- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 09 March 2017 17:09
- Hits: 1615
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ปรับลง แต่มองว่าความเสี่ยงทางลงมีจำกัดแล้ว
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ ปรับลง/ผันผวน หลังราคาน้ำมันร่วง + กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยยังกดจิตวิทยา (วานนี้ดัชนีฯ ลงมาใกล้เส้นพีอีแบนด์เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่อยู่แถว 1,530 จุด แล้วรีบาวด์ ใกล้เคียงที่เราประเมิน) ปัจจัยภายนอกเป็นลบ หลังราคาน้ำมัน WTi ลง 4.9% รับข่าวสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์เพิ่มถึง 8.2 ล้านบาร์เรล น่าจะกดดันหุ้นพลังงานขนาดใหญ่ในวันนี้ ขณะที่ประเด็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยยังอยู่ในตลาด หลังสัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์เพิ่มโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในวันที่ 15 มี.ค. เป็น 91% หลังจากสหรัฐฯ รายงานตัวเลขจ้างงานของเอกชน ก.พ. เพิ่มขึ้นมากถึง 2.98 แสนคน ซึ่งเป็นเครื่องชี้ว่าตัวเลขจ้างงานรวมที่จะออกมาพรุ่งนี้น่าจะแข็งแกร่งเช่นกัน ส่วนฝั่งยุโรป ธ.กลางยุโรป (ECB) จะประชุมวันนี้ นักเศรษฐศาสตร์ KGI และ consensus ประเมินว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ แต่อาจมีการส่งสัญญาณถึงระดับของนโยบาย QE ในอนาคต หลังจาก ECB เคยระบุว่าจะเริ่มทยอยลดระดับการซื้อพันธบัตรในเดือน เม.ย. เป็นต้นไป ทั้งนี้สำหรับ SET Index เรายังคงมองว่าระดับ 1,530 จุด คุ้มเสี่ยงเข้าสะสมหุ้นแล้ว หากตลาดปรับลงมาอีกแนะนำหาจังหวะสะสมหุ้น
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เน้นตั้งรับ BBL*, PTTGC*
BBL* (เป้าพื้นฐาน 189 บาท) 1) ยังคงแนะนำให้พิจารณาที่แนวราคา 183 บาท หากผ่านได้ แนะนำ “Follow buy” ประเมินแนวต้านถัดไปที่ ±190 บาท แต่ในกรณีที่ไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ แนะนำ “ซื้อแนวรับ” 180 บาท และ 177.5 บาท (Stop loss 175 บาท) 2) เราประเมิน Valuation ยังน่าสนใจด้วย PBV 0.92 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 1.1 เท่า ขณะที่รอ Catalyst เรื่องการปลดล๊อกสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างด้าว (Foreign Limit) จากปัจจุบัน 25% (เทียบกับแบงก์ใหญ่รายอื่นอาทิ SCB* และ KBANK* Foreign Limit ปัจจุบันอยู่ที่ 45.81% และ 48.98% ตามลำดับ)
PTTGC* (เป้าพื้นฐาน 76 บาท) 1) แนะนำพิจารณาที่แนวราคา 74 บาท หากผ่านแนวต้านดังกล่าวไปได้ แนะนำ “Follow buy” ประเมินแนวต้านถัดไปที่ 76.5 บาท แต่ในกรณีที่ไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ แนะนำ “ซื้อแนวรับ” 71.5 บาท (Stop loss 71 บาท) 2) เรายังคงประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้ของ PTTGC* จะได้อานิสงส์จาก Spread ปิโตรเคมีที่ยืนสูง + การ IPO บ.ลูก (ทำธุรกิจไบโอดีเซล) + การซื้อธุรกิจกลุ่มปิโตรเคมี จาก PTT* คาดจะแล้วเสร็จภายในปีนี้
หุ้นในกระแส
เน้นตั้งรับหุ้นหลักในแต่ละกลุ่ม ที่ราคาหุ้นปรับลง ขณะที่แนวโน้มกำไรโตดี
1) กลุ่มค้าปลีก แนะนำ “สะสม” i) CPALL* (แนวรับ 57 บาท), COM7* (แนวรับ 11 บาท)
2) กลุ่มโรงไฟฟ้า แนะนำ “สะสม” i) TPCH (แนวรับ 18.4 บาท)
3) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ แนะนำ “สะสม” i) SMT (แนวรับ 6.5 บาท)
4) กลุ่มสินค้าเกษตร แนะนำ “สะสม” i) KSL (แนวรับ 5 บาท)
5) กลุ่มพลังงาน แนะนำ “สะสม” i) BANPU* (แนวรับ 19.2 บาท และ 19.0 บาท)
อียูเข้าตรวจเดือนนี้ ลุ้นแก้ปัญหา IUU (อียู) ฝ่ายวิจัยฯประเมิน Sentiment บวกจากการแก้ไขปัญหาของภาครัฐฯ + อียู เตรียมเข้าตรวจปัญหาค้ามนุษย์เดือนนี้ คาดลุ้นหลุดใบเหลือง IUU กรณีที่เป็นจริงเราคาดจะเป็น Catalyst บวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกอาหารทะเล อย่าง TU*, CFRESH, ASIAN เป็นต้น แนะนำ “เก็งกำไร”
หุ้นกลุ่มงานรับเหมา Oil&Gas (SRICHA, BJCHI, STPI*) เราประเมินราคาหุ้นในกลุ่มฯ Underperform ตลาดฯในช่วงที่ผ่านมาเพราะงานรับเหมาด้าน Oil&Gas ที่ชะลอ (ผลจากราคาน้ำมันตกต่ำในปีก่อน) แต่เราคาดว่างานประมูลจะเริ่มฟื้นตัวในปีนี้ โดยเริ่มจากงานในประเทศอย่างการสร้างโรงกลั่นใหม่ของ TOP* มูลค่ารวมราว 3 – 4 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดเผย FEED (Front-End Engineering Design: หรือการออกแบบทางวิศวกรรม) และเริ่มเปิดประมูลใน 2Q60 (คาดเดือน เม.ย.-พ.ค.) แนะนำ “เก็งกำไร” SRICHA ที่คาดจะเป็นตัวเก็งการประมูลครั้งนี้ (เนื่องจากเคยรับงานของ TOP*) โดยกำหนด Stop loss 19 บาท สำหรับการเก็งกำไร SRICHA
หุ้นมีข่าว
(0) แบงก์ชาติไต้หวันอนุมัติข้อตกลง CTBC เข้าซื้อหุ้น LHBANK (รอยเตอร์) วานนี้แบงก์ชาติไต้หวันได้พิจารณาอนุมัติข้อตกลง CTBC เข้าซื้อหุ้นของ LHBANK (LHBANK.BK/LHBANK TB)* ในสัดส่วน 35.6% หรือคิดเป็นเงิน Bt16.6bn ทั้งนี้ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงที่ประกาศให้สาธารณชนทราบแล้วก่อนหน้านี้ตั้งแต่ มี.ค 59 โดย LHBANK จะออกหุ้นใหม่ 7.55 พันล้านหุ้นผ่าน Private placement ให้กับทาง CTBC ซื้อที่ราคา 2.2 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น premium ที่ราว 19.5% จากที่ราคาปิดวานนี้ ความเห็น: เรายังคงมุมมองบวกต่อข้อตกลงนี้ว่า LHBANK รวมไปถึง LH และ QH น่าจะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงนี้ในระยะยาว เนื่องจากเราเชื่อว่าการมาของ CTBC นี้จะช่วยพัฒนาธุรกิจให้กับ LHBANK ในหลายๆด้านซึ่งรวมไปถึงด้านนวัตกรรมทางการเงินหรือ FinTech เนื่องจากทาง CTBC ที่ไม่พียงเป็นสถาบันทางการเงินชั้นนำอันดับหนึ่งในไต้หวันแล้ว ยังมีชื่อเสียงที่กว้างขวางในเชิงของการเป็นผู้นำและการพัฒนา Electronic banking อีกด้วย ซึ่งเราเชื่อว่าจะมีการถ่ายทอดทั้งแนวคิด เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆให้ LHBANK สามารถพัฒนาธุรกิจและสามารถสร้างเป็นพื้นฐานรองรับสำหรับการขยายตัวในอนาคต อย่างไรก็ดีหลังจากการอนุมัติจากทางแบงก์ชาติไต้หวัน LHBANK จะต้องยื่นเรื่องไปที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อขออนุมัติและส่งเรื่องต่อไปยัง กลต. เพื่อเรียกประชุมผู้ถือหุ้นและออกหุ้นใหม่ผ่าน Private placement ตามในข้อตกลง หลัง CTBC เข้ามาจะถือหุ้น 35.6% ใน LHBANK ขณะที่ LH และ QH สัดส่วนการถือหุ้นจะลดลงเหลือ 21.9% และ 13.7% ตามลำดับ ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงสำหรับกรณี QH ว่าจะจำเป็นต้องเปลี่ยนการบันทึกรับรู้กำไรที่ได้รับจาก LHBANK จาก Equity income เป็น Dividend หรือไม่ เนื่องจากสัดส่วนการถือหุ้นต่ำกว่า 20% อย่างไรก็ดีทั้งนี้จะต้องรอดูสัดส่วน Board seat อีกครั้งหนึ่งว่าเป็นอย่างไร
(0) CPN* วางงบลงทุนปีนี้ 1.5-1.7 หมื่นล้านบาท (บางกอกโพสต์) โดยเป็นการลงทุนในศูนย์การค้า 3 แห่งมูลค่า 8 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นการปรับปรุงสาขาเดิมมูลค่า 2.5 พันล้านาท, ซื้อที่ดิน 5.1 พันล้านบาท และอีก 1.7 พันล้านบาทลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปีนี้ เราประเมินการเปิดศูนย์การค้าใหม่ 3 แห่ง, การใช้พื้นที่เช่าได้อย่างมีประสิทธิภาพและการลดต้นทุนการดำเนินงาน คาดจะช่วยลดผลกระทบจากการปรับปรุงครั้งใหญ่ และทำให้กำไรปี 2560 ยังเติบโตได้ 10.2% YoY เป็น 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้น แนวโน้มธุรกิจที่ยังคงความแข็งแกร่ง ทำให้เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 77 บาท
(-) GL ฉุดหุ้นลีสซิ่งร่วงแรง เซ่นความไม่เชื่อมั่นปล่อยกู้สิงคโปร์-ไซปรัส SAWAD*-MTLS* ดิ่งตาม (โพสต์ทูเดย์) GL ถูกถล่มหนักนับตั้งแต่วันที่ 1-8 มี.ค. ดิ่ง 65% ปัญหาความไม่เชื่อมั่นงบการเงิน ฉุดหุ้นลิสซิ่งร่วงตาม ราคาหุ้น บริษัท กรุ๊ปลีส หรือ GL ดิ่ง 25.52% หรือ 12.25 บาท มาปิดที่ 35.75 บาท โดยราคาหุ้นลดลงตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2560 ที่รับรู้หมายเหตุของผู้สอบบัญชีงบการเงินปี 2559 ที่ฉุดราคาให้ลดลงจนถึงวันที่ 8 มี.ค. 65% จากราคาปิดวันที่ 28 ก.พ. ที่ 59 บาท
(0) SYMC เข้าตาทุนใหญ่'มาเลเซีย' ตั้งโตะเทนเดอร์ 12.20 บาทต่อหุ้น (ทันหุ้น) SYMC อนาคตแข็งแกร่ง หลังเข้าตากลุ่มทุนใหญ่ TIME ผู้ประกอบธุรกิจเชื่อมต่อโครงข่ายยักษ์ใหญ่ระดับโลกจากมาเลเซีย จะทำเทนเดอร์ขั้นต่ำ 35% แต่ไม่เกิน 37% ที่ 12.20 บาทต่อหุ้น ผนึกกำลังขยายฐาน หวังเพิ่มโอกาสการเติบโตในอนาคต เล็งเพิ่มทุน 1,000 ล้านบาท ขยายการลงทุน
(+) ITEL-ILINK รับทรัพย์ คว้างานเหมาซ่อมบำรุง เคเบิลใยแก้ว 124.58 ล้าน (ทันหุ้น) ITEL-ILINK โดดรับโชคคว้างานเหมาตรวจซ่อมบำรุงเคเบิลใยแก้วให้ กฟภ.รวม 124.58 ล้านบาท ด้านผู้บริหาร "ณัฐนัย อนันตรัมพร" ประกาศชัดแนวโน้มผลงานฟื้นตัวหลังมูลค่างานในมือขยายตัว 1,600 ล้านบาท
(+) BCPG* ซื้อโรงไฟฟ้าเพิ่มกลางปี (กรุงเทพธุรกิจ) 'บีซีพีจี' คาดสรุปเข้าซื้อโรงไฟฟ้าได้ภายใน กลางปีนี้ ระบุมีเงินสดรองรับการลงทุน จ่อประมูลโครงการไฟฟ้าในประเทศ 100 เมกะวัตต์ ดันกำไรก่อนหักภาษี เติบโต 20%
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ASIAN (ยังไม่มีเป้าหมาย Consensus) แนะนำ “ถือ” โดยกำหนดจุด Stop loss หากปิดต่ำกว่า 5 บาท … ทางอียู จะเข้าตรวจปัญหาการค้ามนุษย์ในเดือนนี้ หากสามารถปลดล๊อกใบเหลืองได้จะเป็น Catalyst บวกต่อหุ้นในกลุ่มส่งออกอาหารทะเล อย่าง ASIAN + Valuation ไม่แพงด้วย Trailing PE 11.8 เท่า และยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 6.1 บาท (ตอนนี้ PBV 0.82 เท่า) และจ่ายปันผล 0.21 บาท/หุ้น Yield 4.2% (XD วันที่ 25 เม.ย.)
CPN* (เป้าพื้นฐาน 77 บาท) แนะนำพิจารณาที่แนวราคา 56.5 บาท หากยืนได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 58.25 บาท และ 59.25 บาท / แนวรับ 55.5 บาท (Stop loss 53.75 บาท)
COM7* (เป้า Consensus 14.6 บาท) วานนี้หลุดจุด Stop loss ที่เราประเมิน 11.4 บาท สำหรับนักลงทุนที่ Stop loss ไปแล้วแนะนำ รอซื้อคืนเมื่อราคาสร้างฐานได้ โดยประเมินแนวรับ 11 บาท (เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน) ... คาดแนวโน้มกำไรจะโตแบบ YoY ต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ไตรมาสติด + Valuation ถูกสุดในกลุ่มค้าปลีกด้วย PEG ±1 เท่า ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีก PEG >2 เท่า + ราคา Laggard หุ้นค้าปลีกมือถืออย่าง JMART
TASCO* (เป้าพื้นฐาน 32.5 บาท) ยืนเหนือแนวราคา 25.5 บาทได้ แนะนำ “เก็งกำไร” โดยประเมินแนวต้านแรก 27 บาท และถัดไปที่ 30 บาท เป็นจุดขายทำกำไร แต่หากต่ำกว่า 25.5 บาท แนะนำ “ขายล๊อกกำไร”
SITHAI (เป้าพื้นฐาน 2.74 บาท) แนะนำ “ถือ” โดยกำหนดจุด Stop loss หากปิดต่ำกว่า 1.96 บาท ... ประเมินผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุดในปีก่อน Earnings momentum เริ่มเข้าสู่ขาขึ้นแบบ QoQ อย่างน้อย 2 ไตรมาสติด
ROBINS* (เป้าพื้นฐาน 75 บาท) แนะนำ “ถือ” โดยกำหนดจุด Stop loss หากปิดต่ำกว่า 58 บาท
KTB* (เป้าพื้นฐาน 21.4 บาท) ประเมินรูปแบบราคาแกว่งขึ้นในกรอบแนวรับ – แนวต้าน 19.4 – 20.2 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบแนวรับ – แนวต้าน (ขายล๊อกกำไรหากต่ำกว่า 19.4 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
BDMS* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 24.8 บาท (ลดลงจากเป้าเดิม 6%) เราปรับลงประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 ลง 5.2% เพื่อสะท้อนผลประกอบการไตรมาส 4/2559 ที่อ่อนแอ อย่างไรก็ดีแนวโน้มไตรมาส 1/2560 น่าจะฟื้นตัว หลังจำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาดี ขณะที่แผนการลงทุนต่างๆ ของบริษัทยังเป็นไปตามเป้าหมาย นอกจากนี้ราคาหุ้นที่ลดลงแรงในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ upside ยังอยู่สูงถึง 22% จากเป้าพื้นฐาน
SPRC* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 13.3 บาท เราปรับเพิ่มสมมติฐานอัตราจ่ายเงินปันผลจาก 50% เป็น 60% ส่งผลให้ประมาณการปันผลปี 2560 อยู่ที่ 0.97 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 7.5% ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในบรรดาหุ้นโรงกลั่นของไทย ทำให้ SPRC เหมาะกับนักลงทุนที่ชอบหุ้นปันผล แต่ด้วยแนวโน้มกำไรที่น่าจะลดลงในปีนี้ เราจึงไม่เลือก SPRC เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ แต่อย่างใด และเราชอบหุ้น PTTGC* มากที่สุดในกลุ่ม
จิตวิทยาตลาดวันนี้ --- นัยรับ 1547 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1547 จุดได้นั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1547-1565 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่ารับ 1547 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1547-1535 จุด
แนวรับวันนี้: 1547/1536 แนวต้านวันนี้: 1556/1565
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
บทวิเคราะห์ : อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]