- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 06 February 2017 17:51
- Hits: 3945
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
มีโอกาสปรับขึ้น ตามตลาดต่างประเทศ? คาดตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ โดยทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปรับขึ้น จากรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ออกมาดีกว่าคาด และกิจการภาคโรงงานของยูโรโซนที่ดีขึ้น ประกอบกับการเดินหน้าลดมาตรการลดกฎระเบียบทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่ตลาดยังคงจับตาดูผลของนโยบายของปธน.สหรัฐฯ ที่แข็งกร้าว ที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้เกิดการชะลอลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ทั้ง (1) การสกัดกั้นผู้ลี้ภัย และห้ามพลเมือง 7 ประเทศมุสลิม เข้าสหรัฐฯ (2) นโยบายการกีดกันทางการค้า และ (3) การส่งสัญญาณว่าเงินสกุลหลักๆ เช่น เยน ยูโร และหยวน ที่อ่อนค่าลงเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า อย่างไรก็ตามในประเด็นนี้แนะติดตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลง ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่า ล่าสุดมาอยู่ที่ 35.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลดีต่อเงินทุนต่างชาติมีโอกาสไหลเข้า
ขณะที่ยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อนโยบายของ ปธน.สหรัฐฯ โดยเฉพาะเน้นการเติบโตในประเทศ แม้ยังไม่มีรายละเอียดออกมาชัดเจน แต่จากการส่งสัญญาณก่อนหน้า ที่จะกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนของภาครัฐ รวมถึงการจูงใจให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน ผ่านการปฏิรูปภาษี ทำให้คาดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งคาดสอดคล้องกับมุมมองของเฟด
อย่างไรก็ตามคาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมัน ภายใต้แผนการปรับลดปริมาณผลิตลง เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา ขณะที่ราคาน้ำมันล่าสุดอยู่ที่ 55 USD/bbl สูงสุดในรอบ 18 เดือน คาดภาพรวมยังส่งผลดีต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน
พร้อมแนะติดตาม (1) ระยะสั้นต่อประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ B/E โดยเฉพาะ บจ. ขนาดเล็ก ที่อาจกระทบความเชื่อมั่น และภาวะการเงินตึงตัว เป็นต้น (2) อยู่ในช่วงทยอยประกาศผลการดำเนินงานปี’59 คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงก.พ.’60 รวมถึงเงินปันผล และ (3) ประชุม กนง. ในวันที่ 8/2/60 คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%
อย่างไรก็ตามยังมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในปี’60 ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น
SET SET50 SET100
1,582.95 +10.28 990.97 +8.56 2,236.36 +18.09
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +186.55, NASDAQ +30.57, S&P +16.57, FTSE +47.55, CAC +31.13 และ DAX +23.54
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นถึง 227,000 ตำแหน่ง สูงกว่าคาด ในขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4.8% จาก 4.7% โดยหุ้นกลุ่มการเงินเป็นหุ้นกลุ่มที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้ามาตรการลดกฎระเบียบ
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับแรงหนุนจากรายงานกิจกรรมภาคโรงงานของยูโรโซนเดือน ม.ค. ขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี และการประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่สูงกว่าคาด
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มี.ค. +US$0.29 อยู่ที่US$53.83ต่อบาร์เรล หลังจากสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบุคคลบางคนและกิจการบางแห่งของอิหร่าน
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. +US$1.4 อยู่ที่ US$1,220.8ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยค่าแรงงานขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในเดือน ม.ค. บ่งชี้ถึงอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ น่าจะยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลต่อการชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
19.22 2.02 2.93
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 47,299.53
สถาบัน 1,535.80
บัญชีหลักทรัพย์ -131.42
ต่างประเทศ -728.72
ในประเทศ -675.66
(0) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -729 ล้านบาท สะสม YTD +3,636 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 6 - 10 ก.พ. 2560
6/2/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีแนวโน้มการจ้างงาน (ETI) เดือนม.ค.
7/2/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนธ.ค.
8/2/60 ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน – กนง.
สหรัฐฯ เปิดเผย
สต็อกน้ำมัน
9/2/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
สต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนธ.ค.
10/2/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.พ.
งบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนม.ค.
โดย กกร. คาดส่งออกเติบโต 1.0 – 3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’ 60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านบาทเมื่อปี’59
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากการเปิดขายโครงการในปี 60 ที่โดดเด่น เช่น ANAN, SPALI และ SC ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น STEC, SYNTEC และ UNIQ
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(6) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 2.49%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.96 อยู่ที่ 10.97
หุ้นแนะนำ : PTTGC
นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ โทร .02-684-8789