอมมานูเอล มาครองชนะนางมารีน เลอเปน ในการโต้วาทีนัดแรกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใส
(0) ค่าเงินบาทเริ่มแกว่งทรงตัวได้บ้างหลังแข็งค่ามาต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.68-34.70 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 0.88 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 47.34 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง API กล่าวว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งยังกดดันปัจจัยด้านอุปทานที่ยังล้นตลาด แม้ว่าฝั่ง OPEC จะลดกำลังการผลิตลง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. พุ่งขึ้น 12.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,246.50 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่ยังอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในระยะสั้นที่หายไป
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch