WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

ซื้อเก็งกำไรเมื่อ SET เหนือ SMA10
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี


ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : นักลงทุนต่างชาติยังคงเดินหน้าขายสุทธิต่อ 1.3 พันล้านบาท และรายย่อยก็ขายสุทธิสูงด้วย แต่สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 6 พันล้านบาท ทำให้ SET Index เมื่อวานนี้ปิด +16.25 จุดที่ 1557.05 ทั้งนี้คณะกรรมการ FOMC มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.00% ตามคาด และพรรค PW ฝ่ายขวาจัดของเนเธอแลนด์ที่มีแนวคิดจะออกจาก EU แพ้การเลือกตั้ง ทำให้ความวิตกเรื่องออกจาก EU ผ่อนคลายลง ดัชนีค่าเงิน US$ อ่อนลงมาที่ 100.2 บาทกลับมาแข็งขึ้นเป็น 34.9 บาท/US$ ปัจจัยสำคัญอื่นในช่วงนี้ ได้แก่
+ ตัวเลขภาคแรงงานเดือนมี.ค.และภาคที่พักอาศัยสหรัฐในเดือนก.พ.60 ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง
ข้อเสนอทรัมป์เรื่องตัดงบประมาณ R&D ทางการแพทย์ และเพิ่มกฎระเบียบในการอนุมัติการผลิตยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์กระทบ Sentiment หุ้นกลุ่ม Health Care ในสหรัฐ แต่ตลาดประเมินว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะผ่านความเห็นชอบของสภา
- การเมืองต่างประเทศไม่ค่อยนิ่ง ทั้งมีเลือกตั้งในยุโรปเป็นระยะในปีนี้ และเหตุระเบิดสำนักงาน IMF ที่ปรุงปารีสเมื่อวานนี้
+ BEAUTY : กำลังซื้อฟื้นตัวทำให้ SSSG โตเป็นเลขสองหลัก YTD ได้ การเปิดสาขาใหม่ ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัว (ทัวร์จีนทยอยกลับมาดีขึ้น) ขยายช่องทางขายในตปท. (ล่าสุดเข้าฟิลิปปินส์) คาดกำไรปีนี้ +32% แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 14 บาท
+ สปก.ลงสำรวจพื้นที่โครงการไฟฟ้าพลังลมที่ชัยภูมิและโคราชแล้ว มีสัญญาณเป็นบวกมากขึ้น ... เป็นข่าวดีกับ EA (รอผลิต 260 MW)
+ จัดพอร์ตบนความสมดุลของ Risk & Return (แบ่งเป็น 3 หมวด : หุ้นปันผล, หุ้นมั่นคง และหุ้นเติบโต) และทำ Re-balancing เป็นระยะ
หุ้นกลยุทธ์พื้นฐานที่แนะนำวันนี้เป็น BEAUTY

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค :
     ภาพตลาดรวมเป็นบวกเล็กๆ แนวต้าน 1570-1580 ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบหรือต่ำกว่า 1545 ควร Wait & See หรือลดพอร์ตตาม สำหรับการ SCAN หุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ TCAP, TPOLY, IRPC, MEGA ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ TFG, BLA, TPCH, TOP, PTTGC, TIPCO, PTL, BCH หุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะ Take Profit คือ MC หุ้นหลุด List -ไม่มี-

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

Need to know TODAY

 

ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ :
- เกิดเหตุระเบิดสนง. IMF ที่กรุงปารีสเมื่อวานนี้
เกิดเหตุระเบิดที่อาคารสำนักงานของ IMF ในกลางกรุงปารีสวานนี้ (16 มี.ค.) หลังจากที่มีผู้เปิดพัสดุไปรษณีย์ชิ้นหนึ่ง ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่ม Conspiracy of Fire Cells ซึ่งเป็นกลุ่มหัวรุนแรงจากกรีซออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดจากพัสดุไปรษณีย์ที่มีการส่งไปยังนายวูล์ฟกัง รมว.คลังเยอรมนี

+ อังกฤษ : BOE คงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% และใช้ QE ตามเดิม
BoE มีมติด้วยคะแนนเสียง 8-1 เสียง เห็นพ้องให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินวันที่ 16 มี.ค.60 และ ยังมีมติด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ 9-0 เสียงให้คงวงเงินในโครงการ QE ที่ 4.35 แสนล้านปอนด์และคงวงเงินซื้อหุ้นกู้ในภาคเอกชนที่ระดับ 1 หมื่นล้านปอนด์ต่อไป

+ สหรัฐ : ภาวะธุรกิจมิดแอตแลนติกเติบโตดีต่อในเดือนมี.ค.
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก อยู่ที่ระดับ 32.8 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ตัวเลขที่มากกว่า 0 แสดงว่ามีการเติบโต

+ สหรัฐ : ตัวเลขภาคแรงงานออกมาตามคาด
จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 241,000 ราย ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 106 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970

+ สหรัฐ : ตัวเลขเริ่มก่อสร้างบ้านเติบโตดีกว่าคาด
ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3.0%MoM และเพิ่มขึ้น 6.2%YoY ในเดือนก.พ. สู่ระดับ 1.29 ล้านยูนิต หลังอยู่ที่ระดับ 1.25 ล้านยูนิตในเดือนม.ค. และดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 1.26 ล้านยูนิต

+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดทรงตัว
นักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์คเทขายหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ หลังจากมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสนอให้มีการตัดงบประมาณด้านการวิจัยทางการแพทย์ และเสนอให้เพิ่มกฎระเบียบในการอนุมัติการผลิตยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่ได้รับการชดเชยจากตัวเลขภาคแรงงานและที่อยู่อาศัยที่ออกมาแข็งแกร่ง ปิดตลาดดัชนี DJIA อยู่ที่ 20,934.55 จุด ลดลง 15.55 จุด หรือ -0.07% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,900.76 จุด เพิ่มขึ้น 0.71 จุด หรือ +0.01% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,381.38 จุด ลดลง 3.88 จุด หรือ -0.16%

+ สัญญาน้ำมันดิบ : อ่อนลงเล็กน้อย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 48.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 7 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 51.74 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยหลักเป็นการขายทำกำไรหลังพุ่งขึ้นแรงในวันก่อนหน้า

+ สัญญาทองคำ : พุ่งขึ้นแรง 2.16%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 26.4 ดอลลาร์ หรือ 2.16% ปิดที่ระดับ 1,227.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.00% ตามคาด และค่าเงิน US$ อ่อนค่าลงหลังจบการประชุม FOMC

 

ปัจจัยในประเทศ :
+ โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมบนพื้นที่สปก.มีสัญญาณด้านบวกมากขึ้น
สปก.เข้าตรวจสอบพื้นที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่จ.ชัยภูมิและจ.โคราชแล้ว ในเบื้องต้นทุกฝ่ายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และพบว่าเกษตรกรในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากโครงการทั้งทางตรงและทางอ้อม และทางสปก.ก็ได้รับค่าตอบแทนต่อปีในรูปเงินกองทุนช่วยเหลือสวัสดิการกับเกษตรกร ซึ่งขั้นตอนต่อไปทางสปก.จะเสนอเรื่องเข้าไปที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนเม.ย.60 นี้

สำหรับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงการไฟฟ้าพลังงานลมที่รอความชัดเจนจากสปก. คือ EA (ขนาดกำลังการผลิต 260 MW) และโครงการที่ RATCH และ DEMCO ร่วมทุนกับ WEH 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 180 MW ส่วนของ EGCO เริ่ม COD แล้ว 2 โครงการที่ 6.9 MW และ 80 MW เป็นต้น

+ BBL : ลุ้นขยายเพดานการซื้อหุ้นต่างชาติเป็น 49%
ยังมีลุ้นเรื่องการขยายเพดานลงทุนของต่างชาติจาก 25% เป็นไม่เกิน 49% หลังจากที่ผู้บริหารระดับสูง คือ คุณชาติศิริ ได้เปรยไว้ในการประชุมนักวิเคราะห์ในช่วงที่ผ่านมา โดยหากมีการขยายจริงก็จะทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้น BBL ได้เพิ่มขึ้น (จากปัจจุบันที่ต้องซื้อใน NVDR) ณ ราคาหุ้น BBL ปัจจุบัน 184 บาท ยังมี P/BV ต่ำที่ 0.9 เท่า ส่วนการเติบโตของกำไรปี 60 คาดว่าจะดีขึ้นเป็น +11% โดยคาดว่าการปล่อยสินเชื่อในโครงการขนาดใหญ่จะดีขึ้น แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายระยะสั้น 190 บาท

+ STEC : ลงนามก่อสร้างทางหลวงพิเศษมูลค่า 4.3 พันล้านบาท
STEC แจ้งว่าบริษัทได้ลงนามสัญญาโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง บางปะอิน-สระบุรี-โคราช กับกรมทางหลวง มูลค่ารวม 4.32 พันล้านบาทแล้ว โครงการจะทยอยรับรู้รายได้ช่วงมี.ค.60 ถึงก.พ.63 ทาง DBSV คาดกำไรบริษัทในปี 60 จะเติบโตดี 13% แนะนำซื้อเก็งกำไร ราคาพื้นฐาน 30 บาท

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!