- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 24 February 2017 08:35
- Hits: 863
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้เปิดบวกเล็กน้อย และค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,570 จุด ผลักดันด้วย PTT / PTTGC/ SCC เป็นต้น บวกกับบรรยากาศรอบเอเชียและยุโรปเป็นบวก เอื้อต่อการเก็งกำไร ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 7.62 จุด มาอยู่ที่ 1,572.04 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 44,893 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 900 ล้านบาท แต่ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 4 มากถึง 5,817 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 3,344 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- รายงานการประชุมเฟดต้นเดือนก.พ. ส่งสัญญาณอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น จากนโยบายของ Trump
- Trump เตรียมเปิดเผยแผนปรับโครงสร้างภาษีกลางเดือนมี.ค.
- ติดตามการประกาศผลการดำเนินงานต่อเนื่อง
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 19)
SET INDEX วันนี้คาดว่าจะแกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,565-1,580 จุด มูลค่าการซื้อขายไม่ถึง 5.0 หมื่นล้านบาท/วัน เหมือนวันก่อนหน้า ภายใต้ปัจจัยแวดล้อมต่อการลงทุนทั้งในและต่างประเทศไม่โดดเด่นเช่นกัน นโยบายด้านภาษีของ Trump ยังคงต้องรอไปอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า กระแสเงินทุนต่างชาติยังไร้ทิศทางที่ชัดเจน ย่อมทำให้สถาบันภายในประเทศที่มียอดซื้อสุทธิ YTD สูงสุดกว่า 7 พันล้านบาท ไม่กล้าที่จะไล่ราคาหุ้น
รายงานการประชุมเฟดต้นเดือนก.พ.ที่เปิดเผยฉบับเต็มคืนวานนี้ เป็นครั้งแรกที่มีการพิจารณานโยบายการคลังของ Trump ซึ่งมีส่วนผลักดันเศรษฐกิจที่ให้เติบโตมากกว่าคาด แต่มาพร้อมกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า เฟดอาจพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าเดิม และล่าสุดตลาดคาดโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.ขึ้นเป็น 62% จากวันก่อนหน้า 59% อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุนในตลาดหุ้น EM เพียงจำกัดในความเห็นของเรา
ภาพรวมกลยุทธ์การลงทุน "พอร์ตระยะสั้นเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางต่อผลการดำเนินงาน // ส่วนพอร์ตระยะกลาง แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นหลักในกลุ่มหลัก"
Daily Pick
1. สะสม SCB : ราคาปิด 152.50 บาท ราคาเหมาะสม 169.00 บาท
a) คาดว่าราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวก หลังมีรายงานใน Bloomberg ว่า AIA, Manulife, Prudential และ FWD Group สนใจเพื่อยื่นข้อเสนอซื้อหุ้น SCBLIFE จาก SCB เพื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกัน
b) SCB จะประกาศเงินปันผลในสัปดาห์นี้ หรือ สัปดาห์หน้า โดยคาดการณ์เงินปันผล 2H59 หุ้นละ 3.80 บาท คิดเป็น Dividend Yield 2.4%
c) คงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มธนาคารในปี 2560 เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงคาดว่าสินเชื่อปี 2560 ของกลุ่มธนาคารจะกลับมาขยายตัวได้ดีที่ 4-6% จากการลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่คุณภาพของสินทรัพย์ที่ดีขึ้น จะส่งผลให้การตั้งสำรองของกลุ่มธนาคารลดลงจากปี 2559 และเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตของกำไรสุทธิ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิ US$531 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$312 ล้าน
ต่างชาติขายสุทธิ PSE / VEX เท่านั้น
Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไร้ทิศทาง
แม้ว่านักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 900 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 931 ล้านบาท ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 4,135 ล้านบาท
แต่ SET50 Index futures นักลงทุนกลุ่มนึ้ยังคง Short สุทธิเป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น 5,817 สัญญา รวม 4 วันทำการ Short สุทธิ 10,977 สัญญา คาดเป็นการทยอยเปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง และทำให้ยอดสุทธิ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 50,946 สัญญา โดย S50H17 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 2.65 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 0.64 จุด
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 3,344 ล้านบาท เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 5,350 ล้านบาท โดยที่ราคาพันธบัตรไทยปรับตัวลงเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นกว้างถึง 2.65bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นเพียง 0.63bps ปิดที่ 2.757%
Short-Selling วานนี้
เท่ากับ 537 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,030 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 56 หลักทรัพย์ จากวันก่อนหน้า 55 หลักทรัพย์
NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เน้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาซื้อสุทธิ 836 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 706 ล้านบาท โดย NVDR สะสมกลุ่มวัสดุก่อสร้างสูงสุด 408 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร 335 ล้านบาท แต่ลดน้ำหนักกลุ่มพลังงานสูงสุด 220 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
รายงานการประชุมเฟดต้นเดือนก.พ.ให้ความเห็นต่อนโยบายของ Trump:
- การประเมินนโยบายด้านเศรษฐกิจของ Trump ทั้งการลดภาษี / การผ่อนคลายหลักเกณฑ์ / การใช้จ่ายภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตมากกว่าที่คาดการณ์ และส่งผลต่อนโยบายการเงินของเฟด โดยคณะกรรมการหลายท่านประเมินถึงความเหมาะสมในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น หากการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าคาดการณ์ ณ ปัจจุบัน
- อย่างไรก็ตาม สมาชิกเพียง 2-3 ท่านที่คาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. ควรเปิดให้เฟดมีความยืดหยุ่นในการพิจารณาคาดการณ์เศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด
- ด้านความเสี่ยงยังอยู่ในระดับสูง ทั้งในแง่ของขนาด รูปแบบ และเวลาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการคลัง และนโยบายอื่นๆ ของรัฐบาล ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็เกิดความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ตามมา รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจเช่นกัน
นโยบายด้านภาษีของประธานาธิบดี Trump: ประธานาธิบดี Trump ยืนยันใกล้ได้ข้อสรุปแล้ว แต่จะมาหลังจากการแก้ไขในกฎหมาย Affordable Care Act ซึ่งอาจจะเป็นกลางเดือนมี.ค. เราเชื่อว่านโยบายนี้จะทำให้ชาวอเมริกันประทับใจ ทั้งนี้สภาคองเกรสไม่สามารถพิจารณากฎหมายทั้ง 2 ในเวลาเดียวกัน จึงต้องยื่นเรื่องที่ละประเด็น
ยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค.ดีกว่าคาด: เท่ากับ 5.69 ล้านหลัง เทียบกับ Bloomberg consensus คาด 5.575 ล้านหลัง หรือขยายตัว 3.3% mom ฟื้นตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ -1.6% mom เป็นยอดขายบ้านเดี่ยวที่แข็งแกร่ง 2.6% mom และคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น 8.3% mom
ยุโรป
ร่างมาตรา 50 แห่งกรุงลิสบอนผ่านการพิจารณารอบที่ 2: หลังมีการหารือถึงร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นเวลา 2 วัน House of Lords เห็นชอบโดยไม่มีการลงคะแนนเสียง เพื่อให้ร่างดังกล่าวเดินหน้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือ committee state ในวันที่ 27 ก.พ. ซึ่งจะมีการหารือวันที่ 27 ก.พ. และ 1 มี.ค. อาจรวมถึงการรับรองสิทธิ์ของประชาชนอียูในอยู่ในอังกฤษหลังจาก Brexit และเพื่อให้มั่นใจว่าการโหวตลับของสภาครั้งสุดท้าย
เศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัวในไตรมาสสุดท้ายของปี 2559: GDP ใน 4Q59 ขยายตัว 0.7% qoq เร่งขึ้นจาก 3Q59 ที่ 0.6% qoq เป็นระดับแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่ 4Q58 โดยเป็นการฟื้นตัวจากการค้า แต่การลงทุนภาคเอกชนลดลง และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ชะลอตัว ซึ่งจะเป็นปัจจัยเสี่ยงในปี 2560 ทั้งนี้สำนักสถิติแห่งชาติ รายงาน GDP ปี 2559 เติบโต 1.8% ลดลงจากประเมินก่อนหน้าที่ 2.0%
อัตราเงินเฟ้ออียูเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.8% yoy: แต่ลดลง 0.8% mom เนื่องจากความผันผวนในราคาพลังงาน มากถึง 8.1% yoy เร่งขึ้นจากเดือนธ.ค.ที่ 2.6% yoy
จีน
ธนาคารกลางจีนเตรียมออกกฎควบคุมธุรกิจของ Shadow Banking: ธนาคารกลางจีนได้ร่างหลักเกณฑ์การกำกับดูแลบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management) ซึ่งบริหารสินทรัพย์รวม 60 ล้านล้านหยวน โดยหลักเกณฑ์จะเป็นการควบคุมผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของ AM และรูปแบบการลงทุนที่เสนอในทุกรูปแบบของสถาบันการเงินให้อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์เดียวกัน จากปัจจุบันหน่วยงานที่ตรวจสอบแบ่งเป็นของหลักทรัพย์, ธนาคาร และประกันภัย
งบประมาณของฮ่องกงเตรียมลดภาษี กระตุ้นการท่องเที่ยว: เลขาธิการด้านการคลังของฮ่องกง นาย Chan รายงานเศรษฐกิจฮ่องกงปีที่แล้วขยายตัว 1.9% ใกล้เคียงกับเป้าหมายสูงสุดของรัฐบาลที่ 2.0% แต่สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ 1.5% ทั้งนี้ปี 2560 ฮ่องกงจะเติบโต 2-3% แต่ด้วยความไม่แน่นอนทางด้านการค้าระหว่างประเทศ การจัดทำงบประมาณจะต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น รวมถึงการประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่ออนาคต โดยอาจเสนอให้มีการลดค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวเป็นเวลา 1 ปีสำหรับเอเย่นต์ท่องเที่ยว, โรงแรมและ Guesthouse, ภัตราคาร และร้านอาหาร นอกจากนี้การลดภาษีสำหรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมก็อยู่ในกรอบที่เตรียมเสนอ
ราคาบ้านใน 70 เมืองหลักของจีนเพิ่มขึ้นชะลอตัว: ราคาบ้านใน 70 หลักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.2% mom ในเดือนม.ค. ชะลอตัวจากเดือนธ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 0.3% mom และเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัว mom เป็นเดือนที่ 4 จากความต้องการซื้อบ้านที่ลดลง และนโยบายการควบคุมตลาดอสังหาฯ ของทางการ ทั้งนี้ราคาบ้านในเมืองใหญ่อย่าง เซินเจิน, เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง เพิ่มขึ้น 18.2% yoy, 23.8% yoy และ 24.7% yoy ตามลำดับ
เอเชียแปซิฟิก
ธนาคารกลางอินเดียเตรียมออกมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้เสีย: ธนาคารกลางอินเดียเตรียมจัดตั้งบริษัทเอกชนหรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management) ของรัฐบาล เข้าซื้อหนี้เสียจากสถาบันการเงินที่กระจายในวงกว้าง เพื่อนำมาปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนก.ย. 2559 หนี้เสียในระบบธนาคารสูงถึง US$1.33 แสนล้านหรือคิดเป็น 12.34% ของยอดหนี้สินรวม
ไทย
ดัชนีความเชื่อมั่นอุตฯ ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน: สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยเดือนมกราคม อยู่ที่ระดับ 87.2 ปรับตัวลดลงจากเดือนธันวาคม ที่อยู่ในระดับ 88.5 ลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะนโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศของผู้นำสหรัฐฯ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และความกังวลของผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการลดลงในทิศทางเดียวกัน
คลังเตรียมใช้มาตรการภาษีจูงใจการลงทุน EEC: นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพื่อให้เกิดการลงทุนมากขึ้นจากการลงทุนโครงการ พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในสัปดาห์หน้า กระทรวงการคลัง จะเสนอมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยให้เอกชนไทยและต่างชาติที่จะเข้าไปลงทุนใน EEC สามารถเลือกการเสียภาษีแบบคงที่ 17% หรือเสียภาษีบุคคลธรรมดา หัก ณ ที่จ่าย ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อให้ไทยเป็นแหล่งการลงทุนและการขนส่งของภูมิภาค โดยในอีก 2 สัปดาห์ กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมเสนอมาตราการจูงใจสำหรับอุตสาหกรรมโรโบติก และรถไฟฟ้าเข้าสู่การพิจารณาในการให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ผู้ลงทุนพร้อมกันนี้ จะสนับสนุนให้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในพื้นที่ EEC เพื่อให้เกิดการพัฒนาบุคคลากรที่ตรงความต้องการของเอกชน เช่น วิศวะ และนักวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul Assistant Analyst