WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

CIMBบล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)

 

SET Index : ฟื้นตัวเหนือแนวรับสำคัญ 1550 แนวต้าน 1565
SET Index : 1555.75 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคในระยะสั้นที่บริเวณแนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวที่ 1550 จุด ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายเริ่มกลับเข้ามาอีกครั้ง ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวเหนือแนวรับสำคัญกลับขึ้นไปเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแนวต้านที่ 1565 จุด ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1580 จุด

แนวต้าน : 1558 และ 1560
แนวรับ : 1554 และ 1550
PTT = 386 / 394, CPALL = 59.00 / 60.00, SCB = 153 / 154, BDMS = 20.00 / 20.40, DTAC = 40.00 / 41.00

Carabao Group (CBG TB; THB 57.50) -ซื้อ

 

แนวต้าน : 60.50 และ 62.00
แนวรับ : 57.50 และ 57.00
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคในระยะสั้น แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้การปรับตัวลดลงมีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้น หลังจากปรับตัวลดลงมาทดสอบระดับ 61.80% ของการปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบที่ผ่านมา
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 20
แนะนำซื้อ CBG โดยมีแนวรับที่ 57.50 และ 57.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 60.50 และ 62.00 เป็นจุดขายทำกำไร
ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 56 ลงไป รอซื้อเพิ่มที่ 50.00

Thai Vegetable Oil (TVO TB; THB 35.75) -ซื้อ

 

แนวต้าน : 37.50 และ 38.50
แนวรับ : 35.75 และ 35.50
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปเคลื่อนไหวในกรอบแคบเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน หลังจากฟื้นตัวในระยะสั้น พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 30
แนะนำซื้อ TVO โดยมีแนวรับที่ 35.75 และ 35.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 37.50 และ 38.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 35.00 ลงไป

Analysts : Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)

SET…มีแนวโน้มปรับฐานลงต่อ สู่ระดับ 1530 จุด
เมื่อวานนี้ตลาดปรับตัวลดลงต่ออีก -12.59 จุดหรือ -0.80% ปิดที่ 1,553.61 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขาย 38,748 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศเป็นฝ่ายขายสุทธิไป 2,202 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายติดต่อกัน 6 วันทำการรวม 7,529 ล้านบาท หลังจากที่ปธน. ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสไปเมื่อวันที่ 28 ก.พ. สร้างความเชื่อมั่นให้กับเศรษฐกิจสหรัฐผ่านโครงการลงทุนกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐและการลดภาษีบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลลง ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนั้นการที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดได้ส่งสัญญาณเมื่อวันศุกร์ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม หากเศรษฐกิจมีการขยายตัวที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่เฟด ทำให้ตลาดเพิ่มความน่าจะเป็นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดวันที่ 14-15 มี.ค. นี้เพิ่มขึ้นจาก 69% เป็น 90%


    จากผลดังกล่าวทำให้นักลงทุนต่างประเทศมีการขายสินทรัพย์ทั้งตราสารหนี้และหุ้นในตลาดไทยออกมาในช่วงสั้น โดยนับจากต้นเดือนที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศมีการขายสุทธิตราสารหนี้ออกมากว่า 8.7 พันล้านบาท (ส่งผลให้ bond yield มีการปรับตัวสูงขึ้น โดยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีมีอัตราผลตอบแทนสูงขึ้นจาก 2.73% ณ สิ้นเดือนก่อนมาอยู่ที่ 2.785% สอดคล้องกับ bond yield พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 2.3899% มาอยู่ที่ 2.4997% ในช่วงเวลาเดียวกัน) สอดคล้องกับตลาดหุ้นไทยที่ถูกขายออกมาเช่นเดียวกัน เราประเมินว่านักลงทุนต่างประเทศจะยังเป็นผู้ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องไปจนทราบผลการประชุมเฟดในกลางเดือนนี้ ดังนั้นดัชนีมีแนวโน้มจะปรับลดลงต่อไปที่ระดับ 1520-1530 จุด


    สำหรับ ผลประกอบการไตรมาส 4/59 ที่ประกาศออกมาหมดแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน บริษัทที่เราทำการศึกษาประมาณ 40% มีผลประกอบการน่าผิดหวังใน 4Q16 ส่วนอีก 32% มีผลประกอบการดีกว่าคาดและ 24% สอดคล้องกับประมาณการ ซึ่งอัตราส่วนดังกล่าวนับว่าด้อยกว่า 3Q16 ที่ 34% ออกมาต่ำกว่าคาด 29% สูงกว่าคาดและ 37% ตามคาด ดังนั้นหลังฤดูประกาศผลประกอบการ 4Q16 เราจึงปรับประมาณการกำไรต่อหุ้นลง 2.7% ในปี FY17 และ 0.7% ในปี FY18 เท่ากับอัตราการเติบโต 12% ในปี FY17 และ 13% ในปี FY18


      เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งและการบริโภคในประเทศฟื้นตัวไม่มากนัก กลยุทธ์การลงทุนของเราจึงเน้นกลุ่มที่มีธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งเรามองเชิงบวกต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอาหาร กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มเกษตร โดยมีหุ้นแนะนำคือ KCE, CPF, TKN, IVL, CENTEL และ KSL นอกจากนี้ เรายังชอบหุ้น laggard อย่าง STEC, CK และ BCH เรายังคงเป้าดัชนีสำหรับสิ้นปี 2017 อยู่ที่ 1,650 จุด อิง P/E 14.1x ในปี FY18 หรือสูงกว่า -1SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปีเล็กน้อย โดยเราเชื่อว่าสถานการณ์การเมืองยังอยู่ในความสงบและค่าเงินบาทค่อนข้างมีเสถียรภาพ อีกทั้งเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจ นอกจากนี้ เราเล็งเห็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยจากการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศเนื่องจากรายได้เกษตรกรเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความคืบหน้าของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่

     นอกจากนั้นการที่ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องในช่วงนี้จากระดับ 34.81 บาท/ดอลลาร์เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 60 มาที่ระดับ 35.07 บาท/ดอลลาร์ เมื่อวานนี้และมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อเนื่องจากการที่ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าตามคาดการณ์ว่าเฟดจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นในการประชุมกลางเดือนนี้ ส่งผลให้กลุ่มที่มีรายได้ในรูปของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างกลุ่ม ส่งออกอาหาร (TU CPF GFPT) กลุ่มอิเล็คโทรนิคส์ (KCE DELTA) และกลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยวอย่าง AOT ERW CENTEL MINT (ซึ่งได้ประโยชน์จากการที่ค่าเงินบาทจะดูถูกลง ทำให้ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวจะลดลง) น่าจะปรับตัวได้ดีกว่าตลาดในช่วงนี้ (outperform) นอกจากนั้นเรายังมองว่าหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล(BCH BDMS) ที่ปรับฐานลดลงมาแรงก่อนหน้านี้ จนมี valuation ที่น่าสนใจก็อาจเป็นทางเลือกในการพักเงินในช่วงที่ตลาดมีการปรับฐานจากแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร พลังงานและ ICT ที่ outperform ตลาดมาก่อนหน้านี้
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ เราแนะนำให้ทยอยขายทำกำไรหุ้นกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร พลังงานและ ICT ที่เป็นเป้าหมายการขายทำกำไรของนักลงทุนต่างประเทศ และ selective buy ในหุ้นที่เราให้เป็น top pick การลงทุนในปีนี้อย่าง KCE CPF TKN IVL CENTEL KSL STEC CK และ BCH วันนี้มองแนวต้านที่ 1557-1562 จุด แนวรับที่ 1543-1550 จุด หุ้นที่แนะนำ ซื้อเก็งกำไร คือ BCH KCE KSL และ BR

Analysts : Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]

บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)

 

Morning Market Summary…
SET ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,555.75 จุด เพิ่มขึ้น 2.14 จุด (+0.14%) มูลค่าการซื้อขาย 18,876.07 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,556.95 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,549.09 จุด

 

Afternoon Perspective…
ภาวะตลาดฯช่วงบ่าย แนวโน้มน่าจะมีเทคนิเคลรีบาวน์สั้นๆ ช่วงเช้า SET Index ปรับตัวลงมาที่ระดับค่าเฉลี่ย 75 วัน บริเวณ 1549 จุด ซึ่งโดยปกติระดับดังกล่าวจะต้องมีรีบาวน์อย่างน้อย 1 ครั้ง โดยไม่จะตีความว่าจะเป็นจุดกลับตัว หรือเทคนิเคลรีบาวน์ ก็ขึ้นอยู่กับว่า SET Index ดีดตัวทะลุ 1563 จุด ได้หรือไม่ หากผ่านได้ก็จะกลับเข้าสู่รอบขาขึ้นครั้งใหม่ อย่างไรก็ตาม เรามองว่ามีโอกาสไม่มากที่จะทะลุ เพราะตลาดน่าจะยังรอผลการประชุม เฟดในกลางสัปดาห์หน้าก่อน

Technical Pick (PM) ...
Carabao Group (CBG TB; THB 57.50) - ซื้อ
Thai Vegetable Oil (TVO TB; THB 35.75) - ซื้อ

Analysts : Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!