WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRAบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน



ทิศทางตลาด
  ผันผวน? ภายใต้น้ำหนักจากประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบายของปธน.สหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และอาจส่งผลให้เกิดความขัดแย้งตามมา หลังมีการลงนามคำสั่งสกัดกั้นผู้ลี้ภัย และห้ามพลเมือง 7 ประเทศมุสลิม เข้าสหรัฐฯ รวมถึงการส่งสัญญาณว่าเงินสกุลหลักๆ เช่น เยน ยูโร และหยวน ที่อ่อนค่าลงเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า แนะติดตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลง หลังเงินสกุลดังกล่าวข้างต้นแข็งค่าขึ้น
  อย่างไรก็ตามคาดนโยบายของ ปธน.สหรัฐฯ โดยเฉพาะในประเทศ คาดยังมีมุมมองที่เป็นบวก จากการส่งสัญญาณที่จะกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนของภาครัฐ รวมถึงการจูงใจให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน ผ่านการปฏิรูปภาษี ทำให้คาดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง 


  ขณะที่อยู่ระหว่างประชุมเฟด (31/1/60 – 1/2/60) ทราบผลเช้าวัน พฤ. ตามเวลาไทย โดยคาดในครั้งนี้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่คาดเฟดอาจมีการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปีเป็นต้นไป
  ทางด้านประเด็นในประเทศ ภาพรวม Fund Flow มีความผันผวน แรงซื้อขายสุทธิของต่างชาติสลับกัน อย่างไรก็ตามในเดือนม.ค.’60 ยังเป็นยอดซื้อสุทธิสะสม 6,432 ล้านบาท  เช่นเดียวกับราคาน้ำมัน แต่คาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากแผนการปรับลดปริมาณผลิตลง เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา ขณะที่ราคาน้ำมันล่าสุดยังสูงกว่าระดับเฉลี่ย 41 – 42USD เมื่อปี’59 คาดภาพรวมยังส่งผลดีต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน


  พร้อมแนะติดตาม (1) ระยะสั้นต่อประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ B/E โดยเฉพาะ บจ. ขนาดเล็ก ที่อาจกระทบความเชื่อมั่น และภาวะการเงินตึงตัว เป็นต้น และ (2) อยู่ในช่วงทยอยประกาศผลการดำเนินงานปี’59 คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงก.พ.’60 รวมถึงเงินปันผล
     อย่างไรก็ตาม ยังมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในปี’60 ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดย กกร. คาดส่งออกเติบโต 1.0 – 3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และ



SET SET50 SET100
1,577.31 -13.25 984.21 -10.55 2,223.16 -23.17

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -107.04, NASDAQ +1.07, S&P -2.03, FTSE -19.33, CAC -35.74 และ DAX -146.58
ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างซบเซา ขณะที่ยังมีความกังวลต่อความสัมพันธ์กับต่างประเทศและอาจนำไปสู่ความขัดแย้ง หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐฯ ของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ซึ่งได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 120 วัน 
รวมถึงผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด เช่น เอ็กซอน โมบิล คอร์ป และยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส) เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้รับ
ปัจจัยลบจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ – ม.ค. อยู่ที่ 111.8 ลดลงจาก 113.7 เมื่อธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี 
ขณะที่อยู่ระหว่างรอผลประชุมเฟด (31/1/60 – 1/2/60) ขณะที่คาดว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยกดดันเพิ่มจากศักยภาพในการทำกำไรของบริษัทส่งออกในยุโรปลดลง หลังสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสหรัฐฯ
  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มี.ค. +US$0.18 อยู่ที่US$52.81ต่อบาร์เรล หลังเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลง และยังได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) – ม.ค. ลดลงกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วัน และบ่งชี้ว่าสมาชิกโอเปกได้ให้ความร่วมมือถึง 82% ในการปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 


P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
19.12 2.02 2.98

ที่มา : www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 53,303.18
สถาบัน -2,132.78
บัญชีหลักทรัพย์ 848.13
ต่างประเทศ -1,213.93
ในประเทศ 2,498.59

  ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$15.4 อยู่ที่ US$1,211.4ต่อออนซ์ หลังเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลง ขณะที่ยังมีความกังวลต่อความสัมพันธ์กับต่างประเทศและอาจนำไปสู่ความขัดแย้ง หลังประธานาธิบดีลงนามคำสั่งสกัดผู้ลี้ภัย อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างรอการประชุมเฟด (31/1/60 – 1/2/60)
  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -1,214 ล้านบาท สะสม YTD +6,432 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)
  (+) สนง.เศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) – ธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.54%YoY เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน แต่ชะลอตัวจากที่เพิ่มขึ้น 3.88%เมื่อพ.ย. ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิต อยู่ที่ 63.26% ลดลง 66.71%เมื่อพ.ย. ขณะที่ทั้งปี’59 เพิ่มขึ้น 0.45%จากปี’59 และคาดในปี’60 ขยายตัว 0.5 – 1.0%

ประเด็นที่ต้องติดตาม 1 – 3 ก.พ. 2560       
1/2/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
   ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐเดือนม.ค.
   ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.
   ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนธ.ค.
   ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค.
   สต็อกน้ำมัน
   เฟด ประกาศมติการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน

2/2/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
   ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
   ข้อมูลขั้นต้นของประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 4/2016
   ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์คเดือนม.ค.

3/2/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
   ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.
   ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.
   ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนธ.ค.
   ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนม.ค.
  (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’ 60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านบาทเมื่อปี’59 
และยังแนะจับตา

  (1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
  (2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC
  (3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI ในขณะที่   CPN จะได้รับประโยชน์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
  (4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SYNTEC
  (5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
  ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
  (6) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK  
  (7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี   
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี  -0.03 อยู่ที่ 2.45% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
  ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.11 อยู่ที่ 11.99
  หุ้นแนะนำ : PTTGC

นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์     โทร .02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!