- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 02 February 2017 17:43
- Hits: 3339
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวรับสำคัญ 1570
SET Index: 1576.38 ฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1580 จุดอีกครั้ง แต่ยังคงมีแรงขายหุ้นออกมาต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคที่บริเวณแนวต้านที่ 1600 จุด ทำให้แนวโน้มขาลงในระยะยาวที่บริเวณ 1580-1585 จุดกลับมามีอิทธิพลอีกครั้ง ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นจึงมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1570 จุดตามกรอบแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น ถ้าหลุดลงไปต่อเนื่องจะมีแนวรับถัดไปที่ 1550 จุดเป็นแนวรับสำคัญ
แนวต้าน : 1578 และ 1580
แนวรับ : 1572 และ 1570**
JAS = 8.90 / 9.20, AOT = 408 / 414, PTT = 400 / 408, PTTGC = 66.00 / 67.00, SGF = 0.55 / 0.58
Chewathai (CHEWA TB; THB 1.57) -ซื้อ
แนวต้าน : 1.63 และ 1.70 / แนวต้านสำคัญ 1.85
แนวรับ : 1.57 และ 1.55
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่ เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐาน ในขณะที่แนวโน้มในระยะสั้นทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นมาได้แล้ว
MACD ปรับตัวลดลงไปทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบระดับ 60
แนะนำซื้อ CHEWA โดยมีแนวรับที่ 1.57 และ 1.55 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไป ทดสอบแนวต้านที่ 1.63 และ 1.70 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.52 ลงไป
RPCG (RPC TB; THB 0.98) -ซื้อ
แนวต้าน : 1.05 และ 1.10 / แนวต้านสำคัญ 1.15
แนวรับ : 0.98 และ 0.97
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างที่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ RPC โดยมีแนวรับที่ 0.98 และ 0.97 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.05 และ 1.10 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 0.94 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ยืนเหนือ 1575 ได้ มีลุ้นรีบาวน์สั้นๆ
เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยถูกแรงขายทำกำไรออกมาต่อเนื่องอีก โดยปิดที่ -0.99 จุดหรือ -0.06% ปิดที่ 1576.32 จุด โดยในระหว่างวันดัชนีหลุดลงไปต่ำกว่า 1570 จุด แต่ยังมีแรงซื้อช่วงปลายตลาดกลับมาหนุนให้ดัชนียังยืนเหนือระดับแนวรับสำคัญที่ 1575 จุดได้ โดยนักลงทุนต่างประเทศ ยังคงขายสุทธิต่อเนื่อง 2,112 ล้านบาท ในขณะที่กองทุนในประเทศก็ยังขายต่ออีก 717 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเราคาดว่าเป็นการขายปรับพอร์ทระยะสั้นหลังจากตลาดปรับขึ้นเกือบ 3% นับจากต้นปี โดยเราเชื่อว่าค่าเงินบาทที่ยังกลับมาแข็งค่าต่อเนื่องจะหนุนให้นักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อตลาดหุ้นไทย ดังนั้นการปรับฐานในรอบนี้จึงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อที่ดี
เมื่อคืนนี้คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.50-0.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ขณะที่เฟดต้องการรอความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมปั โดยเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในรอบกว่า 10 ปี แถลงการณ์ของเฟดในครั้งนี้ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด เพียงแต่ระบุว่าเฟดต้องการเวลามากขึ้นในการจับตาเศรษฐกิจ และเฟดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ แถลงการณ์ระบุว่า เฟดคาดการณ์ว่าตลาดแรงงานจะยังคงมีความแข็งแกร่ง ขณะที่เงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นในระยะกลางใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด และเศรษฐกิจจะขยายตัวในระดับปานกลาง เฟดระบุว่าอัตราการว่างงานยังคงปรับตัวในระดับต่ำ โดยขณะนี้อยู่ที่ 4.7% ซึ่งใกล้กับระดับที่เฟดมองว่าเป็นระดับการจ้างงานเต็มศักยภาพ เราประเมินว่าผลการประชุมเฟดไม่น่าจะส่งผลกระทบกับทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นเนื่องจากออกมาตามที่ตลาดคาดไว้ ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ก็ยังอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า ซึ่งยังสนับสนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอยู่
ในส่วนของหุ้นรายตัว เมื่อวานนี้มีข่าวว่า บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย ) จำกัดหรือ Yum มีแผนจะขายสาขา KFC ที่เหลือในทั้ง 244 สาขาออกไปให้หมดหลังจากที่ในเดือนสิงหาคม 2016 Yum ได้ขายร้าน KFC 123 สาขาให้กับบริษัทเรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด (RDCL) ซึ่งเป็น private equity firm ทั้งนี้เงื่อนไขสำคัญผู้ที่จะเข้ามาซื้อร้านเคเอฟซี คือ ต้องเป็นบริษัทที่มีเงินที่จะขยายสาขาได้, มีความเข้าใจในธุรกิจและมาตรฐานต่าง ๆ ของเคเอฟซีเป็นอย่างดี เราเชื่อว่าทั้ง Centel และ RDCL สนใจจะซื้อร้าน KFC ทั้ง 244 สาขาเพื่อให้ได้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด ปัจจุบันประเทศไทยมีร้าน KFC ทั้งหมด 586 สาขา โดยเป็นของ Yum 244 สาขา Centel 212 สาขาและ RDCL 130 สาขา โดย Yum มีแผนจะเปิดร้าน KFC เพิ่มอีก 52 สาขาเพื่อให้จำนวนสาขารวมเพิ่มเป็น 638 สาขาภายในสิ้นปี 2017 โดยตั้งเป้าให้มีร้าน KFC 800 สาขาทั่วไทยภายในปี 2020 หากอิงราคาขายที่ 8x ของ EBITDA เราคาดว่า Centel จะต้องใช้เงินทุนราว 29 ล้านบาทต่อสาขาหรือ 7.1 พันล้านบาทเพื่อซื้อร้าน KFC 244 สาขา ขณะที่ Centel มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 66% ณ สิ้น 3Q16 เท่ากับว่าหากบริษัทเลือกใช้เงินกู้ อัตราส่วนดังกล่าวจะเพิ่มเป็น 132% ซึ่งยังไม่ตึงตัวเกินไปเพราะ Centel ไม่มีแผนลงทุนขนาดใหญ่ในธุรกิจอาหารหรือโรงแรมในช่วงสองสามปีข้างหน้า และหาก Centel ชนะดีลนี้ เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมอีก 13%/11% ในปี FY17/18 เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงช่วงนี้เป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อและการชนะดีลนี้จะกลายเป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันราคาหุ้น แนะนำ ซื้อ CENTEL โดยมีราคาเป้าหมาย 49 บาท
ส่วน KCE ที่เมื่อวานปรับลงแรง 5% จากความกังวลราคาทองแดงที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้ต้นทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นและส่งผลกระทบต่อกำไรนั้น เราคาดว่าผลกระทบจะมีจำกัดจากการทำประกันความเสี่ยงราคาทองแดงและการประหยัดจากขนาด (Economy of scale) ที่ช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น และราคาหุ้นได้ลงมาตอบรับเกินจริงไป จึงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อที่ดี เราแนะนำ ซื้อ โดยมีราคาเป้าหมาย 120 บาท
ส่วน EA ที่เมื่อวานก็ปรับลดลงแรง 10% หลังมีคำสั่งศาลปกครองสูงสุดกรณีไม่ให้เช่าพื้นที่ส.ป.ก. เพื่อติดตั้งกังหันลมสำหรับโครงการพลังงานลมของ บริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด (EA ถือหุ้น 100%) นอกจากนั้นยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการหนุมาน ซึ่งเป็นโครงการพลังงานลมขนาด 260 เมกกะวัตต์ (MW) มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท คิดเป็นกว่า 1 ใน 3 ของโครงการทั้งหมดที่มี 664 MW ที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการผลิตในกลางปี 2561 โดยปัจจุบันยังรอความชัดเจนของภาครัฐว่าจะสามารถดำเนินการต่อไปได้หรือไม่ ในกรณีแย่ที่สุดหากโครงการหนุมานถูกยกเลิกจะกระทบกับราคาเป้าหมายของ EA ประมาณ 7 บาท ส่งผลให้ราคาที่เหมาะสมของ EA จะลดลงจาก 33 บาทเหลือ 27 บาท ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงราคาปัจจุบัน เราแนะนำ ถือ
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้คาดตลาดยังเลือกเล่นหุ้นรายตัวเป็นหลัก โดยกลุ่มพลังงานน่าจะกลับมามีแรงซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 2% ปิดที่ 53.88 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ จากการที่ EIA เปิดเผยว่าสหรัฐมีการผลิตน้ำมันลดลง บวกกับก่อนหน้าที่ที่มีการเปิดเผยว่ารัสเซียและโอเปกมีการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงต่อเนื่องด้วย เราแนะนำ ซื้อเก็งกำไร PTT PTTEP TOP SPRC ส่วนหุ้นที่ถูกขายออกมามากเมื่อวานนี้อย่าง BCH BJC EA KCE ก็คาดว่าวันนี้จะมีการรีบาวน์ระยะสั้นได้ วันนี้เราให้แนวรับที่ 1565-1570 จุดและแนวต้านที่ 1580-1586 จุด หุ้นแนะนำ ซื้อเก็งกำไร BCH CENTEL KCE ROBINS
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,576.38 จุด เพิ่มขึ้น 0.06 จุด (+0.00%) มูลค่าการซื้อขาย 23,302.72 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ หลังเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ ตลาดยังรอปัจจัยใหม่มาหนุน ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ (ศุกร์นี้)
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย แกว่งแคบ ภาพรวม SET Index อยู่ในช่วงพักฐานเพื่อรอปัจจัยใหม่ๆเข้ามาหนุน ระยะสั้นจะมีแนวต้านสำคัญที่ 1580 จุด หากสามารถกลับไปยืนเหนือ 1580 จุดได้ ก็จะเข้าสู่รอบการเก็งกำไรรอบใหม่ที่มีเป้าเดิมที่ 1600 จุด ส่วนแนวรับหลักจะอยู่บริเวณ 1565-1570 จุด ซึ่งเราคาดว่าน่าจะประคองตัวไว้ได้ เนื่องจากช่วงสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป จะเข้าสู่ช่วงการทยอยประกาศผลการดำเนินงานปี 16 และการประกาศจ่ายเงินปันผล ซึ่งตามสถิติตลาดหุ้นโดยรวมมักจะปรับตัวขึ้นในช่วงดังกล่าว โดย หุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูงที่น่าสนใจจะเป็น GLOW, ASK,TVO, THANI, BROOK, KKP,KGI
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Chewathai (CHEWA TB; THB 1.57) - ซื้อ
RPCG (RPC TB; THB 0.98) - ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : DIMET, ALT*, ATp30*, KOOL*, SCI*, TRUBB* (*ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]