- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 08 February 2017 19:08
- Hits: 7147
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? คาดมีโอกาสปรับขึ้น หลังดัชนีปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา แต่ภายใต้ความกังวลต่อนโยบายของปธน.สหรัฐฯ ที่สร้างความขัดแย้งในสหรัฐฯ รวมถึงส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คาด
ยังมีผลให้ชะลอลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และคาดการปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับลดลง คาดส่งต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามภายใต้แผนการปรับลดปริมาณผลิตลง เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา คาดระดับราคาน้ำมันในปี’60 อยู่ในระดับที่สูงกว่าปี’59 ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 41 – 42USD ดังนั้นเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนเมื่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับลดลง
นอกจากนี้คาดการส่งสัญญาณของ 1 ในคณะกรรมการเฟด ล่าสุด ให้มีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีค. (14 – 15/3/60) คาดกลับมามีน้ำหนักและกดดันภาพรวมตลาดอีกครั้งหลังจากนี้ ซึ่งแนะติดตามเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นตามการส่งสัญญาณดังกล่าว และอาจส่งต่อ Fund Flow ไหลออกจาก Emerging Market รวมถึงไทย อย่างไรก็ตามเงินบาทที่อ่อนค่าลงคาดส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มส่งออก
ขณะที่ยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อนโยบายของ ปธน.สหรัฐฯ โดยเฉพาะเน้นการเติบโตในประเทศ แม้ยังไม่มีรายละเอียดออกมาชัดเจน แต่จากการส่งสัญญาณก่อนหน้า ที่จะกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนของภาครัฐ รวมถึงการจูงใจให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน ผ่านการปฏิรูปภาษี ทำให้คาดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งคาดสอดคล้องกับมุมมองของเฟด
ทางด้านประเด็นในประเทศ แนะติดตาม (1) อยู่ในช่วงทยอยประกาศผลการดำเนินงานปี’59 คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงก.พ.’60 รวมถึงเงินปันผล และ (2) ประชุม กนง. ในวันนี้ (8/2/60) คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%
อย่างไรก็ตามยังมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในปี’60 ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดย กกร. คาดส่งออกเติบโต 1.0 – 3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’ 60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านบาทเมื่อปี’59
SET SET50 SET100
1,582.52 -6.61 991.30 -5.10 2,237.35 -11.28
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +37.87, NASDAQ +10.67, S&P +0.52, FTSE +14.07, CAC -23.61 และ DAX +39.60
ภายใต้ปัจจัยหนุน (1) ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ รวมถึงเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ที่ดีกว่าคาด และ (2) ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ – ธ.ค. ลดลง 3.2% อยู่ที่ 4.43 หมื่นล้านUSD ดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4.50 หมื่นล้านUSD จากตัวเลขส่งออกเพิ่มขึ้น 2.7% อยู่ที่ 1.907 แสนล้านUSD ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เม.ย.’58 ขณะที่ตัวเลขนำเข้า เพิ่มขึ้น 1.5% อยู่ที่ 2.35 แสนล้านUSD ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่มี.ค.’58 เช่นกัน
อย่างไรก็ตามยังได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ลดลง ซึ่งส่งผลต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน รวมถึงประเด็นที่ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย ระบุล่าสุดว่า เฟดควรพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 14 – 15/3/60 หากการจ้างงานและค่าจ้างแรงงานยังขยายตัวต่อไป
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกเพิ่มจากเงินยูโรที่อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลดีต่อกำไรของบริษัทส่งออกยุโรป หลังประธาน ECB ส่งสัญญาณ ว่า ECB พร้อมที่จะเพิ่มวงเงิน QE ถ้าหากแนวโน้มเงินเฟ้อของยูโรโซนยังคงซบเซา
ขณะที่ยังมีความกังวลต่อความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป โดยเฉพาะการเลือกตั้ง (7/5/60) ในฝรั่งเศส หลังนางมารีน เลอ เปน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเนชั่นแนล ฟรอนท์ ได้ประกาศว่า จะนำฝรั่งเศสถอนตัวออกจากยูโรโซนหากชนะเลือกตั้ง
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
19.37 2.02 2.88
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 48,203.38
สถาบัน -116.74
บัญชีหลักทรัพย์ -227.97
ต่างประเทศ 537.99
ในประเทศ -193.29
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มี.ค. -US$0.84 อยู่ที่US$52.17ต่อบาร์เรล หลังเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบมีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยกดดัน จากรายงานของ EIA ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยในปี’ 59 ของสหรัฐ อยู่ที่ 8.9 ล้านบาร์เรล/วัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 9 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี’ 60 และ 9.5 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี’61
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$4.0 อยู่ที่ US$1,236.1ต่อออนซ์ ภายใต้สถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองในสหรัฐฯ ส่งผลให้เพิ่มการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +538 ล้านบาท สะสม YTD +5,368 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 8 - 10 ก.พ. 2560
8/2/60 ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน – กนง.
สหรัฐฯ เปิดเผย
สต็อกน้ำมัน
9/2/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
สต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนธ.ค.
10/2/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.พ.
งบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนม.ค.
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากการเปิดขายโครงการในปี 60 ที่โดดเด่น เช่น ANAN, SPALI และ SC ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น STEC, SYNTEC และ UNIQ
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(6) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.02 อยู่ที่ 2.39% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.08 อยู่ที่ 11.29
หุ้นแนะนำ : PTTGC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788