- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 22 February 2017 17:39
- Hits: 2238
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวรับสำคัญ 1560 ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขาย
SET Index: 1567.70 เคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวนที่บริเวณแนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ 1560-1565 จุด หลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลุดแนวรับที่ระดับ 1580 จุดลงไป ทำให้โครงสร้างแนวโน้มขาลงในระยะยาวกลับมากดดันทิศทางการเคลื่อนไหวของการฟื้นตัวในระยะสั้น โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1560 จุด ถ้าหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่บริเวณ 1530-1540 จุด
แนวต้าน : 1568 และ 1570
แนวรับ : 1565 และ 1560**
PTT = 395 / 400, IVL = 35.50 / 36.00, CPALL = 60.50 / 61.50, JAS = 8.60 / 8.80, PTTGC = 70.00 / 71.00
Asefa (ASEFA TB; THB 8.20) – ซื้อ
แนวต้าน : 8.50 และ 8.80
แนวรับ : 8.20 และ 8.10
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสรางฐานหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยที่ระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ ASEFA โดยมีแนวรับที่ 8.20 และ 8.10 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 8.50 และ 8.80 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 7.90 ลงไป
TV Direct (TVD TB; THB 2.52) – ซื้อ
แนวต้าน : 2.72 และ 2.82 / เป้าหมาย 3.00-3.04
แนวรับ : 2.52 และ 2.48
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานที่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ซึ่งเป็นแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น
MACD เคลื่อนไหวออกด้านข้างที่ระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ TVD โดยมีแนวรับที่ 2.52 และ 2.48 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 2.72 และ 2.82 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.42 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…ดีดกลับแต่ไม่แรง
ภาวะซึมตัวของตลาดหุ้นไทยในช่วงต้นสัปดาห์ เป็นผลโดยตรงจากตลาดขาดปัจจัยหนุนภายในใหม่ๆ ขณะที่ผลการดำเนินงานดูเหมือนตลาดจะรับข่าวไปเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นใหญ่ สำหรับประเด็นภายนอก ที่เคยเป็นปัจจัยหนุนมาตลอดอย่างราคาน้ำมัน ก็ยังไม่โดดเด่น หลังราคาน้ำมันยังแกว่งกรอบแคบ 55-56 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ จะเหลือก็แค่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังเปิดขึ้นมา แต่ก็เหมือนกันคือ ดูเหมือนตลาดหุ้นทั่วโลก จะมองว่าการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ ไม่น่าจะมีผลต่อตลาดหุ้นอื่นๆ มากนัก ซึ่งดูได้จาก ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นทะลุ 20000 จุด แต่นักลงทุนต่างชาติแทบไม่ได้ซื้อหุ้นในเอเชียหรือไทยมากนัก
การที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐยังพุ่งขึ้น จากแรงคาดการณ์ของมาตรการด้านภาษี ซึ่งตอนนี้ตลาดกำลังจับตามองว่าทางนาย Donald trump จะประกาศเมื่อไร ส่วนในยุโรปดัชนีพุ่งขึ้นรับข่าวดัชนี PMI ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 6 ปี โดยนับตั้งแต่ผลการเลือกตั้งสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย. ดัชนี S&P ขึ้นไปแล้วทั้งสิ้น 10.6% ส่งผลให้ตอนนี้ดัชนี S&P 500 เทรดกันที่ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าที่ 17.8 เท่า เทียบค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 15 เท่า ส่วนอัตราการทำกำไรใน Q4/16 ของบริษัทใน S&p 500 ตอนนี้อยู่ที่ 7.5%
ในส่วนของตลาดหุ้นไทยเอง แม้จะไม่มีปัจจัยในเชิงลบ และมีปัจจัยในเชิงบวกทางจิตวิทยาคือ การปรับตัวขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ ก็ไม่ได้ทาให้บรรยากาศการลงทุนดีอย่างที่คาด เนื่องจาก ยังไม่มีแรงซื้ออย่างจริงจังของนักลงทุนต่างประเทศ ดังนั้นการเล่นจึงเป็นลักษณะการเก็งกำไรระยะสั้นกันหมด ไม่ว่า กองทุนในประเทศ ต่างชาติ โบรกเกอร์และนักลงทุนรายย่อย ประเด็นหลักตอนนี้ คือตลาดขาดกลุ่มเล่น จะมีบ้างก็แค่การซื้อเก็งกำไรหุ้นที่ผลการดำเนินงานใน Q4/16 ออกมาดี นอกนั้นจะเป็นการหมุนกลุ่มเล่น
การประชุม ครม. เมื่อวานนี้ที่ประชุมยังไม่ได้พูดถึงการลงทุนรถไฟฟ้าหรือโครงการก่อสร้างอื่นๆ แต่มีเพียงการอนุมัติเม็ดเงิน 10,000 ล้านบาทเตรียมให้กู้แก่เกษตรกรรายย่อยที่มีปัญหา ดังนั้น จึงยังไม่มีประเด็นใหม่ๆ ในการลงทุน วันนี้คาดหุ้นที่น่าจะกลับมาคึกคักขึ้นมาบ้างคือ ไฟแนนซ์ อย่าง SAWAD ซึ่งมีปัจจัยหนุนล่าสุดคือผลการดำเนินงาน Q4/16 ที่ออกมาดีและกำไร 12 เดือนล่วงหน้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดูรูปด้านซ้าย ส่วนกลุ่มอื่นๆ ยังเน้นไปที่หุ้นที่ผลการดำเนินงาน Q4/16 ออกมาดี อย่าง ERW AMATA MAJOR โดยวันนี้มองดัชนี SET จะรีบาวน์กลับแต่ไม่แรง เนื่องจากปัจจุบันตลาดหุ้นไทยกำลังขึ้นไปเล่นใกล้ขอบ P/E สูงสุดในรอบ 10 ปี (ดูรูปด้านขวา) ซึ่งยังต้องรอปัจจัยหนุนใหม่ๆ โดยเฉพาะงบ Q1/17 หรือเม็ดเงินไหลเข้า โดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1570-1574 และแนวรับที่ 1560-1555 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,567.70 จุด เพิ่มขึ้น 3.28 จุด (+0.21%) มูลค่าการซื้อขาย21,929.20 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้น โดยมีแรงซื้อนำจากกลุ่มพลังงาน แบงก์ขณะที่ตลาดยังรอปัจจัยใหม่มาหนุน ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งบวกเป็นส่วนใหญ่ จับตาการรายงานผลการประชุมเฟด (คืนนี้)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดบ่าย แกว่งแคบ ภาพรวมตลาดเกิดสัญญาณการถดถอย โดยเกิดแรงขายทำกำไรออกมาต่อเนื่องหลังการทยอยประกาศผลการดำเนินงาน 4Q16 ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะออกมาไม่ดีตามคาด ในขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q17 โดยเบื้องต้นกลุ่มที่พึ่งพิงการบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยวยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนในขณะที่กลุ่มที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานดีจะเกี่ยวเนื่องกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพราะได้ประโยชน์จากการพุ่งขึ้นของราคาสินค้า เพราะผู้ซื้อเร่งสะสมสต็อคสินค้า หลังกังวลว่าราคาอาจจะพุ่งขึ้นต่อเนื่องจากผลกระทบของนโยบายใหม่ของทรัมป์ อย่างไรก็ตาม การซื้อดังกล่าวไม่ได้มาจากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจน ทำให้ยังมีความเสี่ยงที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจจะอ่อนตัวลงหลังจากนี้ได้ จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้มองว่ามีโอกาสสูงที่ SET Index แกว่งตัวลงมาก่อน เพื่อสร้างฐานรอบใหม่ โดยทางเทคนิค หาก SET หลุดต่ำกว่า 1565 จุด จะยืนยันสัญญาณขาย ในทางกลยุทธ์จำเป็นต้องทยอยลดพอร์ตลงก่อน เพื่อรอสัญญาณกลับตัวรอบใหม่ ซึ่งเราคาดว่า SET Index มีโอกาสจะปรับตัวลงไปที่ระดับ 1545 จุด และจะเป็นจุดแรกที่เริ่มกลับเข้าซื้อเก็งกำไรลุ้นการรีบาวน์กลับ
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Asefa (ASEFA TB; THB 8.20) – ซื้อ
TV Direct (TVD TB; THB 2.52) – ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : ETE, COMAN*, INOX* (กรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 – [email protected]/ [email protected]