- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 01 February 2017 18:09
- Hits: 4661
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index ร่วงลง 13.25 จุดปิดที่ 1577.31 โดยมีแรงขายทำกำไรในหุ้นที่ปรับขึ้นแรงโดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน เพราะราคาน้ำมันดูเหมือนจะตื้อๆ หลังมีแนวโน้มว่าสหรัฐจะกลับมาผลิตเพิ่ม ต่างชาติและสถาบันในประเทศผนึกกันขายสุทธิ รายย่อยกับพอร์ตบล.ซื้อสุทธิ สำหรับปัจจัยสำคัญในช่วงนี้ ได้แก่
- คำสั่งทรัมป์เรื่องการไม่ให้ 7 ชาติพลเมืองมุสลิมเข้าประเทศสหรัฐ 90 วัน และกีดกันผู้ลี้ภัยเข้าประเทศ 120 วัน ซึ่งนานาประเทศออกมาต่อต้านคำสั่งนี้ สร้างความวิตกกังวลและกดดันตลาดหุ้นสหรัฐต่อเนื่อง แต่ราคาทองคำดีดตัวขึ้น
• ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐที่จะออกมาศุกร์นี้ & จับตาผลประชุมเฟด 31 ม.ค.-1 ก.พ. ซึ่งตลาดคาดเฟดยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่อาจปรับขึ้นในการประชุมเดือนมี.ค.หรือมิ.ย.60
+ บริษัทสายการบินจับมือกันปรับขึ้นค่าตั๋วบินในประเทศ 150 บาท/คน/เที่ยว สะท้อนการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ทำให้ผลประกอบการบริษัทสายการบินกระทบจากเรื่องภาษีฯจำกัด Sentiment หุ้นสายการบินดูดีขึ้น มีโอกาสรีบาวด์หลังร่วงแรง แต่ BA มีข่าวว่าสนช.ระบุสนามบินสมุยบุกรุกที่สาธารณะ ซึ่งอาจยังมีผลกระทบทางลบกับทั้ง BA & SPF ทางบริษัทว่าจะมีแถลงข่าววันนี้
•/+ บจ.ทยอยรายงานผลประกอบการ 4Q59 และปี 59 รวมถึงการประกาศจ่ายปันผล ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นตลาดเดือนก.พ.
• จัดพอร์ตบนความสมดุลของ Risk & Return (แบ่งเป็น 3 หมวด : หุ้นปันผล, หุ้นมั่นคง และหุ้นเติบโต) และทำ Re-balancing ต่อเนื่อง ทั้งนี้ตลาดหุ้นปีนี้มีแนวโน้มผันผวน ความเสี่ยง FX มากขึ้น และเริ่มต้นปีบน Index ที่สูง หุ้นพื้นฐานแนะนำเดือนก.พ.ของเราเป็น AOT, BANPU, HANA, TISCO และ Dark Horese คือ CK, GLOBAL ส่วนหุ้นกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น ORI
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณเป็นลบ ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก สำหรับการเทรดดิ้งมีฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุด 1575 จุด แนวต้านระยะสั้น 1590-1600 จุด
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศสำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ :
-/• สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.อ่อนลง แต่ยังเหนือ 100
ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 111.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ หลังจากพุ่งแตะระดับ 113.7 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ด้านนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นราว 165,000 - 170,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่า 5%
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ร่วงลงต่อ
ดัชนี DJIA ปิดที่ 19,864.09 จุด ร่วงลง 107.04 จุด หรือ -0.54% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,614.79 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด หรือ +0.02% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,278.87 จุด ลดลง 2.03 จุด หรือ -0.09% โดยมีปัจจัยกดดันจากการที่ทรัมป์มีคำสั่งพิเศษระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ซึ่งได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐ เป็นเวลา 120 วัน ซึ่งคำสั่งดังกล่าวถูกต่อต้านเป็นวงกว้างทั้งจากประเทศต่างๆทั่วโลก รวมทั้งผลประกอบการบจ.ขนาดใหญ่ที่ออกมาเมื่อคืนนี้ไม่ดีมากนัก เช่น เอ็กซอน โมบิล คอร์ป, ยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส), อันเดอร์ อาร์เมอร์, ฮาร์เลย์ เดวิดสัน, ไฟเซอร์ อิงค์
• สัญญาน้ำมันดิบ : ขยับบวกเล็กน้อย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 52.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 55.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้มีข่าวว่าการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับตัวลดลงกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนม.ค.60 แต่แนวโน้มการผลิตน้ำมันเพิ่มของสหรัฐยังกดดันและจำกัดการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงนี้
+ ราคาทองคำ : พุ่งขึ้นแรง เพราะกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 15.40 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ระดับ 1,211.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเป็นผลจากความวิตกกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่อาจจะสั่นคลอนหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเพื่อระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิมซึ่งได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐ เป็นเวลา 120 วัน
ปัจจัยในประเทศ :
+ ธุรกิจสายการบิน : ผู้ประกอบการปรับขึ้นค่าตั๋วฯ 150 บาท/เที่ยว/คนสะท้อนอัตราภาษีน้ำมันที่สูงขึ้น
ไทยแอร์เอเชีย ไทยไลอ้อนแอร์ และสายการบินต่างๆ เตรียม/ประกาศปรับขึ้นค่าตั๋วเครื่องบินในประเทศ 150 บาท/เที่ยว/คน เพื่อสะท้อนอัตราภาษีสรรพามิตน้ำมันเครื่องบิน (เฉพาะเที่ยวบินในประเทศ) ที่เพิ่มขึ้นจาก 0.20 บาท/ลิตรเป็นไม่เกิน 4 บาท/ลิตร ตามที่เพิ่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อ 25 ม.ค.60 ที่ผ่านมา (สำหรับของ AAV ประกาศปรับขึ้นแล้วและมีผลตั้งแต่ 1 ก.พ.60 เป็นต้นไป)
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : เราคาดว่าการปรับขึ้นราคาค่าตั๋วดังกล่าวจะทำให้บริษัทสายการบินไม่ต้องรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหรือหากรับก็เป็นเพียงส่วนน้อย ส่วนจะกระทบต่อปริมาณการใช้เครื่องบินในประเทศคาดว่าจะไม่มาก โดยรวมแล้วเห็นว่า Sentiment การลงทุนในหุ้นกลุ่มสายการบินจะดีขึ้น และราคาหุ้นมีโอกาสรีบาวด์หลังจากร่วงแรงไปใน 2-3 วันก่อนที่มีข่าวนี้ แต่...BA ยังเจอข่าวลบเรื่องที่สนช.ระบุว่าสนามบินสมุยบุกรุกที่ดินสาธารณะ แต่บริษัทยืนยันว่าไม่ได้บุกรุก ซึ่งต้องติดตามข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไปก่อน
- BA & SPF : สนช.ระบุสนามบินสมุยบุกรุกที่สาธารณะ
# สนช.พบสนามบินสมุยของ BA บุกรุกที่ดินสาธารณะ ซึ่งป.ป.ช.มีมติในปี 2555 ให้ลงโทษเจ้าหน้าที่กรมที่ดินกรณีออกโฉนดทับที่ดินสาธารณะ โดยส่งเรื่องให้เจ้าพนักงานจ.สุราษฎร์เข้าจัดการผู้บุกรุกทั้งเรียกค่าเสียหายและเพิกถอนโฉนด แต่มีการคืนที่ดินแต่ไม่ครบ และบางส่วนถูกเตะถ่วง อ้างที่ดินติดรันเวย์เข้าทำรังวัดที่ดินไม่ได้ เพราะเครื่องบินขึ้น-ลงตลอดเวลา ชาวบ้านเกาะสมุยจี้กรมที่ดิน ตลาดหลักทรัพย์ฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสะสางเรื่องนี้
# ผู้บริหารรายหนึ่งของ BA ชี้แจงว่าในเรื่องนี้ป.ป.ช.เคยส่งหนังสือให้ไปเป็นพยานเรื่องเจ้าหน้าที่กรมที่ดินถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด ส่วนเรื่องรังวัดที่ดินไม่เคยได้รับหนังสือจากทางราชการเพื่อเข้ามาทำสำรวจ/ทำรังวัด/สอบสวนแต่อย่างใด และทาง BA ไม่เคยไปถมคลอง และทางบริษัทยินดีให้ทางราชการเข้าตรวจสอบ บริษัทไม่เคยมีประสงค์เข้ายึดครองที่สาธารณะ ทั้งนี้บริษัทอาจมีการแถลงการณ์เรื่องนี้ในวันนี้
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : เราเห็นว่าข่าวนี้เป็น Sentiment ลบกับหุ้น BA และ SPF ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาในกรณีนี้ โดยหากเรื่องนี้ยังไม่ชัดเจนก็จะเป็น Overhang กับหุ้นทั้งสองบริษัท แม้ว่าเรื่องผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีน้ำมันเครื่องบินในเที่ยวบินในประเทศจะเริ่มคลี่คลายลงแล้วด้วยการปรับขึ้นค่าตั๋วเครื่องบิน 150 บาท/เที่ยว/คน ในเชิงกลยุทธ์จึงควร Wait & See เพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อน
+/• ครม.อนุมัติวงเงินและขยายระยะเวลาโครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน
ที่ประชุมครม.เมื่อวานนี้อนุมัติขยายเวลาโครงการนำสายไฟฟ้าของกฟน.ลงใต้ดิน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ซึ่งแผนเดิมจะทำในปี 51-56 แต่ปรับปรุงใหม่เป็นปี 51-64 และอนุมัติวงเงินลงทุน 9,088 ล้านบาท (กู้ในประเทศ 5,400 ล้านบาทและจากรายได้ของกฟน. 3,688 ล้านบาท) เพื่อใช้เพิ่มเติมในพื้นที่ปทุมวัน จิตรลดา และพญาไท และใช้ในโครงการช่วงพระราม 3 และนนทรี เพื่อให้แล้วเสร็จภายในปี 64
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : เป็น Senitment บวกกับกลุ่มผู้ประกอบการรับเหมานำสายไฟฟ้าลงดินและจำหน่ายสายไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งบริษัทจดทะเบียนที่เคยมีข่าวว่าสนใจเข้าร่วมและเกี่ยวข้องกับโครงการนี้มีหลายบริษัท เช่น ITD, STEC, NWR, DEMCO, PLE, UNIQ, LOXLEY, EMC, ILINK, GUNKUL, CSS, ARROW, CTW เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีบริษัทนอกตลาดฯอีกหลายบริษัท โดยในการประมูลย้ายสายไฟฟ้าลงใต้ดินของกฟน.ในโครงการนนทรี พบว่าบริษัท O&L ชนะไปที่ราคา 2,088 ล้านบาท ขณะที่ ILINK กับ ITD พ่ายประมูลไป (ที่มา : โพสต์ทูเดย์ 22 ก.ค.2559)
สำหรับการลงทุนที่อิงกับประเด็นนี้ น้ำหนักค่อนไปทางเก็งกำไรตามข่าวมากกว่า เพราะบริษัทที่ประมูลชนะอาจไม่ใช่บริษัทจดทะเบียนในตลาดฯก็ได้ ดังเช่นโครงการนนทรีดังกล่าวข้างต้น
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]