- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 15 February 2017 19:07
- Hits: 3311
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้'โดนถล่ม'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้มีแรงขายออกมาค่อนข้างมากโดยเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นรอบบ้านจากปัจจัยเรื่องความกังวลต่อกระแสเงินไหลกลับไปยังสหรัฐฯหลังประธานาธิบดีมีแนวโน้มออกมาตรการภาษีครั้งใหญ่ รวมถึงแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงไปเกือบ 2% ทำให้มีแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงานออกมาค่อนข้างมาก (-1.6%) ส่วนกลุ่มอื่นที่ลดลงแรงได้แก่กลุ่มขนส่ง (-1.8%) กลุ่มธุรกิจการเกษตร (-1.7%) ปิตลาดดัชนีปรับตัวลดลง 13.00 จุด (-0.8%) มาอยู่ที่ 1,572.24 จุด ด้วย Vol. 52,843 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำ New High ติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดที่ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่า การประวิงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานเกินไปนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และอาจทำให้เฟดต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น
(+) น้ำมันดิบ WIT ปิดเพิ่มขึ้น 0.5% Day มาอยู่ที่ 53.20 US/Barrel จากกลุ่มโอเปกปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 890,000 บาร์เรล/วัน ในเดือนม.ค.
(+) ราคาน้ำตาลทรายเบอร์ 11 (ICE Sugar No.11 Spot) วานนี้ปิดเพิ่มขึ้น 2.04%Day มาอยู่ที่ 20.48 Cent/pound (บวกต่อ KSL,KBS, KTIS และ BRR)
(+) สมาคมผู้ค้าปลีกไทย คาดภาพรวมธุรกิจค้าปลีก ปีนี้โต 3-3.2% ผลจากรัฐอัดงบประมาณสู่ฐานราก แนะรัฐอัดมาตรการกระตุ้นสร้างความเชื่อมั่น จัดงานไทยแลนด์แบรนด์ เซล เป็นเวลา 3 เดือนสร้างบรรยากาศ (บวกต่อ CPALL, BIGC, MAKRO และ ROBINS)
(+) BOI ให้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุดไม่เกิน 15 ปี ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรที่นำเข้าจากต่างประเทศและอื่นๆ มีผลบังคับใช้ 14 ก.พ.
(+) ยอดตั้งธุรกิจใหม่ ม.ค. สูงสุดรอบ 4 ปี เพิ่มขึ้น 9% YoY จากแรงกระตุ้นของมาตรการรัฐในการสนับสนุน SME
(+) MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้น BANPU เป็น 1.3% จาก 0.89% และ MINT เป็น 2.42% จาก 2.40% มีผลวันที่ 28 ก.พ.
(-) ราคายาง (TOCOM) วานนี้ปิดลดลง 0.9%Day มาอยู่ที่ 349.5 Yen/Kg และในเช้าวันนี้อ่อนตัวลอีก 1.3% (ลบต่อกลุ่มยาง STA, TRUBB)
(-) สัญญาทองคำ COMEX ลดลง 40 cent (-0.03%Day) มาปิดที่ 1225.40 US/ออนซ์ เนื่องจากเยลเลนส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย
(+/-) กระทรวงพลังงาน-เกษตรฯ วันนี้นัดถกปัญหากรณีเช่าพื้นที่ส.ป.ก. ทำโรงไฟฟ้าพลังงานลม รวมทั้งสิ้น 15 โครงการ
(+/-) ค่าเงิน US มีทิศทางที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุด Dollar Index อยู่ที่ 101.34 (+1.15%WoW) กดดันราคาสินค้า Commodity ปรับตัวลดลง
(+/-) ETE เริ่มซื้อขายในตลาด mai วันนี้เป็นวันแรก ราคา IPO 4.20 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
อยู่ในช่วงประกาศผลประกอบการ 4Q59/งบปี 59 (สิ้นสุด~สิ้นเดือน ก.พ.)
ประชุม ECB Non-Monetary ในวันที่ 15 ก.พ. 60
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯเดือน ม.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ เดือน ก.พ. (16 ก.พ.), ยอดค้าปลีกสหรัฐเดือน ม.ค. (15 ก.พ.), อัตราเงินเฟ้อสหรัฐ (15 ก.พ.), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการขออนุญาตก่อกสร้างของสหรัฐ (16 ก.พ.),
กลยุทธ์การลงทุน 'เน้นหุ้นเล็ก'
ประเมินตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัวกรอบแคบในแดนลบ เรามองว่าการที่ FED เริ่มส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ย จะกดดันให้เม็ดเงินต่างชาติไหลออกจากตลาด Emerging Country มากขึ้น แนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่ม Big Cap เน้นกลุ่มที่มีปัจจัยเฉพาะตัวและได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นเช่นกลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มประกันภัย แนะนำ Switchออกจากกลุ่มเช่าซื้อ จากต้นทุนที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตามอัตราดอกเบี้ย
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
LHBANK เก็งกำไร
คาดกำไรปี 60 เติบโต 7.8% จากสินเชื่อรายใหญ่และธุรกิจกองทุนรวม
ดีลกับ CBTC PP ที่ 2.20 บาท ผู้บริหารคาดแล้วเสร็จในเดือน มี.ค.60
AMATA เก็งกำไร
ตลาดคาด 4Q59 เติบโตเด่นจากการโอนที่ดิน
เตรียมขายที่ดินที่พัฒนาแล้วในเวียดนามในช่วงกลางปีนี้
กระทรวงดีอี เร่งทำดิจิทัลพาร์คไทยแลนด์ 500 ไร่ศรีราชา ต่อยอด EEC
ทีมวิเคราะห์