- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 24 February 2017 09:03
- Hits: 6775
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เก็งกำไรตามค่าบวก/สะสมช่วงอ่อนตัว'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : BEM (จากถือเป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยรีบาวด์ ปิด +7.62 จุดที่ 1572.04 การซื้อขายซบเซาเพราะขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น แต่นลท.ต่างชาติ&สถาบันในประเทศก็มีทยอยซื้อหุ้นจังหวะอ่อนตัวอยู่ สำหรับปัจจัยสำคัญในช่วงนี้ ได้แก่
รายงานการประชุม FOMC ล่าสุดระบุเฟดมีความเห็นทางบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐและหนุนให้ทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ย
- แบงค์ ออฟ อเมริกาปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันลง 5 US$/bbl เป็น 50-70 US$/bbl ถึงปี 2022 และมองว่าอุปสงค์จะโตเชื่องช้าส่วนหนึ่งเพราะการใช้รถพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว...เป็น Sentiment ลบกับหุ้นกลุ่มพลังงาน
+ ปรับเพิ่มคำแนะนำ BEM เป็นซื้อ (เดิมถือ) คาดกำไรปี 60 จะเติบโตแข็งแกร่งจากการบริหารเส้นทางใหม่ คือ ศรีรัชวงแหวนรอบนอก และ MRT สีม่วง คาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ +41% เป็น 3.6 พันล้านบาท แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 8.5 บาท (Sum-of-parts)
PTT เดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง คาดนำ PTTOR เข้าตลาดได้ใน 2Q61...ให้เป็นหุ้น Value Play เพราะธุรกิจและโครงสร้างผู้ถือหุ้นมั่นคง Valuation ไม่แพง (EV/EBITDA ปี 60 ต่ำเพียง 4.7 เท่า) คาด Yield 3.7% ราคาพื้นฐาน 443 บาท
จัดพอร์ตบนความสมดุลของ Risk & Return (แบ่งเป็น 3 หมวด : หุ้นปันผล, หุ้นมั่นคง และหุ้นเติบโต) และทำ Re-balancing ต่อเนื่อง ทั้งนี้หุ้นไทยปี 60 น่าจะผันผวนขึ้นหลังปรับขึ้นมากในปีก่อน หุ้นกลยุทธ์พื้นฐานดีที่แนะนำวันนี้เป็น BEM
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพเป็นบวกเล็กๆ หลังรีบาวด์เมื่อวานนี้ แนวต้าน 1580, 1590-1600 จุด แนวรับ 1560-1550 จุด การอ่อนตัวลงต่ำกว่า 1565 จุด ดูไม่ดี อาจเป็นสัญญาณของการปรับลงไปยังแนวรับ
สำหรับการ SCAN หุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ KKP, HANA, PAP, INOX, ROBINS ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ PACE, DTAC, TISCO, AMATA, TRC สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะ Take Profit คือ PTTGC, M, PSL หุ้นหลุด List เป็น TLUXE, ANAN, LIT, UTP
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ :
สหรัฐ : เจ้าหน้าที่เฟดเชื่อมั่นต่องเศรษฐกิจสหรัฐและเห็นควรให้ทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ย
เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) เมื่อวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ และสมควรที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเร็วๆนี้ ถ้าตลาดแรงงานและอัตราเงินเฟ้อสอดคล้องหรือแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์ของเฟดในปัจจุบัน และรายงานระบุด้วยว่ามีเจ้าหน้าที่เฟดประมาณ 2-3 คนที่แสดงความเห็นว่าเฟดควรดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 14-15 มี.ค.60
+ สหรัฐ : ยอดขายบ้านมือสองม.ค.60 เพิ่มดีเกินคาด
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่ายอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค. +3.3%MoM สู่ 5.69 ล้านยูนิต มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ +1.1%MoM และแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี
ตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนี DJIA ปรับขึ้นต่อและ Nasdaq และ S&P500 อ่อนลงเล็กน้อย
ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกัน 9 วันทำการ ทำสถิติปิดในแดนบวกที่ยาวนานที่สุดในรอบ 30 ปี หนุนโดยความหวังว่ามาตรการลดภาษีครั้งใหญ่จะทำให้เศรษฐกิจและการบริโภคสหรัฐเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งผลประกอบการบจ.ที่ออกมาดี & ดีลควบรวมกิจการช่วยกระตุ้นด้วย เมื่อคืนนี้ดัชนี DJIA ปิดที่ 20,775.60 จุด เพิ่มขึ้น 32.60 จุด หรือ +0.16% แต่ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,860.63 จุด ลดลง 5.32 จุด หรือ -0.09% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,362.82 จุด ลดลง 2.56 จุด หรือ -0.11%
- สัญญาน้ำมันดิบ : อ่อนลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 74 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 53.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 82 เซนต์ หรือ 1.5 ปิดที่ 55.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกา ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ BRENT จนถึงปี 2022 สู่ระดับ 50-70 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่ระดับ 55-75 ดอลลาร์/บาร์เรล และคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้นอย่างเชื่องช้าในช่วงหลายปีข้างหน้า โดยเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล/วันต่อปีไปจนถึงปี 2022 ขณะที่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะฉุดอุปสงค์ลง
- สัญญาทองคำ : ลดลงก่อนเปิดเผยรายงานประชุมเฟด
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 5.6 ดอลลาร์ หรือ 0.45% ปิดที่ระดับ 1,233.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ :
- ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมกลับมาลดลงในรอบ 5 เดือน
ส.อ.ท.เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมประเทศไทยประจำเดือนม.ค.60 ว่าลดลงเป็น 87.2 จาก 88.5 ของเดือนธ.ค.59 ถือเป็นการปรับตัวลดลงในรอบ 5 เดือน เพราะกังวลต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะนโยบายทรัมป์, ความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยน, ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ปรับขึ้น
+ เล็งลดภาษีรายได้ฯคนทำงานในพื้นที่ EEC และส่งเสริมการลงทุนรถ EV & หุ่นยนต์
กระทรวงการคลังเล็งเสนอครม.พิจารณาให้คิดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคงที่ 17% สำหรับคนที่เข้ามาทำงานในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนั้นยังจะเสนอมาตรการส่งเสริมลงทุนรถ EV และหุ่นยนต์ด้วย ในเบื้องต้นดร.สมคิดกล่าวว่านักลงทุนญี่ปุ่นและจีนให้ความสนใจจำนวนมาก
/+ GFPT (ราคาปิด 14.60 บาท) : กำไร 4Q59 และทั้งปี 59 ออกมาตามคาด
# บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 4Q59 เท่ากับ 492 ล้านบาท +9%YoY และทรงตัวQoQ ทั้งนี้ยอดขายเพิ่ม 3%YoY อัตรากำไรขั้นต้นสูงที่ 17.1% (เทียบกับ 3Q59 ที่ 17% และ 4Q58 ที่ 14.3%) ส่วนทั้งปี 59 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1.64 พันล้านบาท เติบโต 38%YoY แม้ว่ายอดขายจะทรงตัวที่ 16.7 พันล้านบาท แต่อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นเป็น 15% (จาก 12.2% ในปี 58) เพราะต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทั้ง GFN & McKey ที่ดีขึ้นมาก (+49%YoY เป็น 371 ล้านบาท หนุนจากการที่ราคาไก่ในประเทศดีขึ้น ส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปได้มากขึ้น)
# บริษัทประกาศปันผลสำหรับ FY59 เท่ากับ 0.30 บาท/หุ้น กำหนด XD 7 มี.ค.60 ชำระเงิน 28 เม.ย.60 คิดเป็น Dividend Yield 2.1%
# แนวโน้มปี 60 ยังไปได้ดี โดยคาดว่ามาร์จิ้นจะอยู่ในระดับสูงต่อเพราะต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ไม่ได้กดดัน ขณะที่ปริมาณการส่งออกและราคามีโอกาสขยับขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตจะค่อนข้างจำกัดเพราะกำไรปี 59 เป็นฐานที่สูง คำแนะนำล่าสุดเป็นซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 17.4 บาท อิง P/E ปี 60 ที่ 13 เท่า (วันนี้บ่ายบริษัทจัดประชุมนักวิเคราะห์ ซึ่งจะ Update ให้ทราบต่อไป)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]