- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 02 March 2017 17:26
- Hits: 1284
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ขึ้นต่อตามหุ้นโลก แต่ฟันด์โฟลว์ยังไหลออก จำกัดอัพไซด์
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ ขึ้นต่อ แต่ไม่แรง ฟันด์โฟลว์ยังอยู่ฝั่งขาย จะจำกัดอัพไซด์ (วานนี้ดัชนีฯ บวกปานกลาง ตามคาด) จิตวิทยาหุ้นโลกแข็งแกร่ง หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปพุ่งแรง รับการแถลงของ ปธน. ทรัมป์ต่อสภาคองเกรส ซึ่งแม้ว่าไม่น่าตื่นเต้นและไม่ลงรายละเอียดการลดภาษี แต่ก็ครอบคลุมเนื้อหาที่ตลาดรอฟัง ไม่ว่าแนวทางที่จะลดภาษี การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการยกเลิกระบบประกันสุขภาพเดิม ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง ดัชนี ISM ภาคการผลิต ก.พ. สูงสุดรอบกว่า 2 ปี ที่ 57.7 จุด อย่างไรก็ดีเราคงมอง SET มีอัพไซด์จำกัด เนื่องจากสัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์เปลี่ยนมามองเฟดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 14-15 มี.ค. นี้ ด้วยโอกาส 66% จากวันก่อนหน้าที่ 35% หลังเจ้าหน้าที่เฟดคนสำคัญอย่าง James Bullard (ผู้ว่าสาขาเซ็นหลุยส์) และ William Dudley (ผู้ว่าสาขานิวยอร์ก) เชียร์ให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่เงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ เร่งขึ้นมาที่ 1.9% YoY ใน ม.ค. กลยุทธ์สั้นยังแนะเก็งกำไรเร็ว เน้นหุ้นกำไรพลิกฟื้นในปีนี้ และหุ้นที่ลงแรงช่วงก่อนหน้านี้แต่พื้นฐานไม่เปลี่ยน เป็นต้น
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร CPN*, BBL*, BANPU*
CPN* (เป้าพื้นฐาน 77 บาท) 1) แม้จะรายงานกำไร 4Q60 โต 16% YoY น้อยกว่าคาด 8% แต่เป็นไปตาม Bloomberg consensus คาด (เนื่องจากอยู่ในช่วงของการไว้อาลัยฯ ทำให้รายได้ชะลอตัวมากกว่าคาด) แต่เราประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้จะดีขึ้น YoY ทั้งจากภาพรวมเศรษฐกิจไทย + การเปิดห้างใหม่ 3 แห่ง (นครราชสีมา, ภูเก็ต เฟส 2, มหาชัย) + การ Renovate ห้างเซ็นทรัลเวิล์ด และเซ็นทรัลพระราม 3 จะหนุนผลประกอบการปีนี้ (ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรโต 10.2% YoY) 2) วานนี้แจ้งตลาดฯ ร่วมทุน กับ DTC ลงทุนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม (รร + เรสซิเด้นซ์ + ศูนย์การค้า + อาคารสำนักงาน) บนที่ดินหัวมุมถนนสีลมและพระราม 4 มูลค่ารวม 3.6 หมื่นล้านบาท (CPN ร่วมลงทุนไม่เกิน 1.7 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 7 ปี) 3) วานนี้ดีดพ้นแนวต้านเทรนไลน์ที่ 55.5 บาท เราประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 58.25 บาท และ 59.25 บาท / แนวรับ 55 บาท (Stop loss 53.75 บาท)
BBL* (เป้าพื้นฐาน 189 บาท) 1) ประเมินกรอบแนวรับ – แนวต้าน 176.5 – 188.5 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบฯ 2) เราประเมิน Valuation ยังน่าสนใจด้วย PBV 0.91 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 1.1 เท่า
BANPU* (เป้าพื้นฐาน 23.5 บาท) 1) วานนี้ฝ่ายวิจัยฯปรับประมาณการกำไรปี 2560 – 61 ขึ้น 34 – 28% ตามลำดับ จากการปรับสมมติฐานราคาถ่านหินขึ้น (อ่านรายละเอียดในบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวานนี้เพิ่มเติม) 2) พิจารณาที่แนวราคา 19.8 บาท หากดีดพ้นได้จะเป็นการ Breakout แนวต้านเทรนไลน์ มีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 20.5 บาท และถัดไปที่ 21.0 บาท / แนวรับ 19.4 บาท (Stop loss 19.2 บาท)
หุ้นในกระแส
หุ้นกลุ่มงานรับเหมา Oil&Gas (SRICHA, BJCHI, STPI*) เราประเมินราคาหุ้นในกลุ่มฯ Undeperform ตลาดฯในช่วงที่ผ่านมาเพราะงานรับเหมาด้าน Oil&Gas ที่ชะลอ (ผลจากราคาน้ำมันตกต่ำในปีก่อน) แต่เราคาดว่างานประมูลจะเริ่มฟื้นตัวในปีนี้ โดยเริ่มจากงานในประเทศอย่างการสร้างโรงกลั่นใหม่ของ TOP* มูลค่ารวมราว 3 – 4 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดเผย FEED (Front-End Engineering Design: หรือการออกแบบทางวิศวกรรม) และเริ่มเปิดประมูลใน 2Q60 (คาดเดือน เม.ย.-พ.ค.) แนะนำ “เก็งกำไร” SRICHA แนวรับ 20.4 บาท แนวต้านแรก 21.4 บาท หากผ่านได้ประเมินพ้นแนวโน้มขาลงมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 22.9 บาท (Stop loss 19 บาท)
หุ้นสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ (ตัวใหญ่ SAWAD*, MTLS* / ตัวเล็ก SGF, SINGER) เราประเมินแนวโน้มธุรกิจสินเชื่อรายย่อยยังมีแนวโน้มเติบโต จากนโยบายการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของภาครัฐฯ ทำให้ สินเชื่อกลับสู่ในระบบมากขึ้น และเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ โดยประเมินหุ้นในกลุ่มที่เริ่มธุรกิจนี้แข็งแกร่งแล้วอย่าง SAWAD, MTLS และหุ้นกลุ่มที่เพิ่งประกาศแผนธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถอย่าง SGF และ SINGER จะอยู่ในความสนใจของนักลงทุน
หุ้นมีข่าว
(0) พาณิชย์เผย CPI ก.พ.เพิ่ม 1.44% ตามราคาน้ำมัน, ติดตามราคาสินค้าใกล้ชิด กระทรวงพาณิชย์เผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ในเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 1.44% YoY เป็นการปรับขึ้นเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน(Core CPI) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารสดและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.59% YoY อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ปรับตัวขึ้นในเดือนก.พ. เป็นผลจากราคาน้ำมันดิบที่ยังปรับเพิ่มต่อเนื่อง ขณะที่ราคาก๊าซหุงต้ม และอาหารสด ปรับขึ้นเช่นกัน โดยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 23.38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1.11% จากเดือนก่อนหน้า (Bisnews) อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นมายังไม่เป็นปัจจัยลบต่อเสถียรภาพด้านราคาและเศรษฐกิจ เนื่องจากเกิดจากฐานเงินเฟ้อที่ต่ำจากการที่ราคาน้ำมันลดลงแรงในเดือนมกราคมปีก่อน และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ฐานเงินเฟ้อเดือนมกราคมของปี 2560 ต่ำสุดและฐานเงินเฟ้อสูงขึ้นในเดือนถัดๆมาถึงเดือนมิถุนายน 2560 เนื่องจากราคาน้ำมันในปีก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้น ถ้าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกในช่วงถัดไปไม่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2560 จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในช่วงต่อไปเป็นบวกลดลงต่อเนื่อง ดังนั้นความเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นยังเป็นผลจากฐานที่ต่ำเป็นสำคัญ ขณะที่ราคาน้ำมันในปัจจุบันยังไม่เป็นปัจจัยลบต่อกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจโดยรวม แต่ยังเป็นปัจจัยบวกต่อราคาพืชผลทางการเกษตรหลักของประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในช่วงปีนี้ยังไม่น่าจะพุ่งขึ้นในระดับสูง และยังคงอยู่ในกรอบเงินเฟ้อที่ 2.5% +/-1.5% ยังไม่มีผลทำให้ กนง. ต้องกังวลประเด็นเงินเฟ้อ ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมามีการให้ความเห็นว่า กนง. ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม Fed นั้น เรามีความเห็นว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกัน กนง.ไม่มีความจำเป็นไม่มีเหตุผลที่จะต้องขึ้นดอกเบี้ยตาม Fed เนื่องจากนโยบายการเงินไทยเหมาะที่จะดูแลเศรษฐกิจไทย นโยบายการเงินสหรัฐฯก็เหมาะที่จะดูแลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายการเงินและระดับของอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่านมาของไทยและสหรัฐฯมีความแตกต่างกัน จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ กนง. ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม Fed และ ถ้า กนง. ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง ซึ่งยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่ กนง. ต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อชะลออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเนื่องจากเศรษฐกิจไทยไม่ได้ขยายตัวในระดับสูง ขณะที่ความสามารถในการใช้จ่ายโดยรวมขยายตัวในระดับปานกลาง โดยรวมเศรษฐกิจไทยยังต้องการแนวนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัว มากกว่าที่จะใช้นโยบายการเงินที่จำกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้น แนวคิดที่ว่า กนง.จะต้องขึ้นดอกเบี้ยตาม Fed จึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
(+) CPN* จับมือ DTC ยึดทำเลทอง 23 ไร่-ปั้นแลนด์มาร์คกลางกรุง (กรุงเทพธุรกิจ) มูลค่า 3.6 หมื่นล้าน ตั้งบริษัทร่วมทุน โรงแรม ที่พักอาศัย ศูนย์การค้า กลุ่มทุนไทยยักษ์ใหญ่ "เซ็นทรัล-ดุสิตธานี" ผนึกกำลังปั้นแลนด์มาร์คกลางกรุง ผุดบิ๊กโปรเจค "มิกซ์ยูส" ดันศูนย์กลางท่องเที่ยว- พักผ่อน-ชอปปิง ระดับบน สานแผน "เซ็นทรัล" วาง ยุทธศาสตร์จับมือพันธมิตร เดินหน้ายึดไพร์มโลเคชั่น เผยปีนี้ทุ่ม 4.5 หมื่นล้าน สยายปีก ชู "ดิจิทัล เซ็นทรัลลิตี้" รุกแพลตฟอร์มออนไลน์เต็มสูบ
(+) กลุ่ม ILINK หวังโตกระโดด ITEL ตั้งงบ 300 ล้าน สร้างดาต้าเซนเตอร์ (กรุงเทพธุรกิจ) ไอลิ้งค์รุกงานวิศวกรรมโทรคมนาคมดันมาร์จิน กลุ่มอินเตอร์ลิ้งค์หวังรายได้โตกระโดด รับอานิสงส์รัฐ-เอกชนเร่งลงทุน ไอเทลตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 30% พร้อมทุ่ม 300 ล้านสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ ขณะไอลิ้งค์เดินหน้ารุกงานวิศวกรรมและโทรคมนาคม หวังดันอัตรากำไร
(+) SQ แบ็กล็อก 4 หมื่นล.ลุยเหมืองแม่เมาะ 9 (ทันหุ้น) SQ โชว์แบ็กล็อก 4 หมื่นล้านบาท ทุบสถิติสูงสุด พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 3 พันล้านบาท แย้มเตรียมยื่นประมูลงาน
(+) EFORL เพิ่มทุน+แจกวอร์ฯดึง“สุรเกียรติ์”คุมวุฒิศักดิ์ (ข่าวหุ้น) บอร์ด EFORL ไฟเขียวเพิ่มทุน 7,510 ล้านหุ้น ขายผู้ถือหุ้นเดิม 4,600 ล้านหุ้น ในอัตรา 3:1 ที่ราคา 0.14 บาท/หุ้น พ่วงแจกฟรีวอร์แรนต์ วางเป้ารายได้ปีนี้โต 4 พันล้านบาท ปรับโครงสร้างดึง “สุรเกียรติ์ เสถียรไทย” นั่งประธานกลุ่มวุฒิศักดิ์
(+) มอเตอร์โชว์สะพัด4หมื่นล้าน (กรุงเทพธุรกิจ) มอเตอร์โชว์ เทงบการตลาด เพิ่มขึ้น10% กระตุ้นการรับลูกค้า มั่นใจปัจจัยบวกปลดล็อกรถคันแรก ดันเม็ดเงินสะพัด 4 หมื่นล้าน
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
SITHAI (เป้าพื้นฐาน 2.74 บาท) ประเมินผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุดแล้วหลังรายงานงบ 4Q59 เป็นจังหวะในการเข้าซื้อ หากดีดพ้นแนวต้าน 2.06 บาท ที่เป็นแนวต้านเทรนไลน์ มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 2.18 บาท แนวรับ ±2 บาท (Stop loss 1.96 บาท)
SQ (เป้า Consensus 6.05 บาท) พิจารณาแนวราคา 5.50 บาท หากกลับไปยืนเหนือแนวราคาดังกล่าวได้ แนะนำ “ถือ” หากต่ำกว่าแนะนำขาย รอซื้อคืนที่แนวรับ 5.25 บาท และถัดไปที่ 5.0 บาท
COM7* (เป้า Consensus 14.6 บาท) ประเมินแนวรับ 11.7 บาท แนวต้านแรก 12.3 บาท และถัดไปที่ ±13 บาท (Stop loss 11.4 บาท) ... Valuation ถูกสุดในกลุ่มค้าปลีกด้วย PEG ±1 เท่า ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีก PEG >2 เท่า + ราคา Laggard หุ้นค้าปลีกมือถืออย่าง JMART
SPA (เป้า Consensus 14.7 บาท) ประเมินรูปแบบราคา Sideway รอสัญญาณการฟื้นตัว โดยแนะนำให้พิจารณาที่แนวต้านเทรนไลน์ขาลงที่ 13.4 บาท หาก Breakout แนวต้านได้จะเป็นการปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 14.0 – 14.6 บาท (Stop loss 13 บาท)
TASCO* (เป้าพื้นฐาน 32.5 บาท) ยืนเหนือแนวราคา 25.5 บาทได้ แนะนำ “เก็งกำไรตาม” โดยประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 27 บาท และถัดไปที่ 30 บาท เป็นจุดขายทำกำไร แนวรับ 25.5 บาท (Stop loss 24.1 บาท)
ROBINS* (เป้าพื้นฐาน 75 บาท) แนะนำ “Let profit run” มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 65 บาท แนวรับ 61 บาท (Stop loss 58 บาท)
TMT (เป้าพื้นฐาน 20 บาท) สำหรับนักเก็งกำไร ที่เข้าซื้อตามที่เรานำก่อนหน้า แนะนำ “ขายล๊อกกำไร” ก่อนขึ้น XD วันที่ 3 มี.ค.
KTB* (เป้าพื้นฐาน 21.4 บาท) ประเมินรูปแบบราคาแกว่งขึ้นในกรอบแนวรับ – แนวต้าน 19.4 – 20.2 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบแนวรับ – แนวต้าน (ขายล๊อกกำไรหากต่ำกว่า 19.4 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินผลการดำเนินงานหลักของหุ้นในกลุ่มฯยังโดดเด่นใน 4Q59 แม้ในภาพรวมจะชอลอตัวเพราะอยู่ในช่วงของการไว้อาลัยฯ (เว้น CBG* ที่อ่อนแอ) แนะนำ “เก็งกำไร” TKN* MALEE และ SAPPE ส่วน CBG* แนะนำ “รอสะสม” เมื่อราคาต่ำกว่า 55 บาท (PE <25 เท่า) จึงจะเป็นระดับที่น่าสนใจ
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้ --- ต้านเส้นเก้าวัน 1568 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1568 จุดได้นั้น อาจปรับฐานสิ้นสุด และผลักราคาขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะสั้น แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่าต้าน 1568 จุด อาจคงแรงกดทางลงไว้
แนวรับวันนี้: 1559/1554 แนวต้านวันนี้: 1568/1583
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]