- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 03 February 2017 15:45
- Hits: 1798
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET เริ่มทรงตัว แต่คาดกรอบบวกแคบ และยังปรับลงได้อีกมากกว่า
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เริ่มกลับมาแกว่งตัวด้านลบอีกครั้ง หลังจากมีจังหวะดีดบวกได้บ้างในช่วงเช้า จากการที่ตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่งเปิดเป็นบวก แต่เนื่องจากไม่มีปัจจัยหนุน และความกังวลต่างๆ ยังมีอยู่ ทำให้เริ่มมีแรงขายในเกือบทุกตลาดหุ้นเอเชีย ส่งผลให้ SET ปรับย้อนลงมาแกว่งตัวด้านลบด้วย แต่ยังเป็นการแกว่งทรงตัวภายในกรอบเดิมของวันก่อนหน้าได้อยู่
แนวโน้มตลาดวันนี้ : บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ไม่ได้แย่นัก แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปยังมีจังหวะอ่อนตัว จากความวิตกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่าง ปธน.สหรัฐ กับผู้นำชาติอื่นๆ รวมถึงแรงกดดันจากผลขาดทุนของดอยช์แบงก์ และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อ่อนแอ หลัง EIA ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่กลับมีจังหวะเปิดบวก หลังวานนี้ปรับตัวลงกันพอควร ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีสิทธิที่จะมีลักษณะแกว่งทรงตัวผันผวนภายในกรอบเดิมอยู่ก่อนได้ แต่เนื่องจากรอบที่ผ่านมาดัชนีขยับขึ้นมาค่อนข้างเร็วและแรง ขณะที่ upside เมื่อเทียบกับดัชนีเป้าหมายตามพื้นฐานที่เราประเมินไว้แถว 1650 จุด ถือว่ายังค่อนข้างแคบ และตลาดยังขาดปัจจัยหนุนทำให้ยังมีลุ้นปรับตัวลงอีกได้ต่อมากกว่า จึงยังรอซื้อลบได้เช่นเดิม
กลยุทธ์ : FSS จึงยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นซื้อช่วงลบต่อไปก่อนดีกว่า ส่วนถ้าซื้อแล้วก็สามารถเน้นถือเพื่อรอรอบบวกได้
แนวรับ 1570-1568 , 1565-1560 จุด
แนวต้าน 1575-1577 , 1580-1582 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BR, VTE, CBG(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$63ล้าน นำโดยไต้หวัน US$33ล้าน, เกาหลีใต้ US$25ล้าน และไหลเข้าไทย US$1.3ล้าน ขณะที่ไหลออกจากฟิลิปปินส์ US$5ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภายหลังจากตลาดคลายความวิตกต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในอนาคตอันใกล้นี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) Soft commodity เป็นทางเลือกที่ดีกว่ากลุ่มพลังงาน ราคาน้ำมันเมื่อคืนปิดลบเล็กน้อย -0.5% จากความกังวลต่ออุปทานจากสหรัฐฯที่จะเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันยังมีทิศทางปรับขึ้นต่อหลังข้อตกลงการปรับลดการผลิตที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ยังเป็นไปได้ด้วยดี และอิหร่านอาจถูกคว่ำบาตรหากมีการทดสอบนิวเคลียร์ หุ้นที่เราชอบสุดในกลุ่มพลังงาน-ปิโตรคือ PTTGC (ราคาพื้นฐาน 70 บาท) นอกนั้นเต็มมูลค่าแล้ว แต่หุ้นในกลุ่มเกษตรเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เช่นน้ำตาล (KSL, BRR) ปาล์ม (UVAN) ส่วนยาง ควรระวัง
(+) หุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานลมฟื้น แนะนำ EA สัปดาห์หน้า ส.ป.ก.จะหารือรายละเอียดของสัญญาของแต่ละบริษัทที่ขอเช่าที่ดินส.ป.ก.เพื่อติตดั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้า หากรายใดไม่ได้ระบุประโยชน์ของโครงการที่จะให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ ก็สามารถแก้ไขเพิ่มเติมในสัญญาและดำเนินการต่อได้ ประเด็นนี้จะคลายความกังวลกับบริษัทที่เช่าที่ดินของส.ป.ก.ในจ.นครราชสีมา (RATCH, DEMCO) และจ.ชัยภูมิ (EGCO, EA) เพื่อติดกังหันลม แนะนำซื้อ EA (ราคาพื้นฐาน 33 บาท) เพราะราคาหุ้นปรับลงมากสุด ขณะที่การยกเลิกการเช่าที่ดินของบ.เทพสถิตวินด์ฟาร์ม (EA ถือ 100%) ไม่กระทบเพราะยังไม่มีการดำเนินการใดๆบนพื้นที่ดังกล่าว ส่วน GUNKUL ไม่มีโครงการในพื้นที่ส.ป.ก.
(+) K แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q16 จะโดดเด่น เราคาด +222% Q-Q, +111% Y-Y เป็น 22 ล้านบาท เพราะรายได้ที่รับรู้ไม่ทันใน 3Q16 ถูกเลื่อนมาเข้าไตรมาสนี้แทน บวกกับบริษัทได้รับงานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก สำหรับปี 2017 เราคาดกำไรเร่งตัวขึ้น +23% Y-Y จากงานตกแต่ง Shop Brand ที่เพิ่มขึ้นอีกมาก ปัจจุบันมี PE 17 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มรับเหมาใน SET และ MAI ที่ 25-30 เท่า ยังแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 7.30 บาท
(0) TCAP เราลดคำแนะนำเป็นถือ จากเดิมซื้อ ราคาหุ้นปรับขึ้นมาจนเหลือ upside ไม่ถึง 5% จากราคาพื้นฐาน 50 บาท แม้งบดุลจะแข็งแกร่งและกำไรดีขึ้นในปีนี้ แต่ TISCO และ KKP น่าสนใจกว่าในระยะสั้น-กลาง TISCO (ราคาพื้นฐาน 72 บาท) เป็น Top Pick ของเราจากการเติบโตของกำไรที่คาดแข็งแรงที่สุดในกลุ่ม และคาด Dividend yield ~4% ส่วน KKP (ราคาพื้นฐาน 71 บาท) แม้การเติบโตของกำไรจะน้อยกว่า TCAP แต่มี Dividend yield 5% เทียบกับ TCAP ที่ ~2.6%
(0) TOP กำไรสุทธิ 4Q16 มีแนวโน้มสดใส เราคาด +44% Q-Q, +13% Y-Y จากค่าการกลั่นฟื้นและมีกำไรสต็อก ชดเชยธุรกิจอะโรเมติกส์ที่ชะลอได้ และคาดกำไรสุทธิทั้งปี 2016 +61% Y-Y ส่วนปี 2017 คาดกำไรสุทธิ -10% Y-Y จากกำไรสต็อกลดลง โรงกลั่นดีขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ธุรกิจอะโรเมติกส์ยังชะลอ ราคาหุ้นสะท้อนค่าการกลั่นที่ฟื้นแล้ว upside จำกัดเมื่อเทียบราคาพื้นฐาน 73 บาท แนะนำเพียงถือรับปันผล (คาด 2.70 บาท/หุ้น)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
3 ก.พ. - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ม.ค.)
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (ม.ค.)
6 ก.พ. - อินโดนีเซีย: 4Q16 GDP
7 ก.พ. - จีน: Caixin China PMI Composite (ม.ค.)
8 ก.พ. - ไทย:กนง.ประชุม (เราคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
9 ก.พ. - ฟิลิปปินส์:ธนาคารกลางประชุม
10 ก.พ. - จีน:ดุลการค้า (ม.ค.)
13 ก.พ. - ญี่ปุ่น: 4Q16 GDP
14 ก.พ. - ไทย: SEเทรดวันแรก
- จีน:อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)
- ยูโรโซน:4Q16 GDP, Zew Survey Expectation (ก.พ.)
15 ก.พ. - ไทย: ETEเทรดวันแรก (ราคา IPO 4.20 บาท)
- ไต้หวัน: 4Q16 GDP
- สหรัฐ:อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดทรงตัวโดยตลาดจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะประกาศในคืนวันนี้ รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศของสหรัฐฯ
(0) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบเล็กน้อยหลัง BoE ยังคงนโยบายการเงินเหมือนเดิม แต่ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจปี 2017
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวค่อนมาในแดนบวก อย่างไรก็ตามตลาดจับตาดูสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯและประเทศอื่นๆว่าจะมีความตึงเครียดมากขึ้นหรือไม่
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งทรงตัว ล่าสุดยังเคลื่อนไหวในกรอบ 35.05-35.16 บาท/ดอลลาร์
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ลดลง 0.34 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 53.54 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันเช้านี้เริ่มขยับขึ้นอีกครั้งหลังมีข่าวว่าสหรัฐเตรียมจะคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. พุ่งขึ้น 11.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,219.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มปรับตัวลง และนักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้นจากความกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและต่างประเทศ
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch