- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 14 March 2017 17:58
- Hits: 1713
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ยังอ่อนตัวลงอีก แต่ก็ทรงตัวได้ดี ดังนั้นยังแนะซื้อลบแล้วเน้นถือ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวย้อนลบลงมาทำจุดต่ำใหม่อีกครั้ง จากความกังวลเกี่ยวกับโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐในการประชุมวันที่14-15 มี.ค.นี้ แม้ว่าตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ส่วนใหญ่จะเริ่มฟื้นตัวเป็นบวกบ้างแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีแรงขายในหุ้นหลายตัวกดดัน SET อยู่ อย่างไรก็ตามในจังหวะตลาดเป็นลบ ก็ยังพอที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยพยุง SET ไว้ได้ เพราะช่วงที่ผ่านมา SET ตอบรับในเชิงลบไปมากพอควรแล้ว
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐยังแกว่งตัวแคบ และอ่อนตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขาย เพื่อรอลุ้นผลประชุมเฟดในค่ำวันพรุ่งนี้(15 มี.ค.) หลังมีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่าเฟดจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ยังขยับปิดบวกได้ดี ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังมีจังหวะบวกต่ออีก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็เริ่มทรงตัวแคบได้บ้าง แม้จะถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ จากจำนวนแท่นขุดเจาะที่ยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพอที่จะมีแรงหนุนจากการที่นักลงทุนต่างประเทศในบ้านเราเริ่มมียอดซื้อสลับ ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะแกว่งทรงตัว เพื่อรอรีบาวด์ขึ้นไปหาระดับดัชนีเป้าหมายตามพื้นฐานของปีนี้ที่ 1650 จุดได้ในช่วงถัดไป
กลยุทธ์ : FSS จึงยังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบ แล้วเน้นถือเพื่อรอรอบบวกของตลาดในช่วงถัดไปตามคาด
แนวรับ 1534-1532 , 1530-1528 จุด
แนวต้าน 1538-1542 , 1545-1548 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : CPN, GLOW, DTAC(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$645ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$408ล้าน ไต้หวัน US$194ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$6.8ล้าน ไหลออกฟิลิปปินส์ประเทศเดียว US$6ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางกลับมาไหลเข้าภูมิภาคหลังจากการตลาดรับรู้ข่าวแล้วว่า Fed น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปแน่นอน เศรษฐกิจสหรัฐแข็งแรงขึ้น และราคาหุ้นได้ปรับฐานจนมีความน่าสนใจอีกครั้ง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) SNC Valuations ปัจจุบันน่าสนใจมาก PE ต่ำเพียง 9.6 เท่า ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้เราคาด +18.8% Y-Y ฟื้นจากปีก่อนที่ -2% Y-Y การเติบโตจะมาจากประสิทธิภาพในการผลิต การบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายหลังย้ายโรงงานประกอบแอร์ เครื่องฉีดพลาสติก และโรงพ่นสีมารวมกันที่จ.ระยอง บริษัทได้ลงทุนผลิตน้ำประปาและ Solar Rooftop เองเพื่อประหยัดค่าน้ำค่าไฟฟ้า และสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากผลขาดทุนสะสมของบ.ลูก ทั้งนี้ธรรมชาติของธุรกิจ 1Q เป็น Peak season เพราะเริ่มเข้าหน้าร้อน เราแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 20 บาท
(+) CPALL ธุรกิจของ 7-11 มีความเป็น defensive ขณะเดียวกันเราคาดกำไรปี 2017 +18.4% Y-Y จากการขยายสาขาไม่ต่ำกว่า 700 แห่ง คาด SSSG +4% Y-Y สภาพคล่องทางการเงินผ่อนคลายมากขึ้นหลังออก Perpetual bond 1 หมื่นล้านบาทปลายปีก่อน ปัจจุบันมี PE 27 เท่า ต่ำกว่าในอดีตที่อยู่ 30 เท่าต้นๆ หรือคิดเป็น PEG 1.5 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 1.7-1.8 เท่า แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 74 บาท
(0) ปัญหา GL เป็นปัญหาเฉพาะตัว หุ้น MTLS และ LIT ที่เป็น Top picks ของเราในกลุ่มนี้ไม่มีปัญหาดังกล่าว ธุรกิจของทั้งสองอยู่แต่ในประเทศ การปล่อยกู้ของ MTLS และ LIT ไม่สลับซับซ้อนและเป็นไปอย่างรัดกุม คุณภาพสินทรัพย์ดี เห็นได้จาก NPL ของ MTLS ~1%, Coverage ratio ~220% ส่วน LIT มี NPL ~3% (แต่ไม่มีความเสี่ยงเบี้ยวหนี้เพราะลูกค้าเป็นภาครัฐ ความเสี่ยงคืออาจจ่ายช้า) Coverage ratio ~100% เรายังคงราคาพื้นฐานของ MTLS 36 บาท และ LIT 12.30 บาทหลัง XW (XW 27 มี.ค.) แนะนำซื้อทั้ง MTLS และ LIT
(0) DCC-RCI RCI ว่าจ้าง DCC ในด้านการผลิต การตลาด และบริหารธุรกิจของ RCI ในอัตราค้าจ้างเดือนละ 1 ล้านบาท ตั้งแต่ 2 พ.ค. นี้เป็นต้นไป อัตราค่าจ้างดังกล่าวเพิ่มมูลค่าให้ DCC มากสุดไม่เกิน 0.04 บาท/หุ้นจากราคาพื้นฐาน 4.80 บาท เราแนะนำเพียงถือ DCC ราคาพื้นฐาน 4.80 บาท ส่วน RCI แนะนำ Sell on fact เพราะถ้าราคาตลาดปัจจุบันคิดเป็น PE 20 เท่าเท่ากับ DCC บริษัทต้องทำกำไรให้ได้ 110 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 20% ของยอดขายซึ่งเราคิดว่ายากเกินไปสำหรับ RCI
(-) GL เราคิดว่าการชี้แจงของ GL ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่ครบถ้วน ยังต้องติดตามต่อในหลายประเด็น ยังคงแนะนำหลีกเลี่ยง สำหรับการลงบัญชีที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้ราคาเหมาะสมลดลงจาก 32 บาทเหลือประมาณ 20 บาท และยังไม่รวม downside จากเงินลงทุนที่ศรีลังกา
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
14-15 มี.ค. - สหรัฐ:FOMC Meeting
14 มี.ค. - จีน:ยอดค้าปลีก, Industrial Production (ก.พ.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (มี.ค.)
15 มี.ค. - สหรัฐ:ยอดค้าปลีก, อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
- เนเธอร์แลนด์:การเลือกตั้งทั่วไป
16 มี.ค. - ญี่ปุ่น: BOJประชุม
- สหรัฐ: การพิจารณาเพดานการก่อหนี้สาธารณะ,Housing starts & Building permits (ก.พ.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
22 มี.ค. - ฟิลิปปินส์:ธนาคารกลาง (BSP)ประชุม
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ก.พ.)
23 มี.ค. - ไทย:ยอดขายรถ (ก.พ.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ก.พ.)
24 มี.ค. - ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (มี.ค.)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดผสมในกรอบแคบๆ โดยตลาดยังคงจับตาดูการประชุม FED ในช่วงกลางสัปดาห์นี้ ซึ่งให้น้ำหนักว่าน่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอย่างแน่นอน
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกได้หลังสถานการณ์การเมืองในภูมิภาคที่น่าจะผ่อนคลายขึ้นจากการเลือกตั้งของเนเธอร์แลนด์และฝรั่งเศสที่จะเกิดขึ้น
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในกรอบแคบตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยจับตาดูการประชุม FED ที่จะเริ่มวันนี้และทราบผลการประชุมในอีก 2 วันข้างหน้า
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งทรงตัวในกรอบ 35.23-35.41 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 0.09 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 48.40 ดอลลาร์/บาร์เรล และยังมีทิศทางอ่อนตัวลงต่อวันนี้โดยยังถูกกดดันจากความกังวลเรื่องอุปทานที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 1.70 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,203.10 ดอลลาร์/ออนซ์ บวกเป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างตุรกีและเนเธอร์แลนด์ อย่างไรก็ตามกรอบการบวกนั้นจำกัดจากคาดการณ์ที่ FED น่าจะขึ้นดอกเบี้ยค่อนข้างแน่
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch