- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 24 February 2017 17:44
- Hits: 1329
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET มีลักษณะทรงตัว แต่ก็ดูอ่อนแอ ดังนั้นยังแนะนำให้ทยอยซื้อลบ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET อ่อนตัวลงมาเคลื่อนไหวด้านลบตลอดทั้งวัน ตามบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ที่ยังปิดเป็นลบ ถึงแม้ว่าจะปรับตัวลงไม่รุนแรงนัก โดยยังมีลักษณะทรงตัวได้ในกรอบเดิมของวันก่อนหน้าได้ แต่ก็แสดงถึงแรงซื้อที่เริ่มชะลอ หลังจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุนเพิ่ม ขณะที่นักลงทุนบางส่วนยังรอดูสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐอีกครั้งด้วย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : การแกว่งตัวของตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังไม่สดใสนัก หลังเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐยังปิดบวกในกรอบแคบ ถึงแม้ว่าจะเป็นการบวกขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 10 ก็ตาม โดยดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า ปธน.สหรัฐให้คำมั่นว่าจะนำการจ้างงานกลับเข้าสู่สหรัฐ รวมทั้งนักลงทุนยังมีความหวังกับมาตรการภาษีของสหรัฐด้วย อย่างไรก็ตามประเด็นต่างๆ ยังไม่ได้มีความชัดเจน ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐยังแกว่งผันผวนในระหว่างวันค่อนข้างมาก ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปถูกกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน ส่วนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกแม้ว่าจะขยับบวก แต่ก็ยังเป็นการแกว่งทรงตัวในกรอบเดิมอยู่ ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงได้อีกสักพัก ก่อนที่จะมีแรงซื้อหนุนให้ดัชนีขยับกลับขึ้นไปหาระดับดัชนีตามพื้นฐานที่เราประเมินไว้ได้ในช่วงถัดไป
กลยุทธ์ : ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้เลือกหุ้นค่อยๆ ทยอยซื้อช่วงลบต่อไปก่อนดีกว่า จากนั้นเน้นถือเพื่อรอลุ้นเป้าหมายตามพื้นฐานในช่วงถัดไปได้
แนวรับ 1565-1560 , 1555-1552 จุด
แนวต้าน 1570-1572 , 1575-1578 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TPIPL, PLANB, ICHI(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$176 นำโดยไต้หวัน US$166ล้าน และฟิลิปปินส์ US$17ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$2.2ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$19ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค ตลาดมีความหวังต่อมาตรการกระตุ้นทางการคลังของรัฐบาลสหรัฐ ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยตลาดคาดว่า Fed น่าจะไม่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.นี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) CPALL กำไรสุทธิ 4Q16 ดีกว่าเราและตลาดคาด +4.5% Q-Q, +10.9% Y-Y ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 4.3 พันล้านบาท แม้ว่า SSSG จะติดลบเล็กน้อย -1% Y-Y แต่การเปิดสาขาใหม่ 131 แห่ง และมีรายได้จากช่องทางอื่นมาชดเชยการหยุดขายบัตรเติมเงิน AIS ได้ รวมทั้งกำไรของ MAKRO ออกมาดี ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี +22% Y-Y เราคาดกำไรปีนี้โตต่อเนื่อง 18.4% Y-Y คงราคาพื้นฐาน 74 บาท แนะนำซื้อ
(+) TACC กำไรสุทธิ 4Q16 ทำจุดสูงสุดใหม่ตามคาด +31.8% Q-Q, +107% Y-Y นอกจากจะเป็นการเติบโตตามฤดูกาลแล้ว ยังประสบความสำเร็จจากการวางขายโดนัทตั้งแต่ปลาย ก.ย. ทำให้กำไรทั้งปี +50% Y-Y เป็น 102 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เราคาดกำไรปีนี้ +67.5% Y-Y โตตามการขยายสาขาของร้าน 7-11, All-cafe และร้านกาแฟมวลชน เพิ่มสินค้าใหม่ๆ และขายเครื่องดื่มชูกำลัง Jump Start ในตลาดกัมพูชา คงราคาพื้นฐาน 11.50 บาท ประเด็นภาษีน้ำตาลไม่น่ากังวล แม้ยังไม่ชัดเจนเรื่องอัตรา แต่รัฐให้เวลาปรับตัว 2 ปี
(+) MALEE กำไรสุทธิ 4Q16 ลดลงตามคาด -27.3% Q-Q, +11.4% Y-Y การจับจ่ายใช้สอยในไตรมาสที่ผ่านมาไม่สดใส แต่ธุรกิจรับจ้างผลิตสูงขึ้น ทำให้กำไรทั้งปี +60% Y-Y คาดปีนี้โตต่อ +29% Y-Y ตามกำลังซื้อ การขยายตลาดต่างประเทศสำหรับแบรนด์มาลี และการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อสำหรับธุรกิจรับจ้างผลิต เรายังคงราคาพื้นฐาน 115 บาท แนะนำซื้อ บริษัทจะแตกพาร์จาก 1 บาท เป็น 0.5 บาท ยังไม่กำหนดวัน
(-) ICHI ผลงาน 4Q16 แย่กว่าคาดมาก พลิกเป็นขาดทุน 55 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี -55% Y-Y ปี 2017 ยังท้าทายอยู่มาก คงคำแนะนำขาย ราคาพื้นฐาน 8 บาท
(+) ERW แผนขยายโรงแรมเพิ่มเป็น 95 แห่ง (ไม่ต่ำกว่า 10,000 ห้องพัก) ด้วยเงินลงทุน 9.1 พันล้านบาทภายในปี 2020 กระจายไปต่างจังหวัดและต่างประเทศ จะช่วยลดความเสี่ยงด้านการกระจุกตัวของรายได้ในกรุงเทพ เราไม่ได้กังวลนักกับโรงแรมเปิดใหม่ที่จะถ่วงผลการดำเนินงานในช่วงแรกเพราะฐานรายได้และกำไรของบริษัทแข็งแกร่งกว่าในอดีตมาก เรายังคาดกำไรปกติปีนี้ +21% Y-Y แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 6 บาท
(0) BLA กำไรดีกว่าคาด +226% Q-Q, -12.7% Y-Y ใน 4Q16 กำไรที่ดีกว่าคาดเกิดรายการการกลับ LAT Reserve 2 พันล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับสุทธิดีกว่าคาด เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ -8% Y-Y โดยไม่รวม LAT Reserve คงราคาพื้นฐาน 56.50 บาท แนะนำถือไว้ก่อน (รอฟังการประชุมนักวิเคราะห์บ่ายนี้)
(+) WORK ผลประกอบการ 4Q16 ขาดทุนน้อยกว่าเราและตลาดคาด เราอยู่ระหว่างปรับประมาณการจาก Rating ของบริษัทที่เพิ่มแข็งแกร่ง อัตราการใช้เวลาที่สูงขึ้น และส่วนแบ่งรายได้จากการ Ad. Online ที่มีแนวโน้มดีกว่าคาดเดิม
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
27 ก.พ. - ไทย: ดุลการค้า (ม.ค.),ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ม.ค.)
- สหรัฐ:คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ม.ค.)
28 ก.พ. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ม.ค.
- สหรัฐ:4Q16 GDP (คาดการณ์ครั้งที่ 2) (ตลาดคาด +2.1%), ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรส
- ยูโรโซน:อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
1 มี.ค. - ไทย:อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
- จีน: Manufacturing & Non-manufacturing PMI (ก.พ.)
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Manufacturing PMI (ก.พ.)
- สหรัฐ: Fed Beige Book
2 มี.ค. - ไทย:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.พ.)
3 มี.ค. - จีน:Caixin China PMI Composite (ก.พ.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ก.พ.)
7 มี.ค. - ยูโรโซน: 4Q16 GDP
8มี.ค. - ญี่ปุ่น: 4Q16 GDP
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดผสม แต่ DJIA ยังทำจุดสูงสุด 10 วันติดต่อกัน โดยทรัมป์ให้คำมั่นกับว่าจะนำการจ้างงานหลายล้านตำแหน่งกลับสู่สหรัฐฯ ขณะที่รมว.คลังจะผลักดันกฎหมายปฏิรูปภาษีผ่านสภาคองเกรสก่อนจะปิดสมัยประชุมสภาในเดือน ส.ค.
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบหลังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาอ่อนแอ รวมถึงแรงหนุนที่ลดลงจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ชะลอการบวก
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดค่อนมาในแดนลบตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นที่เริ่มชะลอการบวก โดยไร้ปัจจัยบวกใหม่ที่ชัดเจนเข้ามากระตุ้น
(0) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แต่ภาพรวมยังแกว่งทรงตัวออกข้างบริเวณ 34.90-35 บาท/ดอลลาร์บวกลบ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 0.86 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 54.45 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยว่าสต๊อกน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นน้อยกว่าคาดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. พุ่งขึ้น 18.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,251.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังรายงานการประชุม FED ระบุว่าจะระมัดระวังในการกำหนดช่วงเวลาในการขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งทำให้ตลาดคาดว่าจะยังไม่ปรับขึ้นในเดือน ม.ค. นี้
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch