- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 10 March 2017 17:33
- Hits: 3114
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวโน้มลงทดสอบ 1530-1535
SET lndex: 1542.01 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลุดแนวรับสำคัญที่ 1550 จุดลงไป แต่มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ในขณะที่โครงสร้างระยะยาวมีสัญญาณของการปรับตัวลดลงหลุดแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นลงไป ทำให้แนวโน้มในระยะยาวมีโอกาสปรับฐาน กดดันให้แนวโน้มในระยสั้นยังมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยมีแนวรับที่ 1535 และ 1510 จุดเป็นแนวรับสำคัญ
แนวต้าน : 1544 และ 1547
แนวรับ : 1540 และ 1535
GL = 25.50&20 / 28.00, PTT = 384 / 388, KTB = 19.80 / 20.00, TASCO = 26.50 / 27.50, ADVANC = 169 / 171
Thai Airways International (THAI TB; THB 18.30) -ซื้อ
แนวต้าน : 19.00 และ 19.50
แนวรับ : 18.20 และ 18.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับสำคัญของกรอบแนวโน้มขาลง และจุดต่ำสุดเดิม ทำให้ราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิค
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้ม ลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI เกิดสัญญาณขัดแย้งในเชิงบวก
แนะนำซื้อ THAI โดยมีแนวรับที่ 18.20 และ 18.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 19.00 และ 19.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 17.80 ลงไป
Samart Corporation (SAMART TB; THB 12.90) -ซื้อ
แนวต้าน : 14.00 และ 14.30
แนวรับ : 12.90 และ 12.80
ราคาหุ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคต่อเนื่องเหนือแนวรับของเส้นแนวโน้มขาลงในระยะยาวเดิมที่ทะลุผ่านขึ้นมาได้แล้ว จึงทำให้การปรับตัวลดลงต่อเนื่องมีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิคเหนือจุดต่ำสุดเดิมที่ระดับ 12.30
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวลดลงเข้าใกล้ระดับ 30
แนะนำซื้อ SAMART โดยมีแนวรับที่ 12.90 และ 12.80 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 14.00 และ 14.30 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 12.30 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…สัญญาณจากราคาน้ำมัน
หลังการประกาศปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐเมื่อวานนี้ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 8.2 ล้านบารเรล์ เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มแค่ 1.9 ล้านบารเรล์ ได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันทั้ง WTI และ Brent ปรับตัวลงมาประมาณ 5% และลงต่ออีก 2 % เมื่อคืนนี้ จากความกังวลว่าปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบจะยังท่วมตลาด แม้ว่าทาง OPEC จะตกลงลดกำลังการผลิตในเดือน พ.ย. การปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบในครั้งนี้ถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี หากทิศทางราคาน้ำมันยังมีแรงกดดันจากปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบและการแข็งตัวของค่าเงินดอลลาร์ ราคาน้ำมันน่าจะยังอ่อนตัวลงได้อีก โดยราคาน้ำมัน WTI หากหลุด 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อาจลงมาที่ 47-48 ดอลลาร์ต่อบารเรล์
ก่อนการรายงานตัวเลขปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐ หากมาดูพฤติกรรมของพวก Hedge fund พบว่าทาง Hedge fund ได้ลด position การ Bullish น้ำมันลงหรือมีการ Short น้ำมัน ทั้ง ICE-Brent ICE-WTI และ NYNEX WTI ในปริมาณสูงที่สุดนับตั้งแต่ OPEC ตกลงลดปริมาณการผลิตในกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โดย ณ. สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 ก.พ. เทียบเท่าปริมาณน้ำมันถึง 61 ล้านบารเรล์ ดูรูปด้านซ้าย อย่างไรก็ตามแม้จะเริ่มมีการ Short ปริมาณน้ำมันออกไปบ้าง แต่รวมๆ ปริมาณการ Long น้ำมันยังทรงตัวในระดับที่สูง ที่ 951 ล้านบารเรล์ (21 ก.พ.)
แม้ภาพโดยรวมผ่านพฤติกรรมการเล่นของพวก Hedge fund จะยังมีมุมมองในเชิงบวกกับทิศทางราคาน้ำมันในปีนี้ แต่การที่เริ่มมีการ Trim position ออก อาจจะเป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นภาพบางภาพ ที่อาจจะยังเป็นประเด็นที่ตลาดกังวล ซึ่งตอนนี้ก็คือ การเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตน้ำมันและจำนวนหัวเจาะในสหรัฐ นอกนั้น ตลาดทางซาอุดิอาระเบีย ได้ออกมายืนยันว่าซาอุฯ จะยังไม่มีการลดกำลังการผลิตลงไปอีก หากปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐยังเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด
หากราคาน้ำมันเกิดปรับตัวลงไปต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ในกรณีของเบรนท์ กว่าที่จะดันให้ขึ้นมาสูงในระดับ 55-60 ดอลลาร์/บาร์เรล คงจะยังไม่เกิดง่ายๆ ในครึ่งปีแรก 2017 เพราะแทบจะไม่เห็นปัจจัยหนุน ซึ่งยังต้องรอผลการประชุมของ OPEC ในเดือน พ.ค. หรือรอดูตัวเลขปริมาณการใช้น้ำมัน ผลที่จะเกิดขึ้นจากราคาน้ำมันลื่นลงรอบนี้ คือ แรงขายหุ้นพลังงานของไทย เพื่อทำกำไร เหตุที่มองว่าหุ้นน้ำมันยังมีช่องให้ลงอีกมาก ดูได้จากรูปด้านขวา ที่เราแสดงดัชนีหุ้นพลังงาน 9 บริษัท คือ PTT PTTEP TOP BCP IRPC PTG SPRC และ GPSC จากรูปจะพบว่าดัชนีกลุ่ม ยังแทบไม่ลง เมื่อเทียบที่ผ่านมา เพราะดัชนีกลุ่มในปัจจุบันขึ้นมาทรงตัวใกล้จุดสูงสุดในรอบ 5 ปี
ดังนั้นภาพตลาดในสัปดาห์หน้าคาดตลาดหุ้นไทยจะยังเผชิญกับความผันผวนจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐรวมทั้งราคาน้ำมัน ประเด็นดอกเบี้ยน่าจะเป็นผลระยะสั้น ขณะที่ราคาน้ำมัน หากยังซึมลงต่อ น่าจะยังกดดันดัชนี SET ต่อไป แต่หากสามารถดีดกลับได้ ก็ไม่น่าจะมีอะไรมาก เพียงแต่รอดูทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ จะเป็นอย่างไร หลังการขึ้นดอกเบี้ย วันนี้มองว่าทิศทางดัชนี SET คาดจะแกว่งในกรอบแคบทั้งแดนบวกและลบเพื่อดูรอตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ ขณะที่ราคาน้ำมันยังอยู่ในอาการซึมลงต่อ วันนี้มองแนวต้านที่ 1554-1558 และแนวรับที่ 1540-1535 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร CK TU HANAG
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์: หากราคาน้ำมันเกิดปรับตัวลงไปต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ในกรณีของเบรนท์ กว่าที่จะดันให้ขึ้นมาสูงในระดับ 55-60 ดอลลาร์/บาร์เรล คงจะยังไม่เกิดง่ายๆ ในครึ่งปีแรก 2017 เพราะแทบจะไม่เห็นปัจจัยหนุน ซึ่งยังต้องรอผลการประชุมของ OPEC ในเดือน พ.ค. หรือรอดูตัวเลขปริมาณการใช้น้ำมัน ผลที่จะเกิดขึ้นจากราคาน้ำมันลื่นลงรอบนี้ คือ แรงขายหุ้นพลังงานของไทย เพื่อทำกำไร เหตุที่มองว่าหุ้นน้ำมันยังมีช่องให้ลงอีกมาก ดูได้จากดัชนีหุ้นพลังงาน 9 บริษัท คือ PTT PTTEP TOP BCP IRPC PTG SPRC และ GPSC ยังแทบไม่ลง เมื่อเทียบที่ผ่านมา เพราะดัชนีกลุ่มในปัจจุบันขึ้นมาทรงตัวใกล้จุดสูงสุดในรอบ 5 ปี ดังนั้นภาพตลาดในสัปดาห์หน้าคาดตลาดหุ้นไทยจะยังเผชิญกับความผันผวนจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐรวมทั้งราคาน้ำมัน ประเด็นดอกเบี้ยน่าจะเป็นผลระยะสั้น ขณะที่ราคาน้ำมัน หากยังซึมลงต่อ น่าจะยังกดดันดัชนี SET ต่อไป แต่หากสามารถดีดกลับได้ ก็ไม่น่าจะมีอะไรมาก เพียงแต่รอดูทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ จะเป็นอย่างไร หลังการขึ้นดอกเบี้ย วันนี้มองว่าทิศทางดัชนี SET คาดจะแกว่งในกรอบแคบทั้งแดนบวกและลบเพื่อดูรอตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ ขณะที่ราคาน้ำมันยังอยู่ในอาการซึมลงต่อ วันนี้มองแนวต้านที่ 1554-1558 และแนวรับที่ 1540-1535 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร CK TU HANA
Themes play :
BDMS : เราแนะนำ ซื้อ BDMS โดยมีราคาเป้าหมาย 23 บาท โดย BDMS ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตสามเท่าของ real GDp หรือประมาณ 9% สอดคล้องกับประมาณการของเราที่คาดว่าบริษัทจะมีรายได้เติบโต 9% ในปี FY17 ซึ่งอัตราการเติบโต 6% จะมาจากโรงพยาบาลเดิมและอีก 3% มาจากโรงพยาบาลใหม่ โดยในส่วนของโรงพยาบาลเดิม เราคาดว่า 3% จะมาจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น 2% จากการปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลและอีก 1% จากดัชนีโรครวมที่เพิ่มขึ้น BDMS คาดว่าอัตราส่วน EBITDA จะอยู่ที่ 21-22% ในปี FY17 สอดคล้องกับสมมติฐานของเราที่คาดว่าอัตราส่วน EBITDA จะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 21% ในปี FY16 เป็น 21.9% ในปี FY17 เพราะโรงพยาบาลใหม่ที่เปิดดำเนินงานในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาเริ่มทำกำไร เราจึงคาดว่า BDMS จะมีกำไรสุทธิเติบโต 13% ในปี FY17 ทั้งนี้บริษัทเปิดโรงพยาบาลใหม่ 13 แห่งนับตั้งแต่ปี FY14 โดยมีอยู่ 6 แห่งที่ยัง เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงช่วงนี้เป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อ
ประเด็นสำคัญในสัปดาห์
10 มี.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Change in Nonfarm Payrolls เดือนก.พ. โดยตลาดคาด 175,000 ราย จากเดือนก่อนหน้าที่ 227,000 ราย
10 มี.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Unemployment rate เดือนก.พ. โดยตลาดคาด 4.8% จากเดือนก่อนหน้าที่ 4.8%
14 มี.ค. : ยุโรปประกาศตัวเลข Industrial Production YTD YoY เดือนก.พ. จากเดือนก่อนหน้าที่ 6.0%
15 มี.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข CPI YoY เดือนก.พ. จากเดือนก่อนหน้าที่ 2.5%
Opportunity Day
10 มี.ค. : JUBILE NCH GUNKUL BAFS FN BJC BIGC
13 มี.ค. : NDR SPA EA AGE BJCHI
14 มี.ค. : BEAUTY TVD LOXLEY CNT CHO TTA pTTGC
15 มี.ค. : BA BIZ THANA TSR SQ SVI S
16 มี.ค. : COL AMA TRT PTL AIT TRU CENTEL
17 มี.ค. : PF MEGA SE TVO SGP
20 มี.ค. : CSS KOOL RP SENA TKS BIG
21 มี.ค. : A PPS PHOL PYLON TPCH ROBINS
22 มี.ค. : WHA MSC TWPC TM HTECH CBG
23 มี.ค. : AH COMAN DIMET DEMCO PTG
24 มี.ค. : NWR SEAFCO SAT ASN
Fundamental Stock :
SCN : Company Note คำแนะนำ : ซื้อ
Technical Pick:
กลยุทธ์ : SET Index ปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 1550 จุดอีกครั้ง แต่มูลค่าการซื้อขายไม่สูงมาก ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวลดลง
Scan Inter (SCN TB; THB 8.00) - ซื้อ
Sahakol Equipment (SQ TB; THB 5.85) - ซื้อ
SET Index : แนวโน้มลงทดสอบ 1530 แนวต้าน 1560-1565
Retail Research Team