- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 01 February 2017 17:01
- Hits: 3092
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
เด้งสั้นๆ ก่อนไซด์เวย์ ปัจจัยภายนอกยังไม่ดีนัก
KGI คาด SET วันอังคารไซด์เวย์ อาจเด้งบ้างหลังลงแรงวานนี้ แต่อัพไซด์จำกัด (นักวิเคราะห์ทางเทคนิคมองแนวรับ 1,570 แนวต้าน 1,585 จุด) ปัจจัยต่างประเทศยังคงเป็นลบ โดยตลาดหุ้นหลักในสหรัฐฯ และยุโรปลดลงเมื่อวานนี้ หลังจากตลาดยังกังวลต่อนโยบายผู้อพยพ และนโยบายแบน 7 ชาติมุสลิมเข้าสหรัฐฯ ของ ปธน. ทรัมป์ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากราคาหุ้นบริษัทยาขนาดใหญ่ที่ลงแรง หลังการให้สัมภาษณ์ล่าสุดของ ปธน. ทรัมป์ ว่าราคายาในสหรัฐฯ แพงเกินไปมาก และเขาต้องการให้มีการผลิตยาโดยใช้โรงงานในสหรัฐฯ นอกจากนี้นักลงทุนชะลอเพื่อรอดูผลประชุม FOMC ในคืนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ด้านปัจจัยภายใน ตัวเลขเศรษฐกิจ ธปท. ภาพรวมเติบโตปานกลาง และชี้ว่า GDP ปี 2559 น่าจะเติบโต 3.2-3.3% ส่วนปี 2560 นักเศรษฐศาสตร์ KGI คาดเร่งตัวขึ้นเป็น 3.6% (อ่านเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์เศรษฐกิจ วันนี้)
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
ซื้อสะสม SITHAI / เก็งกำไร UNIQ*
SITHAI (เป้าพื้นฐาน 2.74 บาท) 1) เราประเมินผลการดำเนินงาน 4Q59 จะอ่อนแอเป็นไตรมาสสุดท้าย จาก i) ทยอยย้ายเครื่องจักรจากไทยไปเวียดนามใน 2H59 – 1Q59 (การผลิตชะงักในช่วงดังกล่าว) และ ii) ลูกค้าผู้ประกอบการเครื่องดื่มที่เวียดนามถูกเข้าตรวจสุขอนามัย ทำให้ชะลอคำสั่งซื้อชั่วคราว 2) 1Q60 จะเริ่มฟื้นตัว และฟื้นเด่นใน 2Q60 จาก i) ลูกค้าที่ประเทศเวียดนามกลับมาสั่งซื้อสินค้าได้ตามปกติ ii) เครื่องจักรที่ย้ายไปเวียดนามทยอยติดตั้งแล้ว คาดจะเริ่มหาลูกค้าใหม่ใน CLMV ชดเชยลูกค้าเก่าบางรายใน อินโดนีเซีย ฟิลลิปินส์ และลาว ที่ลดคำสั่งซื้อไปในปี 2559 iii) สภาพอากาศกลับมาปกติ จากปีที่แล้วอากาศในภูมิภาคไม่ร้อน กระทบต่อยอดขายเครื่อมดื่ม และ iv) ราคาสินค้าเกษตรฟื้นตัวส่งผลบวกต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค 3) ประเมินกำไรฟื้นตัว กลับมาเติบโตระดับ 33% ต่อปี CAGR 2559 – 2562 ทำให้ PEG ตอนนี้ ต่ำเพียง 0.78 เท่า (อิง Based EPS 2559) 4) ประเมินแนวรับ 2.06 บาท และถัดไป 2.02 บาท แนะนำ “สะสม” ที่แนวรับ / แนวต้าน 2.14 บาท และถัดไปที่ 2.22 บาท (Stop loss 1.92 บาท) ... วันนี้ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
UNIQ* (เป้าพื้นฐาน 23.3 บาท) 1) ประเมินกรณียืนเหนือราคา 19.7 บาทได้ รูปแบบราคามีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 20.5 บาท – 21.1 บาท แนวรับ 19.4 บาท (Stop loss 19.2 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯยังคงมุมมองเดิมที่มีต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาฯว่าจะเข้าสู่ขาขึ้นต่อเนื่องใน 1 - 2 ปีนี้ จากโครงการภาครัฐฯที่ทยอยเปิดประมูลตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร UNIQ เติบโต 19.5% CAGR 2559 - 61 3) UNIQ เป็นผู้รับเหมาฯที่ครบวงจร (ไม่จำเป็นต้องปล่อยงานให้ผู้รับเหมาช่วง เช่น งานเสาเข็ม เป็นต้น) ทำให้ฝ่ายวิจัยฯประเมินแนวโน้มอัตรากำไรสุทธิของ UNIQ จะเด่นกว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาฯตัวอื่น (ฝ่ายวิจัยฯ คาดอัตรากำไรสุทธิของ UNIQ ≥7% ขณะที่ค่าเฉลี่ยกลุ่มฯอยู่ที่ 3 – 5%)
หุ้นในกระแส
กลุ่มค้าปลีกโทรศัพท์มือถือ (COM7*, JMART, SPVI, TWZ) จากงบการเงินปี 2559 ของ DTAC* ที่มีค่าใช้จ่ายทางการตลาดฯเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ใน 4Q59 เป็นไปตามที่เราประเมินไว้ก่อนหน้านี้ และคาดว่างบการเงินของ ADVANC* และ TRUE* ก็จะมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มเช่นกันทั้งใน 4Q59 และในปี 2560 เพื่อเป็นการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดฯ เราประเมินว่างบการตลาดฯส่วนนี้ บางส่วนจะเข้ามาในรายได้ค่าคอมมิชชั่นของร้านค้าปลีกโทรศัพท์มือถือ (อาทิ ค่าคอมมิชชั่นจากการเปิดซิม เป็นต้น) ซึ่งจะเริ่มเห็นผลการดำเนินงานที่เติบโตเด่นชัดตั้งแต่ 4Q59 แนะนำ “ซื้อสะสม” i) COM7* แนวรับ 11.4 บาท แนวต้าน 13 บาท (ประเมินราคาหุ้น Oversold มีโอกาสรีบาวด์ที่แนวรับ) ii) JMART แนวรับ 13.6 บาท แนวต้าน 14.5 บาท
หุ้นมีข่าว
(0) สายการบินต้นทุนต่ำบางรายเริ่มบวกเพิ่มค่าภาษีสรรพสามิตนํ้ามันอัตรา 150 บาท/คน/เที่ยวสำหรับเที่ยวบินในประเทศ เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เรามองเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากผู้ประกอบการสายการบินเป็นเพียงคนกลางในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตให้กับรัฐ ดังนั้น การปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันอากาศยานจากอัตรา 20 สตางค์/ลิตร เป็น 4 บาท/ลิตร จึงไม่ใช่สิ่งที่สายการบินจะต้องทำหน้าที่แบกรับต้นทุนส่วนเพิ่มไว้ทั้งหมด ทั้งนี้ AAV*, NOK และ Thai Lion Air เริ่มทำการบวกค่าภาษีสรรพสามิตแล้วในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม แนวทางการดำเนินการของสายการบินต่างๆ อาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสัดส่วนเที่ยวบินในประเทศ ในภาพรวม เราเชื่อว่า ราคาเฉลี่ยค่าตั๋วโดยสารในประเทศจะปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ในขณะนี้ เรายังคงน้ำหนัก Neutral สำหรับการลงทุนในกลุ่มสายการบิน โดยหุ้นที่เราชอบมากที่สุดในขณะนี้ ได้แก่ AOT* หนุนโดยการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2560 เรายังคงแนะนำซื้อ โดยมีราคาเป้าหมาย 454 บาท
(- PTTEP*) Royal Dutch Shell จะขายหุ้น 22% ในแหล่งก๊าซธรรมชาติบงกชของไทยให้กับ Kuwait Foreign Petroleum Exploration (รอยเตอร์)
Comment: การทำธุรกรรมนี้มีมูลค่าประมาณ US$900mn และคาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1Q17 เราเชื่อว่าข่าวนี้จะให้ส่งผลเชิงลบให้กับ PTTEP (PTTEP.BK / PTTEP TB)* ซึ่งเป็นบริษัท ที่เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมประมูลโครงการนี้จาก Royal Dutch Shell ทำให้ PTTEP เสียโอกาสที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในแหล่งก๊าซบงกช ที่ซึ่งบริษัทฯ มีความคุ้นเคยในการ operate และเป็นแหล่งที่บริษัทฯ ถือหุ้นใหญ่อยู่แล้วถึง 44% ในปัจจุบัน นอกจากนี้ เรายังมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการลดลงของปริมาณการขายของ PTTEP โดยเฉพาะในปี 2021 ซึ่งลดลงมาอยู่เหลือที่ 263KBOED ลดลง 18% จากปี 2016 ดังนั้นเรายังคงคำแนะนำถือ ที่มีราคาเป้าหมายเดิมที่ 93.00 บาท
(+) PTT* เร่ง PTTOR เข้าตลท. ลุ้นครม.อนุมัติทันประชุมฯ คาดปี 59 ฟันกำไร 8.2 หมื่นล้าน โต 300% (ข่าวหุ้น) “PTT” เร่งแผนส่ง PTTOR เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ลุ้นครม.ไฟเขียวทันเปิดประชุมผู้ถือหุ้น เม.ย.นี้ ลั่นปี 60 ทุ่มงบลงทุน 1 หมื่นล้านบาท เสริมแกร่งค้าปลีกน้ำมัน ขยายปั๊มพุ่ง 1,600 แห่ง ลุ้นปี 59 ฟันกำไร 82,000 ล้านบาท โตกระฉูด 300%
(+) ORI ปั๊มรายได้ปีนี้โต6พันล้าน เตรียมเปิด 9 โครงการ มูลค่า 1.5 หมื่นล้าน (ข่าวหุ้น) “ออริจิ้นฯ” เผยปี 60 ตั้งเป้ารายได้โต 6,000 ล้านบาท หลังตุนแบ็กล็อกรอบุ๊คแล้ว 77% หรือกว่า 4,600 ล้านบาท พร้อมเล็งเปิดใหม่ 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านบาท หวังปั๊มยอดขายปีนี้โต 20% แตะ 13,000 ล้านบาท ส่วนปี 59 แย้มรายได้ตามนัด 4,000 ล้านบาท
(+) ครม.ขยายเวลาย้ายสายไฟลงดิน (ข่าวหุ้น) พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้านครหลวงดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินปี 2551-2556 (ฉบับปรับปรุง) วงเงินลงทุนรวม 9,088.8 ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ในประเทศ 5,400 ล้านบาท และเงินรายได้ของกฟน. 3,688.8 ล้านบาท
(+ KSL) MM-SE เข้า mai ต้นปีนี้ KSL ได้ดีถือมัดแมน 9% แผนไตรมาส 2 สยามอีสต์จ่อไตรมาสแรก (โพสต์ทูเดย์) สองบริษัทเข้า mai ครึ่งแรกปีนี้ มัดแมนเข้าไตรมาส 2 KSL ได้ดีถือหุ้น 9% ส่วน SE จ่อเข้าไตรมาสแรก นายชลัช ชินธรรมมิตร์ กรรมการ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น (KSL) เปิดเผยว่า บริษัทจะได้รับผลดีจากการที่บริษัท มัดแมน (MM) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ไตรมาส 2 ปีนี้ จากที่ KSL ถือหุ้นนี้อยู่ 9% ที่จะทำให้เงินลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น โดย MM ประกอบธุรกิจอาหาร อาทิ ร้านโอบองแปง ร้าน บาสกิ้น ร็อบบิ้นส์ ดังกิ้น โดนัท และเกรย์ฮาวด์ เนื่องมาจากเป็นธุรกิจของญาติกันที่ถือเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ทรัพย์ศรีไทย (SST) ทั้งนี้ยังถือหุ้นส่วนตัวและเข้าไปเป็นกรรมการด้วย เพราะอยากเรียนรู้และใกล้ชิดผู้บริโภค
(+ TCAP*, KKP*, TISCO*) คาดขายรถปีไก่ 8 แสนคัน (เดลินิวส์) นายเคียวอิจิ ทานาดะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดรถยนต์ปี 60 คาดว่าจะมียอดขาย 800,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 4.1% โดยมีปัจจัยบวกเพิ่มขึ้นจากการครบกำหนด 5 ปี โครงการรถยนต์คันแรก รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ และการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่จากหลายค่ายรถยนต์ ส่วนยอดขายรถยนต์รวมในปี 59 อยู่ที่ 768,788 คัน ลดลง 3.9% โดยตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มียอดขายลดลง 2.3% ตลาดรถยนต์นั่งมียอดขายลดลง 6.5%
(+) UPA ร่วมทุน"ซินโนวาฯ"ลุยโรงไฟฟ้าขยะ (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชียและบริษัทย่อย มุ่งหน้าลุยธุรกิจพลังงานเต็มสูบ ล่าสุดตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนกับ "ซินโนว่า แอดวานซ์ พาวเวอร์ เซอร์วิสเซส" มูลค่า 66.70 ล้านบาท เพื่อร่วมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าขยะ 2 แห่งที่อยุธยา มีกำลังการผลิตรวม 25.4 MW
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
UKEM (ยังไม่มีเป้า Consensus) แนะนำ “Let profit run” โดยกำหนด Trailing stop 2.20 บาท … สำหรับนักลงทุนที่เข้าเก็งกำไรหุ้น GIFT ตามที่เราแนะนำก่อนหน้า แนะนำ “Let profit run” โดยกำหนดจุด Trailing stop 5.3 บาท
BCPG (เป้าพื้นฐาน 13.5 บาท ... มีโอกาสปรับขึ้น) ประเมินรูปแบบราคา Sideway รอสัญญาณการ Breakout กรอบแนวต้านที่ 14 บาท หากทะลุผ่านได้ประเมินมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 14.4 บาท – 14.7 บาท แนวรับ 13.6 บาท (Stop loss 13.6 บาท)
SCC* (เป้าพื้นฐาน 640 บาท) ประเมินหากวันนี้ต่ำกว่าแนวรับ 506 บาท มีโอกาสย่อลงทดสอบแนวรับ 502 บาท แนะนำ “สะสมแนวรับ” ... ประกาศปันผล 10.5 บาท/หุ้น (XD วันที่ 4 เม.ย.60)
KTB* (เป้าพื้นฐาน 21.4 บาท) ประเมินรูปแบบราคาแกว่งขึ้นในกรอบแนวรับ – แนวต้าน 18.9 – 19.9 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบแนวรับ – แนวต้าน (Stop loss 18.3 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
BBL* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 189 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ ภาวะตลาดยังคงไม่สดใสแม้ว่าเศรษฐกิจจะเริ่มแสดงสัญญาณการฟื้นตัวแต่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของบางอุตสาหกรรมก็ทำให้ลูกหนี้บางรายกลายเป็น NPL และต้องใช้เวลาในการแก้หนี้ อย่างไรก็ดีจากประเด็นราคาหุ้นที่ไม่แพงและความเป็นไปได้ที่จะมีการเพิ่มเพดานการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติจะส่งผลให้หุ้น BBL ปรับตัวได้ดีกว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้ --- ค่าเฉลี่ยเก้าวันที่รับ 1577 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือรับ 1577 จุดได้นั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1577-1595 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1577 จุดนั้น อาจรักษาแรงกดราคาลงในกรอบ 1577-1568 จุด
แนวรับวันนี้: 1577/1570 แนวต้านวันนี้: 1585/1593
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]