- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 02 March 2017 17:51
- Hits: 1575
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
ขึ้นตามชาวโลก
วันนี้คาด ดัชนีฯดีดตามตลาดโลก 1,560-1,585 จุด จากอานิสงค์ sentiment เชิงบวกจาก หลังจาก
ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศแผนการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ รวมทั้ง
ประกาศแผนการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ การปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับชนชั้น
กลาง และลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับภาคธุรกิจ
(+/-) เมื่อวาน US Core PCE (+0.3% จาก 0.1%) เป็นไปตามตลาดคาด และโอกาสขึ้นดอกเบี้ยของ
เฟดเพิ่มสูง 69% ที่ในการประชุมเดือนนี้ แม้สุนทรพจน์ประธานเฟดคืนวันศุกร์นี้ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย
คาดเป็นลบจำกัดและเป็นปัจจัยลบระยะสั้นเท่านั้น มองว่าตลาดมองข้ามไปถึงโอกาสที่เศรษฐกิจ
อเมริกาขยายตัวดีขึ้น และเศรษฐกิจโลกเติบโตควบคู่กับไป
คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ซึมลงทดสอบแนวรับ 1,560/1,547 จุด ส่วนแนวต้าน
1,570/1,580 จุด เพื่อรอดูสุนทรพจน์สำคัญ จาก ปธน.สหรัฐฯ และ ประธานเฟด ขณะที่การสิ้นสุด
ฤดูกาลประกาศงบการเงิน บจ.ไทย ภายในครึ่งแรกของสัปดาห์นี้ คาดส่งผลให้ตลาดหุ้น (ดัชนีฯ) ขาด
ประเด็นหนุนการลงทุน และตลาดจะหันมาเล่นหุ้น ปันผลสูง, Low Beta play และ หุ้นขนาดกลาง-เล็ก
รายตัวที่มีประเด็นสนับสนุนระยะสั้น
คาดกรอบดัชนีฯ ระยะเดือน 1,550-1,620 จุด แนะเลือกลงทุน ไปที่หุ้นที่ ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง
จากเงินปันผลปี 2016 (หักระหว่างกาลแล้ว) สูงกว่า 4% ขึ้นไป ดูรายงานกลยุทธ์หุ้นปันผลวันที่ 30 มค.17
หุ้นแนะนำวันนี้
SITHAI แนวรับ 1.98 บ. ต้าน 2.10-2.15 บ. Stop loss 1.9 บ. คงแนะหุ้นปันผลสูง ล่าสุดบริษัท
ประกาศปันผล 0.10 บาท/หุ้น คิดเป็น yield ราว 5% และโอกาสในการเติบโตเพิ่มขึ้นจากการ pitch
deal ผลิต Preform (ขวด ฝาขวด) ให้กับเนสท์เล่ (ซึ่งเป็นลูกค้า SITHAI อยู่แล้ว) เพื่อขยาย
โรงงานผลิตนำ ดื่มบรรจุขวดเพิ่มแห่งที่ 2 ในไทย (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)
TSE เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6.85 บาท (ดุรายงานวันนี้) แนวรับ
5.50 บ. ต้าน 6.10-6.50 บ. Stop loss 5.35 บ.
รายงานวันนี้
(+) กลยุทธ์ตลาดหุ้นไทย บริษัททั้งหมดในตลาดรายงานกำไร 4Q16 เพิ่มขึ้น 21% YoY แต่ลดลง
3% QoQ การปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยรวม YoY มาจาก 13 กลุ่ม จาก 25 กลุ่ม เช่น Enegy&Petrochem (ปี
ที่แล้วมี Inventory loss), กลุ่ม Insurance (การตั้งสำรองน้อยลง), Tourism (การขยายพื้นที่),
Transportation (การเติบโตของผู้โดยสาร) เป็นต้น กำไรที่ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด 2.7% โดยจาก
จำนวนหุ้นทั้งหมดที่รายงานกำไรออกมามีหุ้นที่รายงานกำไร 4Q16 สูงกว่าที่ตลาดคาด 38% และ
จำนวนที่รายงานกำไรต่ำกว่าตลาดคาดมี 34% หากพิจารณาหุ้นที่ทางเราดูแลอยู่กำไรหลักที่ออกมา
เพิ่มขึ้น 5% YoY และ 6% QoQ และต่ำกว่าที่เราคาด 4% ที่ผ่านมาตลาดมีการปรับประมาณการกำไร
ปี 2017 ลงมาที่ 103.3 ในขณะที่เรามีการปรับประมาณการเช่นเดียวกันลงมาที่ 105.6 (จาก 107.6)
แต่ยังคงเป้หามาย SET ณ สิ้นปีที่ 1670 (ปรับ PE ขึ้น) เรายังมีมุมมองที่เป็นเชิงบวกมากกว่าตลาดจาก
โอกาสในการฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์หนุนโดยเศรษฐกิจโลกโดยรวมที่มีแนวโน้มที่ดี รวมถึง
เศรษฐกิจในประเทศจากการลงทุนของภาครัฐ จากปัจจัยต่างๆที่ดีขึ้นทั้งภาพเศรษฐกิจโลกที่จะหนุน
การส่งออก, เศรษฐกิจในประเทศจากภาคเกษตรที่ดีขึ้นและภาระที่ลดลงจากโครงการรถคันแรกที่หมด
ลง เรามองว่า SET มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปทดสอบ 1600 จุด ภายใน 2Q17
(+) TSE เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6.85 บาท (อิง SOTP ปรับขึ้น
จากการรวมมูลค่าชีวมวลเข้ามา 0.85 บาท/หุ้น) เรามองว่าบริษัทมีโครงการที่รองรับการเติบโตทั้งระยะ
กลางและระยะยาวที่น่าสนใจมากขึ้น คาดกำไรจะเติบโตเฉลี่ย 30%/ปี ในช่วง 2017-19 (CAGR) แม้
ระยะสั้นภาพปี 2017 กำไรจะดูแค่ทรงตัว แต่ในระยะกลางปี 2018 กำไรจะเติบโตสูงจากการเริ่มขาย
ไฟฟ้าโครงการชีวมวล 3 โครงการ รวม 22.2MW คาดหนุนกำไรเพิ่มขึ้นปีละ 180-220 ล้านบาท และ
สำหรับระยะยาวปี 2019 เป็นต้นไป คาดกำไรจะเติบโตจากโครงการโซล่าร์ที่ญี่ปุ่นเป็นหลัก ซึ่งจะเป็น
การเริ่มขายไฟฟ้าโครงการขนาดเล็กก่อน และหลังจากนั้นจะเริ่มขายไฟฟ้าโครงการขนาดใหญ่ขนาด
155MW ที่มีการประกาศการลงทุนออกมาก่อนหน้านี้ จากการประเมินเบื้องต้น มูลค่าของโครงการนี้
ประมาณ 2.0-2.5 บาท/หุ้น (ซึ่งเรายังไม่รวมในประมาณการ) จากกำไรที่เติบโตสูงนั้นจะส่งผลให้ P/E
ลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 20 เท่า ในปี 2017 เหลือ 15 และ 12 เท่า ในปี 2018-19 ตามลำดับ
(-) BDMS รายงานกำไรหลัก 4Q16 ที่ 2 พันล้านบาท ลดลง 8% YoY และ 11% QoQ เป็นไปตามที่
เราและตลาดคาด บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 0.19 บาท/หุ้น XD 19 มี.ค. จ่าย 26 เม.ย. แม้ว่ากำไร
จะออกมาตามคาดแต่ GM ปรับตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 29.6% ทำให้เรามีกาปรรับประมาณการกำไรปี
2017 ลง 2% และ ปี 2018 ลง 5% ปรับราคาเป้าหมายลงมาที่ 22 บาท (จาก 25 บาท) บริษัทมีการ
ประกาศเพิ่มทุนแบบ GM (ออกไว้ก่อน) คิดเป็น 10% ของหุ้นในปัจจุบัน เรามองว่าการออก GM ครั้งนี้
จะเพิ่มความยืดหยุ่นสำหรับการ M&A ในอนาคต เรายังคงคำแนะนำ ถือ
(+) EGCO จากกำไรที่ออกมาน่าประทับใจใน 2016 กำไรของ EGCO ในปีนี้คาดจะทำจุดสูงสุดใหม่ได้
อีกครั้ง การปรับตวเพิ่มขึ้นของ Tariff และการเข้าซื้อกิจการในอินโดนีเซียจะเป็นปัจจัยหลักที่จะหนุน
กำไรในปีนี้ นอกเหนือจากการ COD โรงไฟฟ้า SPPs ใหม่ สำหรับประเด็นของ สปก. เรามองว่า
ผลกระทบค่อนข้างจำกัด ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด จะส่งผลกระทบต่อกำไรเพียง 1% หากโรงไฟฟ้า 2
โรง TWF และ CWF ต้องหยุดดำเนินงาน ราคาหุ้นเทรดอยู่ในระดับ PBV/ROE ที่ 0.1 เท่าต่ำกว่ากลุ่มที่
0.14 เท่า เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 230 บาท
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) ครม.อนุมัติลดภาษีบุคคลฯ 17% สำหรับการทำงานใน EEC จากอัตราก้าวหน้า 37% เพื่อจูงใจให้
เกิดการจ้างงานในพื้นที่ EEC ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)
(+) วันนี้จัดประชุม Opportunity day PTT PTTEP IRPC TOP GPSC / 3 มีค. ORI SC GC JWD JSP
BA AS (ที่มา ตลท.)
(*) หุ้นขึ้น XD: 2 มีค. [email protected] [email protected] [email protected] PT 1:1 (ST) / 3 มีค. [email protected]
[email protected] [email protected] [email protected] [email protected] [email protected]:1 (ST) [email protected] / 6 มีค.
[email protected] [email protected] [email protected] / 7 มีค. [email protected] [email protected] [email protected]
[email protected] [email protected] [email protected] [email protected] [email protected] [email protected] [email protected]
[email protected] [email protected] / 8 มีค. [email protected] [email protected] [email protected] [email protected] [email protected]
[email protected] [email protected] [email protected] [email protected] / 9 มีค. [email protected] [email protected] [email protected]
[email protected] / 10 มีค. [email protected] (ที่มา ตลท./ ASPEN)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(0) เมื่อวาน กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ เดือน มค. +8.8% จากคาด 8.4%
และเกินดุลการค้า 826 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ที่มา ก.พาณิชย์, ASPEN)
(+) อังคาร US GDP 4Q16 2nd คงที่ +1.9% (แย่กว่าตลาดคาด +2.1%) q-q. จาก +1.9% q-q ar.
(ที่มา Bloomberg)
(+) พุธ US Personal spending มค.คาด +0.3% จาก +0.5% m-m. US Core PCE index มค.
+0.3% จาก +0.1%, US ISM Manufacturing กพ. คาด +56 คงที่, Euro area PMI manufacturing
กพ. คาด 55.5 คงที่, UK PMI ภาคการผลิตคาด 56 จาก 55.9, จีน Official PMI ภาคการผลิต กพ.คาด
51.1 จาก 51.3, เกาหลีใต้ ส่งออกเดือน กพ. คาด +13% จาก 11.2% y-y. ไทยเงินเฟ้อ CPI เดือน
กพ. คาด +1.5% จาก +1.6%, อินโดนีเซีย เงินเฟ้อ กพ. คาด 4% จาก 3.5% y-y.
(ที่มา Bloomberg)
(0) พฤหัส สเปน GDP 4Q16 2nd คาด +0.7%, เกาหลีใต้ Industrial production มค.คาด +1.6%
จาก +4.3% และ ประชุมธนาคารกลางมาเลเซีย คาดคงดอกเบี้ย 3% (ที่มา Bloomberg)
(0) ศุกร์ US ISM ภาคบริการ กพ. คาด +56.4 จาก 56.5, Euro area PMI Composite Feb final คาด
+56, UK PMI composite 55.8 จาก 55.5, Japan Core CPI มค.คาด +0.2% จาก -0.2%, มาเลเซีย
ส่งออกเดือน มค. คาด +16 จาก +10.7% (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน