- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 07 March 2017 17:41
- Hits: 4049
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีทิ้งตัวลงตั้งแต่เปิดตลาด ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดของวันที่ 1564.89 จุด ลดลง 1.31 จุด ก่อนที่จะทิ้งตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นแรงขายนำจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน สื่อสาร และการเงิน ลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 1550.98 จุด ลดลง 15.22 จุด ทำให้กรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันอยู่ที่ 13.91 จุด ขณะเดียวกันกลุ่มที่ขึ้นสวนตลาดได้แก่ ขนส่ง การแพทย์ ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวลงของดัชนีได้แก่ PTT, GL, IVL, STA, PTTEP, SCC, KBANK, KCE ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1553.61 จุด ลดลง 12.59 จุด (-0.80%) มูลค่าการซื้อขาย 38,748 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้พักตัวลงต่อหลุด 1560 จุด และฐานเก่าล่าสุดที่ 1555 จุดไม่สามารถรับอยู่ ดึง Low ลงมาที่ 1550 จุด ก่อนที่จะมีแรงดีดกลับได้เบา ๆ ทำปิดที่ 1553 จุด จากภาพดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นกราฟแท่งเทียน และสัญญาณบ่งชี้ต่าง ๆ พร้อมใจส่งสัญญาณในเชิงลบ ทำให้เปิดพื้นที่ด้านล่างที่คาดว่าน่าจะลงมา 1545-1550 จุด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นจุดดีดกลับ ขณะที่กรอบบนลดระดับลงมาอยู่ที่ 1560-1564 จุด
แกว่งตัวผันผวน – อิงทางลง
Support 1560 // 1550-1546 จุด Resistance 1590-1600 // 1619 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
Company Update & News Comment
(+) กลุ่มการบิน : รัฐบาลเร่งแผนพัฒนาอุตสาหกรรมอากาศยาน โดยการพัฒนาสนามบินทั่วประเทศ
(+) FSMART : Upside อยู่ในระดับที่น่าสนใจ ปรับคำแนะนำเป็นซื้อ
(-) GL : แนวโน้มปล่อยกู้ 2 กลุ่มสิงคโปร์ และไซปรัส ระส่ำต่อการเรียกเก็บและรายได้ของกิจการ
(0) ส่งออกไก่ : พบไข้หวัดนกระบาดในสหรัฐฯเป็นครั้งแรกในรอบปี
ปัจจัยและทิศทางตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังซึมซับและเตรียมรับกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในการประชุม 14-15 มี.ค. นี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวกลับขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมทั้งการสูงขึ้นของค่าเงินดอลล่าร์ (เช้านี้ Dollar Index อยู่ที่ระดับ 101.72 /+0.02% จากวันก่อน) เป็นลบต่อตลาดหุ้นอื่นๆ (ที่ไม่ใช่สหรัฐฯ) เพราะจะมีเงินไหลออกจากตลาดหุ้น
ปริมาณซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดเอเซีย เห็นเป็น net sell ในหลายๆตลาด ขณะที่ของไทยนั้น นักลงทุนต่างประเทศมีการขายทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร 6 วันติดต่อกันรวม 2.0 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นปัจจัยที่กดดันต่อตลาดหุ้นไทยที่สำคัญตัวหนึ่ง และยังมีแนวโน้มที่นักลงทุนกลุ่มนี้จะขายต่อ
ราคาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นเป็น $53 เหรียญ หลังคาดอิรักลดกำลังการผลิตได้มากขึ้น ด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในกลุ่มโลหะ ทองแดงและสังกะสีปรับตัวลดลง 1% มีความกังวลด้าน supply เข้ามาในราคาสินค้ากลุ่มนี้ รวมทั้ง ประมาณการ GDP ของจีนที่ลดต่ำลง แม้จะมีข่าวบวกที่จีนจะลดกำลังการผลิตในประเทศเข้ามา แต่ก็ถูกกลบด้วย demand ที่จะลดลงด้วย ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ คาดจะยังมีความอ่อนไหว และถูกถ่วงด้วย ความกังวลที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ย และการขายทำกำไรหลังราคาปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก
ปัจจัยในประเทศ ตลาดมีข่าวเข้ามาค่อนข้างน้อย นักลงทุนกำลังรอดูข่าวบวกใหม่ ผลการประชุม ครม.วันนี้ หากมีวาระสำคัญๆ ออกมาน่าจะมีผลต่อตลาดด้วย ขณะที่ การแข็งค่าของเงินบาท ล่าสุด 35.05 บาท/ดอลล่าร์ จะยังเป็นลบต่อตลาดและหุ้นที่มีรายได้เป็นเงินดอลล่าร์
เราประเมินดัชนีฯ ในวันนี้ ยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง จากการปรับพอร์ตของนักลงทุนรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed เช่นเดียวกับวันที่ผ่านมา
กลยุทธ์การลงทุน ด้วยตลาดยังอาจยังมีความเสี่ยงขาลงจากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศและตลาดขาดข่าวบวกหนุน ..... กลยุทธ์ แนะนำชะลอการลงทุน ลดการถือหุ้นที่เสียงต่อการขายของนักลงทุนต่างประเทศ รวมทั้งหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ อบ่างไรก็ตาม หุ้นในบางประเภท เช่นหุ้นที่มีปัจจัยบวก ทั้งจากนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ หุ้นที่แนวโน้มผลการดำเนินงานยังดีและอิงกับภาวะเศรษฐกิจ และมีความเสี่ยงไม่มากนัก อาจยังได้รับความสนใจจากนักลงทุน..........ในการเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิเช่น GFPT , ARROW , PREB
ประเด็นสำคัญ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (06 มี.ค.) - SET Index ปิดที่ระดับ 1,553.61 จุด ลดลง 12.59 จุด หรือ -0.80% มูลค่าการซื้อขาย 38,747.80 ล้านบาท ตลาดฯปรับตัวสวนทางกับตลาดภูมิภาค โดยมีความกังวลด้านการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเป็นเหตุผลหลัก
ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 20,954.34 จุด ลดลง 51.37 จุด หรือ -0.24% จากปัจจัยกดดันเรื่องการกระแสการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด เช่นเดียวกับ Stoxx Europe 600 ลดลง -0.5% ปิดที่ 373.27 จุด หลังจากมีรายงานว่าธนาคารดอยซ์แบงก์ประกาศเพิ่มทุน 8 พันล้านยูโร
ราคาน้ำมันดิบ WTI - สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 72 เซนต์ หรือ +1.4% ปิดที่ 53.33 ดอลลาร์/บาร์เรล จากค่าเงินดอลลาร์ที่มีการอ่อนค่าก่อนหน้านี้
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนม.ค. โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 หลังจากพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนธ.ค.
เศรษฐกิจจีน - รัฐบาลจีนได้กำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำปี 2560 ไว้ที่ประมาณ 6.5% ลดลงจากช่วง 6.5-7% ในปีที่แล้ว
น้ำมัน - IEA ออกรายงานระบุว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกมีความเพียงพอสำหรับช่วง 3 ปีข้างหน้าและเตือนว่า ปริมาณอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นช้ากว่าความต้องการใช้น้ำมันหลังจากปี 2020 ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น
สหรัฐฯ- สำนักข่าวอินโฟเควสท์ ระบุ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีฉบับใหม่เมื่อวานนี้ ยกเลิกคำสั่งเดิมที่ออกในเดือนม.ค.ในการห้ามพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐ โดยคำสั่งใหม่ได้ยกเว้นอิรักจากรายชื่อประเทศซึ่งมีการประกาศก่อนหน้านี้
ตลาดพันธบัตรของไทย- สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติได้เทขายตราสารหนี้ 1.2 หมื่นล้านบาท และวันที่ 6 มี.ค. ยังขายอีก 944 ล้านบาท หลังจากเดือน ม.ค. และ 3 สัปดาห์แรกของเดือน ก.พ. ได้ซื้อสุทธิมาตลอดจากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 14-15 มี.ค.นี้ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติยังซื้ออยู่ที่ 5.7 หมื่นล้านบาท
กลุ่มธนาคาร- ธปท. ได้แจ้งค่าธรรมเนียมพร้อมเพย์นิติบุคคล สำหรับการโอนเงินระหว่างนิติบุคคลกับนิติบุคคล ซึ่งจะแตกต่างจากค่าธรรมเนียมพร้อมเพย์บุคคลธรรมดา โดยกรณีนิติบุคคลจะไม่มีการโอนเงินฟรี โดยเริ่มต้นจากวงเงินการโอนไม่เกิน 100,000 บาท คิดค่าธรรมเนียมสูงสุดไม่เกิน 10 บาทต่อรายการ และหากเป็นวงเงินการโอนมากกว่า 100,000 บาท คิดค่าธรรมเนียมการโอนเงินไม่ เกิน 15 บาทต่อรายการ ซึ่งค่าธรรมเนียมการโอนเงินอาจจะแตกต่างกันในแต่ละธนาคารขึ้นกับต้นทุนและโปรโมชั่นของแต่ละธนาคาร เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2560 เป็นต้นไป
ธุรกิจการบิน- การประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ เห็นชอบแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมอากาศยานของไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอากาศยานของภูมิภาคได้จริง ทั้งด้านการขนส่งคนขนส่งสินค้าและการซ่อมสร้างชิ้นส่วนอากาศยานโดยให้มีคณะกรรมการนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมอากาศยานขึ้นมาขับเคลื่อนการทำงานอย่างเป็นระบบและบูรณาการระหว่างหน่วยงาน
รถไฟทางคู่-รฟท. นำรายละเอียดผลการประชุมเกี่ยวกับ ทีโออาร์ รถไฟทางคู่ทั้ง 5 เส้นทาง นำเสนอให้คณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง(ซุปเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัดจ้าง) เพื่อพิจารณา ประกอบด้วย 1.เส้นทางช่วงนครปฐม-หัวหินระยะทาง 169 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 19,000 ล้านบาท 2.ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 116 กม. วงเงิน 23,000 ล้านบาท 3.ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 132 กม. วงเงิน 28,000 ล้านบาท 4.ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. วงเงิน 9,800 ล้านบาท 5.ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 16,000 ล้านบาท ซึ่งภายหลังซุปเปอร์บอร์ดได้พิจารณาได้ให้ รฟท.กลับมาดูรายละเอียดเงื่อนไขทีโออาร์รถไฟทางคู่ ทั้ง 5 เส้นทางให้ละเอียดมากขึ้นว่าจะมีทางเลือกอะไรอีกบ้าง เพื่อให้รอบคอบมากขึ้น
ตลาดหลักทรัพย์-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้รายงานกำไรสุทธิปีที่ผ่านมาว่ามี จำนวนรวม 909,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.41% จากปี 2558 เป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 5 ปี เพราะได้ ปัจจัยบวกจากต้นทุนการผลิตลดลงการฟื้นตัวของหมวดธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ได้ รับผลดีจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ คือ หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ วัสดุ ก่อสร้าง หมวดพาณิชย์หมวดการแพทย์ ฯลฯ
News Release :
EA ขายไฟ36MWบุ๊ค Q1 ลุ้นอีก 2 โครงการ 90 MW จ่อ COD ครึ่งปีแรก
+EA รับข่าวดี COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมหาดกังหัน 1 กำลังผลิต 36 MW แล้ว เริ่มบุ๊คเข้าทันที Q1 จับตา COD อีก 2 โครงการที่เหลือ 90 MW ภายในครึ่งปีแรก หนุนปี 60 กำลังผลิตไฟฟ้าพุ่ง 404 MW โบรกฯคาดกำไรปีนี้นิวไฮ 4,600 ล้านบาท โตแกร่ง 40% (ข่าวหุ้น)
'บจ.'กำไรท่วม9แสนลบ.ปีนี้พลังงาน-เช่าซื้อเด่น
+ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผย บจ.ไทยปี 59 มีกำไรสุทธิกว่า 9 แสนล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี โตจากปี 58 ถึง 30.41% รับต้นทุนการผลิตลดลง และการฟื้นตัวของหมวดธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี ด้านนักวิเคราะห์เผย กลุ่มพลังงาน ค้าปลีก และกลุ่มการเงินโดยเฉพาะเช่าซื้อ เช่น SAWAD, MTLS และ KTC ผลประกอบการยังโดดเด่น(ข่าวหุ้น)
PTG เด้งเป้าใหม่30บาทธุรกิจค้าปลีกน้ำมันสดใส
+"PTG" วิ่งรับราคาเป้าหมายใหม่ 30 บาท โบรกฯ อัพเกรดคำแนะนำเป็น "ซื้อ" ขานรับธุรกิจค้าปลีกน้ำมันแกร่งต่อเนื่อง ลุ้นกำไรปี 60 พุ่ง 1,100 ล้านบาท ทุ่ม 5 พันล้านบาทเสริมแกร่งค้าปลีก-นอนออยล์-ลงทุนธุรกิจใหม่ หนุนโตระยะยาว(ข่าวหุ้น)
OCEAN ส่อถูกแบ็กดอร์ทายาทรพ.ดอดถือ13%
+"ฟ้าประทาน" ทายาทธุรกิจโรงพยาบาลราชเวช เชียงใหม่ ดอดเก็บหุ้น OCEAN ถือ 13.12% คาดมีโอกาสทำแบ็กดอร์นำธุรกิจโรงพยาบาลเข้าตลาดหุ้น ฟาก "อุชัย" ยืนยันไม่ได้เทขายหุ้นออกมา พร้อมปัดข่าวลือจะถูกแบ็กดอร์ในขณะนี้(ข่าวหุ้น)
CTWฮุบโปรเจ็กต์1.8พันล. ดันผลงานปีนี้ทะยานเท่าตัว
+CTW ฐานแกร่ง จ่อเซ็นรับงานสายไฟฟ้านำอะลูมิเนียม สายไฟฟ้าตัวนำทองแดง และสายไฟฟ้าแรงดันสูงจากผู้ประกอบการรับเหมา 1,800 ล้านบาท ด้านโบรกเคาะผลงานปีนี้พุ่งเท่าตัวหลังรัฐและเอกชนเร่งขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่ผลงานปี 2559 คว้ากำไร 281,799 ล้านบาท เปรียบเทียบปีก่อนหน้าที่ขาดทุน 98.33 ล้านบาท(ทันหุ้น)
'BEM'ลุ้นเซ็นสายสีน้ำเงิน ดันยอดผู้โดยสารพุ่งพรวด บุ๊ก'สายสีม่วง-ทางด่วนศรีรัช'หนุน
+BEM ลุ้น ครม.อนุมัติเซ็นสัญญาเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย วันที่ 9 มีนาคมนี้ คาดผลประกอบการโตโดดเด่น จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น แถมบุ๊กรายได้การเดินรถสายสีม่วง และทางด่วนศรีรัชรอบนอก เต็มปี โบรกชี้อนาคตเติบโตแรง ให้พิกัดราคา 10.50 บาท(ทันหุ้น)
'TIPCO'ฟอร์มฟื้นตัวแกร่ง อัพการผลิตน้ำแร่เสริมมาร์จิ้น
+TIPCO การันตีผลงานปี 2560 กลับมาสดใสอีกครั้ง รับผลบวกจากธุรกิจของ TASCO กลับมาเติบโตต่อเนื่องตามดีมานด์ยางมะตอย พร้อมตั้งเป้ารักษามาร์จิ้นสูงกว่า 17% เร่งเดินหน้าอัพกำลังผลิตน้ำแร่ออร่า หวังช่วยหนุนกำไรขั้นต้น(ทันหุ้น)
HMPROอัดฉีดงบก้อนโต ปูพรมบุกตลาด'CLMV'
+HMPRO กางแผนปี 2560 ปักหมุดรายได้โต 8-12% จากปีก่อน เตรียมทุ่มงบลงทุนประมาณ 6-7 พันล้านบาท ขยายสาขาทั้งไทยและมาเลเซีย ไม่ต่ำกว่า 10 สาขา พร้อมเดินเกมระยะยาว 1-3 ปี (2560-2562) ลุยขยายตลาดใหม่ CLMV เล็งออกหุ้นกู้ วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท รองรับธุรกิจในอนาคต ฟากนักวิเคราะห์ส่องผลงานแจ่ม เชียร์ "ซื้อ" เคาะเป้า 11.40 บาท(ทันหุ้น)
นักวิเคราะห์ : มงคล พ่วงเภตรา
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
License No: 001937 Tel: 02-648-1123 และทีมวิเคราะห์