- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 06 February 2017 18:09
- Hits: 12976
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET ยืนเหนือ 1570 จุด'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : WORK (จากซื้อเป็นถือ), SYNTEC (จากซื้อเป็น Fully Valued)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index +10.28 จุดปิดที่ 1582.95 นำโดยกลุ่มธนาคาร, พลังงาน, ปิโตรเคมี สถาบันในประเทศพลิกเป็นซื้อสุทธิ 1.6 พันล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 727 ล้านบาท สำหรับปัจจัยสำคัญในช่วงนี้ ได้แก่
+ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเดือนม.ค.60 ออกมา 2.27 แสนตำแหน่ง ดีเกินคาด อัตราว่างงาน 4.8% สอดคล้องมุมมองเฟดที่ระบุว่าการจ้างงานสหรัฐแข็งแกร่งและใกล้เต็มศักยภาพในขณะนี้
+ ทรัมป์มีคำสั่งให้แก้ไขเพื่อผ่อนคลายกฎระเบียบภาคการเงินสหรัฐ...หุ้นกลุ่มการเงินสหรัฐพุ่งแรง
-/+ ผู้พิพากษาเมืองซีแอตเทิลออกคำสั่งระงับมาตรการห้าม 7 ชาติมุสลิม & ผู้ลี้ภัยเข้าประเทศของทรัมป์ มีผลทันทีในวันที่ 3 ก.พ.60
- กระแสต่อต้านทรัมป์รุนแรงขึ้นทั้งจากประชาชนสหรัฐ และประเทศต่างๆ ทั่วโลก
+/- ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น หลังรัฐบาลสหรัฐประกาศคว่ำบาตรชาวอิหร่าน 13 คน & องค์กร 12 แห่ง เพื่อลงโทษที่อิหร่านทดสอบขีปนาวุธ ตลาดประเมินว่าอิหร่านอาจผลิตน้ำมันดิบสู่ตลาดโลกน้อยลง
คาดกนง.คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ในการประชุมพุธที่ 8 ก.พ.นี้
+ AOT จดทะเบียนเปลี่ยนราคาพาร์เป็น 1 บาทกับกระทรวงพาณิชย์แล้วเมื่อ 3 ก.พ.60...คาดจะเทรดที่พาร์ใหม่เร็วๆนี้
/- โครงการกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้าที่เช่าที่ดินส.ป.ก.ต้องชะลอออกไปก่อน รอดูความชัดเจนจากทางการว่าดำเนินการได้หรือไม่
/+ บจ.ทยอยรายงานผลประกอบการ 4Q59 และปี 59 รวมถึงการประกาศจ่ายปันผล ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นตลาดเดือนก.พ.
จัดพอร์ตบนความสมดุลของ Risk & Return (แบ่งเป็น 3 หมวด : หุ้นปันผล, หุ้นมั่นคง และหุ้นเติบโต) และทำ Re-balancing ต่อเนื่อง ทั้งนี้ตลาดหุ้นปีนี้มีแนวโน้มผันผวน ความเสี่ยง FX มากขึ้น และเริ่มต้นปีบน Index ที่สูง หุ้นกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น AOT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นภาพเป็นบวกเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก การเทรดดิ้ง ค่าลบของดัชนีดูไม่ดี ต่ำกว่า 1570 จุดควรลดพอร์ตตาม แนวต้านระยะสั้น 1590-16000 จุด หุ้นเทคนิคเด่น KKP, JMART, SAWAD, SF, PTTGC, KSL, AMA, WICE
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ :
+สหรัฐ : ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรม.ค.สดใส
# กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 227,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.8% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.7% สำหรับรรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน +2.5%YoY
# ดัชนีภาคบริการของ ISM อยู่ที่ 56.5 ในเดือนม.ค. ใกล้เคียงกับ 56.6 ในเดือนธ.ค.59 ทั้งนี้ภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 85 แล้ว
+ สหรัฐ : ภาคการเงินขานรับทรัมป์มีคำสั่งให้ทบทวนแก้ไขเพื่อผ่อนคลายกฎระเบียบ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อยกเครื่องกฎระเบียบทางการเงินของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการมอบหมายให้รัฐมนตรีกระทรวงการคลังทบทวนกฏหมายดอดด์-แฟรงค์ (Dodd-Frank Wall Street Reform and Consumer Protection Act) ซึ่งเป็นกฏหมายที่รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยใช้กู้วิกฤตการณ์ทางการเงินในอดีต โดยกฎหมายฉบับนี้มีใจความหลักอยู่ที่การเพิ่มความเข้มงวดในการทำธุรกรรมทางการเงินในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อ การเปิดเผยข้อมูลกองทุนเฮดจ์ฟันด์ การลงทุนของกลุ่มสถาบันการเงิน ไปจนถึงการทำธุรกรรมอนุพันธ์
นอกจากนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังลงนามในคำสั่งอีกฉบับให้กระทรวงแรงงานทบทวนกฎข้อบังคับการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ ซึ่งผลักดันโดยรัฐบาลในโอบามาและกำลังจะมีผลบังคับใช้เดือนเม.ย.60 โดยระเบียบดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้ผู้เกษียณอายุถูกชักชวนให้ทำแผนการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงโดยไม่จำเป็น เพียงเพื่อทำเงินให้กับตัวที่ปรึกษาเอง แต่ทางรัฐบาลทรัมป์มองว่าแม้กฎเกณฑ์นี้จะมีเจตนาให้ผู้เกษียณได้รับคำปรึกษาทางการเงินที่ดีขึ้น แต่ก็เป็นการจำกัดบริการทางเงินสำหรับผู้เกษียณและทำให้ต้นทุนการเงินสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น
+ สหรัฐ : ผู้พิพากษาฯออกคำสั่งระงับมาตรการห้าม 7 ชาติมุสลิม & ผู้ลี้ภัยเข้าประเทศของทรัมป์
กระทรวงต่างประเทศแจ้งว่า ชาวต่างชาติที่ตกอยู่ภายใต้คำสั่งห้ามเดินทาง แต่มีวีซ่าที่ยังไม่หมดอายุ อาจจะสามารถเดินทางเข้ามายังสหรัฐได้แล้วตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ก.พ.60 ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่นายเจมส์ โรบาร์ต ผู้พิพากษาเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ออกคำสั่งระงับมาตรการห้ามประชาชนจาก 7 ชาติมุสลิมและผู้ลี้ภัยเดินทางเข้าสหรัฐ โดยคำสั่งนี้มีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.60 ตามเวลาสหรัฐ
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : พุ่งแรงรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สดใส
ดัชนี DJIA ปิดที่ 20,071.46 จุด เพิ่มขึ้น 186.55 จุด หรือ +0.94% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,666.77 จุด เพิ่มขึ้น 30.57 จุด หรือ +0.54% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,297.42 จุด เพิ่มขึ้น 16.57 จุด หรือ +0.73% ปัจจัยหนุน คือ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด และดัชนี PMI ภาคบริการยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี และหุ้นกลุ่มการเงินปรับขึ้นขานรับทรัมป์มีคำสั่งให้แก้ไขเพื่อผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการเงิน และหุ้นขนาดใหญ่รายงานกำไรดีเกินคาด เช่น อเมซอน
/+ สัญญาน้ำมันดิบ : ขยับขึ้นเล็กน้อย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.54% ปิดที่ 53.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.44% ปิดที่ 56.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้มีรายงานว่า รัสเซีย ซาอุดิอาระเบีย และอิรักเดินหน้าลดการผลิตน้ำมันอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ประกาศคว่ำบาตรชาวอิหร่านจำนวน 13 คน และองค์กร 12 แห่ง เพื่อเป็นการลงโทษต่อการที่อิหร่านได้ทำการทดสอบขีปนาวุธ ตลาดคาดการณ์ว่าถ้าอิหร่านถูกสหรัฐคว่ำบาตรรอบใหม่ อุปทานน้ำมันของอิหร่านก็จะออกสู่ตลาดได้น้อยลง
สัญญาทองคำ : บวกขึ้นเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.4 ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่ 1,220.80 ดอลลาร์/ออนซ์ สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยในรายงานว่าในปี 59 อุปสงค์ทองคำทั่วโลก +2% อยู่ที่ 4,308.7 ตัน สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2556 ขณะที่ปริมาณอุปสงค์การลงทุนทองคำในปี 2559 เพิ่มขึ้น 1,561.1 ตัน เทียบกับระดับ 918.7 ตันของปี 2558 หรือ +70%
ปัจจัยในประเทศ :
กนง.ประชุมพุธที่ 8 ก.พ.นี้…คาดคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ก่อน
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะประชุมนัดแรกของปี 2560 วันที่ 8 ก.พ.นี้ เราคาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ก่อน เพื่อรอดูทิศทางเศรษฐกิจและผลกระทบจากภายนอก ทั้งนี้แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นในปีนี้ แต่อุปสงค์ในประเทศยังเติบโตน้อยเพราะภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง และการฟื้นตัวในช่วงเดือนธ.ค.-ต้นปี 60 มาจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐเป็นหลัก ซึ่งเมื่อหมดมาตรการก็จะชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มดีขึ้นจากตัวเลขส่งออกที่ฟื้นตัวและมีโอกาสเติบโตได้ 2-3% ในปีนี้ (จาก +0.45% ในปี 59)
+ TKN (ราคาปิด 26.25 บาท) : ปี 60 ยอดขายยังเติบโตต่อ รุกตลาดต่างประเทศเพิ่ม
# ผู้บริหาร TKN ระบุว่าบริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 60 เติบโต 15-20% (อนุรักษ์นิยมไว้ก่อน) โดยสาหร่ายทอดกรอบยังเติบโตได้แต่จะเป็นอัตราที่น้อยลงจาก 2-3 ปีก่อน การแข่งขันในอุตสาหกรรมสูงพอควร แต่การบริโภคก็เติบโตโดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าคนจีน และปี 60 บริษัทจะเน้นทำการตลาดจีนจริงจังมากขึ้น เพราะดูแล้วมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายในจีนเพียง 2 เมือง (กวางเจาและเซียงไฮ้) แต่ประเมินว่าสามารถขยายตลาดได้ถึง 28 เมือง ซึ่งอยู่ระหว่างหาพันธมิตรในจีนเพื่อช่วยขยายตลาด ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากจีน 30% ของยอดขายรวมหลังจากเข้าตลาดจีนมา 5 ปี
# สำหรับตลาดต่างประเทศอื่นที่มองว่ามีแนวโน้มดี คือ เวียดนาม ซึ่งปัจจุบัน TKN มีตัวแทนจำหน่ายในประเทศนี้เพียง 1 ราย กำลังเล็งเพิ่มตัวแทนจำหน่ายอีกเพราะเป็นตลาดที่เติบโตสูงมาก บริษัทตั้งเป้าหมายขยับตัวเองจากการเป็นเอเชียแบรนด์เป็นโกลบอลแบรนด์ภายในปี 67 ตั้งเป้ารายได้ 1 หมื่นล้านบาท (จาก 4.5-4.6 พันล้านบาทในปี 59) ทั้งนี้ปัจจุบัน TKN ส่งออกไปแล้ว 40 ประเทศ รายได้จากส่งออกอยู่ที่ 57% ของรายได้รวมและขายในประเทศ 43%
# ปี 60 ตั้งงบประมาณการตลาดไว้ที่ 5-6% ของยอดขาย (ประมาณ 100 กว่าล้านบาท) โดยจะทำตลาดแบบออนไลน์มากขึ้น และจะเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่คือ "GOT7" ซึ่งเป็นศิลปินดังจากประเทศเกาหลี ขวัญใจวัยรุ่นชาวเอเชียและคนไทย
# โรงงานใหม่ที่จ.อยุธยา ซึ่งมีกำลังการผลิตส่วนเพิ่มราว 90% จากที่มีอยู่ จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่ 1Q60 เป็นต้นไป ซึ่งบริษัทจะค่อยๆ เพิ่มปริมาณการผลิตจากโรงงานใหม่ ทางฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดการณ์ว่ารายได้ปีนี้จะขยายตัวได้กว่า 30% และเติบโตต่อประมาณ 20% ในปี 61 ส่วนกำไรสุทธิปี 60-61 ประมาณการไว้ว่าจะขยายตัว 50% และ 35% เพราะมี Economy of scales มากขึ้น ฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็นเงินสดสุทธิ และมี ROE สูงเกือบ 40% ในสิ้นปี 59 ยังคงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 32 บาท (Upside 22%)
+ AOT (ราคาปิด 416 บาท) : คาดว่าจะซื้อขายที่ราคาพาร์ 1 บาทเร็วๆนี้
# เมื่อ 3 ก.พ.60 ทาง AOT ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงราคาพาร์จาก 10 บาทเป็น 1 บาทกับกระทรวงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว ทำให้ขณะนี้มีจำนวนหุ้นเรียกชำระแล้วอยู่ที่ 14,285.7 ล้านหุ้น (ราคาพาร์ 1 บาท) คาดว่าจะซื้อขายที่ราคาพาร์ใหม่ในเร็วๆนี้
# ผู้บริหาร AOT ให้ Guidance ว่าในงวดปี 60 (สิ้นสุดก.ย.60) บริษัทคาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะเติบโตได้ 8-9%YoY แม้ว่าช่วงเดือนต.ค.-พ.ย.59 จะมีจำนวนผู้โดยสารต่ำกว่าคาดเพราะมีเหตุการณ์บ้านเมืองและมีการจัดการทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่ตั้งแต่ธ.ค.59 เป็นต้นมาก็ดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวของรัฐบาลด้วย ทางด้านรายได้งวดปี 60 (สิ้นสุดก.ย.60) คาดว่าจะเติบโตเป็นเลขสองหลัก เพราะรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจการบินมีแนวโน้มขยายตัวดี พื้นที่ให้เช่าเชิงพาณิชย์ที่สนามบินดอนเมืองและภูเก็ตเพิ่มขึ้นหลังโครงการขยายแล้วเสร็จเมื่อปลายปี 59 นอกจากนั้นบริษัทเตรียมวางแผนแม่บทพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งหมดที่มีอยู่ โดยอาจถึงเอกชนมาร่วมทุนแบบ PPP ซึ่งน่าจะแล้วเสร็จใน 2Q-3Q ปี 60
# ในช่วง 5 ปีนี้จะใช้เงินลงทุนสูงที่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาทในการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 พร้อมอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 และรันเวย์ รวมทั้งการขยายท่าอากาศยานดอนเมืองเฟส 3 ซึ่งเงินลงทุนมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นหลัก โดยบริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานแข็งแกร่งปีละ 4.4-4.5 หมื่นล้านบาท
# แนะนำซื้อ โดย DBSV ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 455 บาท (พาร์ 10 บาท) หรือ 45.50 บาท (พาร์ 1 บาท) ทั้งนี้คาดว่ากำไรสุทธิปี 60 (สิ้นสุดก.ย.60) จะเติบโต 15% ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัว 4.5% และแนวโน้มระยะยาวไปได้ดี เนื่องจากเป็นผู้ประกอบการสนามบินรายเดียวของไทยและกำลังขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตของรายได้และกำไรในระยะยาว
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]