- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 07 March 2017 18:17
- Hits: 7886
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'สะสมหุ้นดีจังหวะอ่อนตัว'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงแรง 12.59 จุดปิดที่ 1553.61 โดยแรงขายกระจายไปในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม นำโดยการขายของนลท.ต่างชาติ ส่วนสถาบันในประเทศ&พอร์ตบล.ซื้อ/ขายสุทธิไม่มาก ปัจจัยสำคัญในช่วงนี้ ได้แก่
-/+ ดัชนีค่าเงิน US$ แข็งทรงตัวที่ 101.69 รอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐประจำเดือนก.พ.ที่จะออกมาศุกร์นี้...ตลาดมองดอกเบี้ยสหรัฐเข้าสู่ขาขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว DBS คาดจีดีพีสหรัฐปี 60 จะโตเร่งตัวขึ้นเป็น +2.7% จาก +1.7% ในปี 59
- จีนปรับลดเป้าการเติบโตเศรษฐกิจปีนี้ลงเป็น 6.5% (ปีก่อน +6.7%)...กระทบการเติบโตของอุปสงค์โลก แต่ส่วนหนึ่งได้รับการชดเชยจากการเติบโตที่ดีขึ้นมากของเศรษฐกิจสหรัฐ, เอเชีย (ไม่รวมจีน), อินเดีย เป็นต้น
+ BEM : กำไรปี 60 เติบโตสูงเพราะรับรู้รายได้บริหารเดินรถสีม่วงเต็มปี การเชื่อมต่อสายสีม่วง-น้ำเงินใน 3Q60 ทำให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเจรจาภายใต้ม.44 เสร็จแล้วรอเข้าครม.และเซ็นสัญญาบริหารเดินรถในไม่ช้านี้ แนะนำซื้อ TP : 8.50 บาท
+ ANAN : คาดกำไรปี 60 เติบโตสูงถึง 46% จากการโอนคอนโดของบริษัทและของบริษัทร่วมทุน ทั้งนี้บริษัทร่วมทุนเริ่มทำกำไรเป็นครั้งแรกได้แล้วในงวด 4Q59 แนวโน้มปี 61 ไปได้ดีจากที่จะเปิดขายโครงการใหม่ 42 พันล้านบาท (+102%) แนะทยอยซื้อสะสม TP : 6.05 บาท
จัดพอร์ตบนความสมดุลของ Risk & Return (แบ่งเป็น 3 หมวด : หุ้นปันผล, หุ้นมั่นคง และหุ้นเติบโต) และทำ Re-balancing เป็นระยะ
-/แนวโน้มการอ่อนค่าของเงินบาทและการเติบโตที่แข็งแกร่งของบจ.ในสหรัฐ (จากการลดภาษีรายได้ภาคธุรกิจของทรัมป์) ทำให้นักลงทุนต่างชาติปรับลดพอร์ตการลงทุน...ในช่วงนี้เราก็ทำการบ้านหาหุ้นดี เพื่อทยอยซื้อสะสมช่วงราคาอ่อนตัว (ดูรายละเอียดหุ้นเติบโตสูงและปันผลเด่นปี 60 ในตารางด้านใน) สำหรับหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานดีที่แนะนำวันนี้เป็น ANAN
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดรวมเป็นลบ แนวรับ 1550-1540 การรีบาวด์จากระดับปิดวานนี้มีแนวต้าน 1560-1570, 1580
สำหรับการ SCAN หุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ WORK, GFPT ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ JMART, SINGER, PTTGC, MEGA, SQ, HTECH, TFG, ITEL หุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะ Take Profit คือ MC หุ้นหลุด List คือ M
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ :
- สหรัฐ : โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยกลางมี.ค.นี้สูงขึ้นเป็น 86%
+ สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค.เพิ่มเกินคาด
ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐ +1.2%MoM และ +5.5%YoY ในเดือนม.ค. โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 หลังจาก +1.3%MoM ในเดือนธ.ค.59 โดยเป็นผลจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในเครื่องบิน ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน (ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน) -0.1%MoM ในเดือนม.ค.60
สหรัฐ : จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ที่จะออกมาศุกร์นี้
จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่เฟดจับตาและจะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้การตัดสินใจของคณะกรรมการเฟด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ที่ 10 มี.ค.นี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : อ่อนลงเพราะกังวลดอกเบี้ยปรับขึ้น & เกาหลียิงขีปนาวุธตกในเขตญี่ปุ่น
ตลาดประเมินว่าดอกเบี้ยสหรัฐกำลังเข้าสู่ขาขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว หลังเฟดยืนยันหลายครั้งว่าการจ้างงานสหรัฐใกล้เต็มศักยภาพและอัตราเงินเฟ้อกำลังเร่งตัวขึ้น รวมทั้งมีความตึงเครียดด้านการเมือง (ทรัมป์เรียกร้องให้สภาคองเกรสตรวจสอบอดีตปธน.โอบามาเรื่องสั่งการให้ดักฟังโทรศัพท์ในอาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ในช่วงที่มีการหาเสียงเลือกตั้งปีก่อน) & มีข่าวเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธตกในเขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่น ปิดตลาดดัชนี DJIA อยู่ที่ 20,954.34 จุด ลดลง 51.37 จุด หรือ -0.24% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,849.17 จุด ลดลง 21.58 จุด หรือ -0.37% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,375.31 จุด ลดลง 7.81 จุด หรือ -0.33%
สหรัฐ : สัญญาน้ำมันดิบอ่อนลงเล็กน้อย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 13 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 53.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 56.01 ดอลลาร์/บาร์เรล กังวลความร่วมมือในการลดปริมาณการผลิตหลังรัสเซียผลิตทรงตัวที่ 11.11 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนก.พ. (ต้องการผลิตลงอีก 1 แสนบาร์เรลจึงจะบรรลุเป้าหมาย) และสหรัฐผลิตเพิ่มขึ้น ประกอบกับจีนลดเป้าการเติบโตปีนี้เป็น 6.5% (จากที่ +6.7% ในปีก่อน)
สัญญาทองคำ : ปิดทรงตัว
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 1 ดอลลาร์ หรือ 0.08% ปิดที่ 1,225.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีค่าเงิน US$ : ยืนแข็งค่าที่ 101.69 รอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.วันศุกร์นี้
ปัจจัยในประเทศ :
กำไรตลาดหุ้นไทยปี 59 เติบโต 30.41%YoY เพราะฐานกำไรกลุ่มโภคภัณฑ์ที่ต่ำมากในปี 58
ตลท.เปิดเผยผลการดำเนินธุรกิจของบจ.ปี 59 ว่าบจ. 567 แห่ง มีกำไรสุทธิรวมกัน 908,855 ล้านบาท +30.41% และเป็นปีที่บจ.มีกำไรสุทธิสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยเฉพาะในหมวดธุรกิจที่ได้รับผลดีจากนโยบายรัฐบาล เช่น กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, วัสดุก่อสร้าง, พาณิชย์ และหมวดการแพทย์ ประกอบกับการฟื้นตัวของราคาน้ำมันในปี 59 จากฐานที่ต่ำมากในปี 57-58 ก็ช่วยให้กลุ่มโภคภัณฑ์มีกำไรที่ดีขึ้นมากและหนุนอัตราการเติบโตของกำไรตลาดรวม
DBSV คาดกำไรบจ.ปี 60 เติบโตเป็นเลขหลักเดียวที่ 7%
เนื่องจากฐานกำไรของปี 59 สูงขึ้น ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ร้อยละ 3 กว่าๆ (ไม่ถึงร้อยละ 4) การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนฟื้นตัวอย่างช้าๆ ขณะที่โครงการลงทุนภาครัฐและการท่องเที่ยวเป็น Key growth แต่ก็มีความเสี่ยงเรื่องความล่าช้าของการลงทุนในโครงการใหญ่ๆ รวมทั้งกฎระเบียบที่เกี่ยวกับการบินที่ยังต้องรอความชัดเจนจาก ICAO ที่จะเข้ามาตรวจในเดือนก.ค.60 อีกครั้งหนึ่ง
ส่วนภาพรวมของทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราทำการวิเคราะห์ พบว่าคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 จะเติบโต 7% อย่างไรก็ตาม ยังมีบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราทำการวิเคราะห์ ที่จะยังมีอัตราการเติบโตของกำไรที่สูงมากได้ เช่น กลุ่มไฟแนนซ์, กลุ่มค้าปลีก, ท่องเที่ยว & อาหาร เป็นต้น
ในช่วงนี้ แนวโน้มการอ่อนค่าของเงินบาทและการเติบโตที่แข็งแกร่งของบจ.ในสหรัฐ (จากการลดภาษีรายได้ภาคธุรกิจของทรัมป์) ทำให้นักลงทุนต่างชาติปรับลดพอร์ตการลงทุน...ในช่วงนี้เราก็ทำการบ้านเพื่อหาหุ้นดี เพื่อทยอยเก็บสะสมช่วงราคาอ่อนตัว ซึ่งหุ้นเติบโตสูงและปันผลเด่นในปี 60 ของ DBSV และราคาพื้นฐานมี Upside พอสมควร สรุปเป็นตารางได้ดังต่อไปดังนี้
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]