- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 31 January 2017 17:58
- Hits: 1711
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับลดลงตามตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ ภายใต้ความกังวลล่าสุดต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และอาจส่งผลให้เกิดความขัดแย้งตามมา หลัง ปธน.สหรัฐฯ ลงนามคำสั่ง สกัดกั้นผู้ลี้ภัย และห้ามพลเมือง 7 ประเทศมุสลิม เข้าสหรัฐฯ ซึ่งคาดน้ำหนัก เป็นลบมากกว่าความคาดหวังต่อนโยบายของทรัมป์หลังจากนี้ ซึ่งที่ผ่านมามีการส่งสัญญาณที่จะกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนของภาครัฐ รวมถึงการจูงใจให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน ผ่านการปฏิรูปภาษี ทำให้คาดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง
ขณะที่ยังแนะแนะติดตามนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ หลังออกจาก TPP และเตรียมเจรจาข้อตกลงใหม่กับ NAFTA คาดอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศต่างๆ ที่ไปยังสหรัฐฯ (ขณะที่ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ สัดส่วนประมาณ 10%ของยอดส่งออกทั้งหมด หรือประมาณ 700,000 ล้านบาท) คาดเป็นปัจจัยกดดันที่อาจมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น รวมถึงการประชุมเฟด (31/1/60 –1/2/60) หลังถ้อยแถลงของประธานเฟด ล่าสุด มีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เข้าใกล้เป้าหมายของเฟด ทั้งการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ
ทางด้านประเด็นในประเทศ ภาพรวม Fund Flow มีความผันผวน แรงซื้อขายสุทธิของต่างชาติสลับกัน เช่นเดียวกับราคาน้ำมันที่มีความผันผวน แต่คาดคาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากแผนการปรับลดปริมาณผลิตลง เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา ขณะที่ราคาน้ำมันล่าสุดยังสูงกว่าระดับเฉลี่ย 41 –42USD เมื่อปี’59 คาดภาพรวมยังส่งผลดีต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน
พร้อมแนะติดตาม (1) ระยะสั้นต่อประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ B/E โดยเฉพาะ บจ. ขนาดเล็ก ที่อาจกระทบความเชื่อมั่น และภาวะการเงินตึงตัว เป็นต้น และ (2) อยู่ในช่วงทยอยประกาศผลการดำเนินงานปี’59 คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงก.พ.’60 รวมถึงเงินปันผล
อย่างไรก็ตามยังมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในปี’60 ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดย กกร. คาดส่งออกเติบโต 1.0 –3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และ
SET SET50 SET100
1,590.56 -0.24 994.76 -1.34 2,246.33 -1.23
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -122.65, NASDAQ -47.07, S&P -13.79, FTSE -66.01, CAC -55.34 และ DAX -132.38 ภายใต้ความกังวลต่อความสัมพันธ์กับต่างประเทศและอาจนำไปสู่ความขัดแย้ง หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐฯ ของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ซึ่งได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 120 วัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มสายการบิน นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด (1) การใช้จ่ายของผู้บริโภค – ธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.5% ต่อเนื่องจากพ.ย. ที่เพิ่มขึ้น 0.2% เช่นเดียวกับรายได้ส่วนบุคคล – ธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.3% ต่อเนื่องจาก พ.ย. ที่เพิ่มขึ้น 0.1% และ (2) ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) –ธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.6%MoM
ขณะที่อยู่ระหว่างรอผลประชุมเฟด (31/1/60 –1/2/60) ขณะที่คาดว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปีทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบเพิ่มจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) – ม.ค. เพิ่มขึ้น 1.9%YoY ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วสุดนับจากก.ค.’56 และตัวเลขดังกล่าวอาจส่งผลให้ธนาคารกลางยุโรป
ส่งสัญญาณชะลอการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
19.27 2.03 2.96
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 41,326.71
สถาบัน 17.76
บัญชีหลักทรัพย์ -181.23
ต่างประเทศ 11.13
ในประเทศ 152.34
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มี.ค. -US$0.54 อยู่ที่US$52.63ต่อบาร์เรล โดยยังคงได้รับปัจจัยลบจากการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ แม้จะมีความคืบหน้าในการปรับลดกำลังการผลิตของทั้งกลุ่มโอเปกและผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$4.9 อยู่ที่ US$1,196.0ต่อออนซ์ โดยเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ภายใต้ความกังวลต่อความสัมพันธ์กับต่างประเทศและอาจนำไปสู่ความขัดแย้ง หลังประธานาธิบดีลงนามคำสั่งสกัดผู้ลี้ภัย ขณะที่ อยู่ระหว่างรอการประชุมเฟด (31/1/60 –1/2/60)
(0) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +11 ล้านบาท สะสม YTD +7,646 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาทและ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)
(+) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี’60 เป็นขยายตัว 3.6% จากเดิม 3.4% จากการใช้จ่ายภาครัฐ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงรายได้ภาคเกษตรที่จะปรับเพิ่มขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ประเด็นที่ต้องติดตาม 31 ม.ค. –3 ก.พ. 2560
31/1/60 สหรัฐฯ เปิดเผย ดัชนีต้นทุนการจ้างงานประจำไตรมาส 4/2016
ราคาบ้านเดือนพ.ย.ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนม.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนม.ค.
เฟดเริ่มการประชุมกำหนดนโยบายการเงินวันแรก
1/2/60 สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐเดือนม.ค.
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.
ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนธ.ค.
ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค.
สต็อกน้ำมัน
เฟด ประกาศมติการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน
2/2/60 สหรัฐฯ เปิดเผยผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานข้อมูลขั้นต้นของประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 4/2016ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์คเดือนม.ค.
3/2/60 สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.
ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนธ.ค.
ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนม.ค.
(4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านบาทเมื่อปี’59
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีเช่น ANAN, AP และ SPALI ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัว อยู่ที่ 2.48%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +1.30 อยู่ที่ 11.88
หุ้นแนะนำ : หุ้นแนะนำประจำเดือนกุมภาพันธ์’60
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788