- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 08 February 2017 18:50
- Hits: 1255
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้กลับมาแกว่งในกรอบแคบ 1,590 จุด +/- กลุ่มพลังงาน/ ปิโตรเคมี พักฐาน ตามราคาน้ำมันดิบ ส่วนกลุ่ม ICT / ธนาคาร ช่วยพยุงภาพรวมจากประเด็นเงินปันผล อย่างไรก็ตาม เกิดแรงขายทำกำไรในช่วงท้าย ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,582.52 จุด ลบ 6.61 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,203 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 538 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 9 อีก 8,439 ล้านบาท แต่กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 1,070 สัญญา
ปัจจัยสำคัญวันนี้
• ติดตามการประชุมกนง.วันนี้ เราคาดคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 1.50%
• ติดตามการประกาศงบ LPN วันนี้
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 9)
เราประเมิน SET INDEX วันนี้ยังคงเป็นการแกว่งในกรอบแคบ 1,575-1,590 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายต่ำกว่า 5.0 หมื่นล้านบาท/วัน เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน และต่างชาติกลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง ทำให้นักลงทุนภายในประเทศยังคงระมัดระวังกับการลงทุนต่อเนื่อง หุ้นขนาดใหญ่จะยังคงอยู่ในโหมดของการพักฐานต่อเนื่อง
วันนี้ติดตามการประชุมกนง. เราและตลาดคาดว่ากนง.จะคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 1.50% ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา แม้ว่าสัญญาณเศรษฐกิจภายในประเทศจะฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพก็ตาม แต่ด้วยความเสี่ยงของต่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบายการค้าของประธานาธิบดี Trump และBrexit ทำให้กนง.ต้องการประวิงเวลาในการพิจารณานโยบายการเงิน
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “กลับมาสะสมหุ้นเป้าหมาย หลัง SET INDEX ปรับฐานลงอีกครั้ง เน้นเก็งกำไรในหุ้นแถวสองที่ผลการดำเนินงาน 4Q59 เด่น และ/หรือ ปันผลเด่น” หุ้นหลักอาจต้องรอจังหวะของการเข้าสะสม
Daily Pick
1. เก็งกำไร TRC : ราคาปิด 1.58 บาท ราคาเหมาะสม 1.80 บาท
a) MBKET คาดว่ากำไรสุทธิ 4Q59 จะเติบโต +28% qoq เป็น 90 ล้านบาท และเป็นระดับสูงสุดของปี 2559 จากการรับรู้รายได้งานโครงการที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้รายได้เติบโต +6% yoy และ +19% qoq เป็น 1,392 ล้านบาท
b) มี Catalyst รออยู่ คืองานประมูลท่อก๊าซเส้นที่ 5 ของ PTT มูลค่างานสูงถึง 35,000 ล้านบาท โดยคาดว่า TRC ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจวางระบบขนส่งท่อก๊าซจะได้งานบางส่วน เนื่องจากการประมูลแบ่งเป็นหลายสัญญา และประมูลต่อเนื่องในปี 2560
c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโตสูงถึง +81.1% yoy เป็น 448 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้งานโครงการเหมืองแร่โปรแตซชัยภูมิซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ถึง 3.2 หมื่นล้านบาท จะช่วยรอบรับการเติบโตของรายได้ไปอีก 3 ปีข้างหน้า 2. สะสม AP : ราคาปิด 7.25 บาท ราคาเหมาะสม 8.20 บาท
a) MBKET คาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q59 ที่ 1,299 ล้านบาท +92.4% yoy และ +184.5% qoq จากแรงหนุนของส่วนแบ่งกำไรจาก JV ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสนี้ เนื่องจากมีการส่งมอบ 3 โครงการคอนโดมิเนียม
b) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี และจ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง โดยคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลปี 2559 หุ้นละ 0.35 บาท คิดเป็น Dividend Yield ถึง 4.8%
c) คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +16.1% yoy เป็น 3,181 ล้านบาท สูงกว่าการเติบโตของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ +10.4% yoy
d) Valuation น่าสนใจ ซื้อขายที่ PER2560 เพียง 7.2 เท่า และมี Catalyst รออยู่ใน 2Q60 คือการเปิดขายโครงการ Life One Wireless วิทยุ มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และเป็นปัจจัยหนุนยอด Presales ในปี 2560
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
กลับมาขายสุทธิ US$79 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$162 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) 2560(US$ ล้าน) 2559(US$ ล้าน) 2558(US$ ล้าน) 2557(US$ ล้าน)
TAIEX 102.4 78.2 1,492.9 10,956.4
3,383.6 13,190.4
KOSPI -171.4 21.3 1,042.8 -21.5 -3,579.9 6,165.50
JSE -18.3 35.6 5.9 1,258.7 -1,579.5 3,750.60
PSE -6.6 -7.5 -23.5 83.4 -1,194.4 1,256.1
VEX 0.0 0.2 26.8 -344.7 100.4 135.6
SET INDEX 15.4 34.1 148.3 2,240.5 -4,371.9 -1,091.4
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ไทยต่อเนื่อง แม้ว่าจะชะลอตัวจากวันก่อนหน้าก็ตาม
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +538 +1,194
SET50 Index Futures (สัญญา) -1,070 +1,054
SSF (สัญญา) +587 -261
Metal Futures (สัญญา) +507 +406
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +8,439 +13,033
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 แต่ลดลงเหลือ 538 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 1,793 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 5,368 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิอีกครั้ง 1,070 สัญญา คาดเป็นการกลับมาเปิดสถานะ Short อีกครั้ง และทำให้ยอดสุทธิ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิขยับขึ้นเป็น 29,245 สัญญา โดย S50H17 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 4 กว้างขึ้นเป็น 2.40 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 2.10 จุด
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 9 อีก 8,439 ล้านบาท รวม 9 วันทำการซื้อสุทธิ 47,171 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาพันธบัตรไทยขยับขึ้นเป็นวันที่ 4 อย่างโดดเด่น ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ลดลงอีก 1.76bps จากวันก่อนหน้าลดลง 3.75bps ปิดที่ 2.729%
Short-Selling วานนี้
เท่ากับ 562 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 623 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 48 หลักทรัพย์ เทียบกับวันก่อนหน้า 53 หลักทรัพย์
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Value Avg.Price(Bt)
PTTGC 112.48 11.54% 69.21
PTT 112.32 6.26% 410.39
KBANK 102.01 9.32% 195.31
TRUE 49.54 6.73% 6.18
CENTEL 22.79 31.88% 36.55
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 ยังคงเน้นสะสมกลุ่มธนาคารต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิลดลงเหลือ 704 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง 1,488 ล้านบาท รวม 7 วันทำการซื้อสุทธิ 5,137 ล้านบาท โดย NVDR ยังคงเน้นสะสมกลุ่มธนาคารอีก 576 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง 247 ล้านบาท แต่ลดน้ำหนักกลุ่ม UCT สูงสุด เพียง 109 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ
(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KBANK 430.96 46.36 BBL -185.42 14.14
SCC 201.25 19.54 PTTEP -119.96 15.78
KTB 197.38 20.07 IRPC -71.12 32.00
TMB 95.17 28.12 TU -67.43 36.05
PTTGC 78.43 15.27 AOT -66.75 7.18
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
โครงการวางท่อ Dakota Pipeline เตรียมได้รับการอนุมัติภายใน 1-2 วัน และหากอนุมัติได้เร็วโครงการนี้จะสร้างเสร็จภายในเดือนมิ.ย.นี้ นโยบายของประธานาธิบดี Trump
o ประธานคณะกรรมการ U.S Financial Services ยืนยันว่าการพิจารณากฎหมาย Dodd-Frank 2010 จะเป็นงานลำดับต้นๆ ของประธานาธิบดี Trump ในปีนี้ โดยเตรียมเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวใหม่ เช่นในส่วนของธนาคารจะมีทางเลือกที่จะปฎิบัติตามกฎหมาย Dodd-Frank หรือฐานทุนที่มากขึ้น เป็นต้น Trump ต้องการพิจารณากฎหมายส่วนนี้ที่มีผลกระทบต่อธุรกิจและเศรษฐกิจ เพื่อที่จะใช้อำนาจพิเศษในการยกเลิกหรือยกเว้นส่วนต่างๆ ในกฎหมาย
o กระทรวงยุติธรรม เปิดให้ทางประธานาธิบดี Trump เข้าชี้แจงถึงคำสั่งพิเศษห้ามนักท่องเที่ยวจาก 7 ชาติมุสลิมเข้าประเทศ ตามมาด้วยเชิญคณะลูกขุนของซานฟรานซิสโกเข้าให้ข้อมูลถึงการขอยกเลิกคำสั่งศาลคุ้มครองชั่วคราวกับนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว ทั้งนี้การตัดสินประเด็นนี้จะเกิดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้
o กลาโหมเตรียมอนุมัติโครงการวางท่อ Dakota Access ในเร็วๆ นี้ หลังประธานาธิบดี Trump มีคำสั่งพิเศษอนุมัติโครงการดังกล่าว ทั้งนี้โครงการนี้จะสร้างเสร็จภายในเดือนมิ.ย. หากได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
o ดุลการค้าเดือนธ.ค. ขาดดุล US$4.43 หมื่นล้าน ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดขาดดุล US$4.50 หมื่นล้าน และเดือนก่อนหน้าขาดดุล US$4.57 หมื่นล้าน ทั้งนี้การส่งออกเพิ่มขึ้นเข็งแกร่ง 2.7% mom ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.5% mom ทั้งนี้สินค้าปิโตรเลียมไม่ใช่สำคัญของตัวเลขการขาดดุลการค้าในเดือนธ.ค.นี้
o ยอดสินเชื่อเพื่อการบริโภค เดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น US$1.42 หมื่นล้าน ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด US$2.0 หมื่นล้าน และเดือนก่อนหน้า US$2.52 หมื่นล้าน
ยุโรป
IMF กดดันกรีซให้ปฎิบัติตามเกณฑ์งบประมาณเกินดุลขั้นต่ำ: IMF ประเมินเศรษฐกิจกรีซจะเติบโตต่ำกว่า 1.0% ในระยะยาว ภายใต้เงื่อนไขเงินช่วยเหลือ แต่กรีซควรที่จะปฎิบัติตามเงื่อนไขเงินช่วยเหลือในส่วนของการจัดทำงบประมาณเกินดุล ตามแผนกำหนด 1.5% ของ GDP ในปี 2561 เป็นอย่างน้อย ขณะที่เจ้าหนี้กลุ่มอียูต้องการเห็น 3.5%
ผลผลิตภาคอุตฯ เยอรมันลดลงแรงสุดในรอบ 8 ปี: ผลผลิตภาคอุตฯ เดือนพ.ย.ลดลง 3.0% mom สวนทางกับเดือนก่อนหน้า +0.5% mom และ Bloomberg consensus คาด +0.3% mom เป็นการหดตัวที่แรงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2542 ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากจำนวนวันทำงานที่ลดลงตามเทศกาลในเดือนธ.ค. ส่วนคำสั่งซื้อในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าฟื้นตัวขึ้น
จีน
Citigroup ได้ใบอนุญาตการทำ Settlement ตราสารหนี้: ธนาคารกลางจีนได้ออกใบอนุญาต Type A กับ Citigroup Inc ในการทำ Settlement ตราสารหนี้ รวมถึงการซื้อขาย การ trading และการวิเคราะห์ตราสารหนี้ได้ ทั้งนี้ Citigroup เป็นบริษัทสหรัฐฯ แห่งแรกที่ได้ใบอนุญาต Type A ในส่วนของตลาดตราสารหนี้ของจีน
ธนาคารกลางจีนดูดซับสภาพคล่องทางการเงินออกจากระบบ: ธนาคารกลางจีนได้เสนอขาย Reverse-Repurchase เป็นวันที่ 3 อายุ 7 วัน / 14 วัน และ 28 วัน ระหว่างวันที่ 8-14 ก.พ. ขณะที่สัญญา RP จะครบกำหนดวันที่ 7 ก.พ. มูลค่ารวม 1.20 แสนล้านหยวน หลังจากที่อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบไปในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน
เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนต่ำกว่า US$3 ล้านล้าน: จีนรายงานเงินทุนสำรองระหว่างประเทศล่าสุดลดลง US$1.23 หมื่นล้าน เป็น US$2.998 ล้านล้าน ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด US$3.004 ล้านล้าน ทั้งนี้เป็นผลของฤดูกาล และธนาคารกลางจีนใช้ในการเข้าแทรกแซงในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อหยุงค่าเงินหยวน
เอเชียแปซิฟิก
ธนาคารกลางออสเตรเลียคงอัตราดอกเบี้ย: ธนาคารกลางคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% เป็นครั้งที่ 7 สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ ทั้งนี้มุมมองต่อภาพรวมเศรษฐกิจจะกลับสู่ระดับการเติบโตที่สมเหตุสมผล หลังจากที่หดตัวใน 3Q59 โดยคาดการณ์เศรษฐกิจเติบโตเฉลี่ย 3% ต่อปีในช่วง 2 ปีข้างหน้า พร้อมอัตราเงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากระดับปัจจุบัน 1.5%
ไทย
รมว.คลัง ยืนยันฐานะการคลังไม่มีปัญหา: รมว.คลัง ยืนยันว่า ฐานะการคลังของประเทศไม่ได้มีปัญหา ซึ่งเงินคงคลังที่ลดลงจากช่วงที่ผ่านมา นั้นไม่เกี่ยวข้องกับเหตุผลที่รัฐปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินอย่างแน่นอน โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ถังแตกจนต้องปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตดังกล่าว แต่การปรับขึ้นภาษีในครั้งนี้เป็นการปรับขึ้นเพื่อสร้างความยุติธรรมและลดความเหลื่อมล้ำ เนื่องจากภาษีน้ำมันไม่ได้มีการปรับขึ้นมาหลายสิบปีแล้ว ในขณะที่ภาษีน้ำมันประเภทอื่นมีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยที่ 3-6 บาท/ลิตร ดีเซลอยู่ที่ 5 บาท/ลิตร เงินคงคลังที่ลดลง 7 หมื่นล้านบาทนั้นเป็นเรื่องจริง แต่เป็นไปตามนโยบายที่เพิ่งได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลางไปรักษาระดับเงินคงคลังให้อยู่ในระดับต่ำสุดเท่าที่จะรับได้ ซึ่งปัจจุบันเงินคงคลังที่ระดับ 1 แสนล้านบาทต้องจ่ายดอกเบี้ยที่ระดับ 2 พันล้านบาท
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450 Krittapol Itthithumsakul
Assistant Analyst