- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 31 January 2017 17:47
- Hits: 1069
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวรับสำคัญ 1568-1570
SET Index: 1580.29 ปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคในระยะสั้นหลังจากปรับตัวเพิมขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1600 จุด แต่การปรับตัวลดลงในระยะสั้นกําลังทดสอบแนวรับที่ 1580 จุด ถ้าหลุดจะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1568-1570 จุดตามกรอบแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น ซึ่งเราคาดว่า ในระยะสั้นน่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาเพื่อการฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบ 1600 และ 1620 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิคต่อเนื่องแนวรับถัดไป 1550 จุด
แนวต้าน : 1582 และ 1584
แนวรับ : 1575 และ 1570
PTT = 404 / 410, AOT = 410 / 420, PTTEP = 98.00 / 100, DTAC = 39.00 / 40.50, STA = 24.00 / 25.50
Sahamitr Pressure Container (SMPC TB; THB 17.30) –ซื้อ
แนวต้าน : 18.00 และ 18.30 / แนวต้านสําคัญ 20.80
แนวรับ : 17.30 และ 17.20
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานเหนือแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้น ทําให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนําซื้อ SMPC โดยมีแนวรับที่ 17.30 และ 17.20 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 18.00 และ 18.30 เป็นจุดขายทํากําไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดตํากว่า 16.90 ลงไป
Vibhavadi Medical Center (VIBHA TB; THB 3.14) –ซื้อ
แนวต้าน : 3.24 และ 3.30 / แนวต้านสําคัญ 3.38
แนวรับ : 3.14 และ 3.10
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิมขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200วัน ทําให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบระดับ 70
แนะนําซื้อ VIBHA โดยมีแนวรับที่ 3.14 และ 3.10 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.24 และ 3.30 เป็นจุดขายทํากําไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดตํากว่า 3.00 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ยังต้องปรับฐานอีกระยะ
เมื่อวานนี้ตลาดค่อนข้างมีความผันผวนทั้งด้านบวกและลบ หลังจากขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามา โดยระหว่างวันหลุดระดับ 1590 จุด ไป แต่ท้ายสุดกลับมีแรงซื้อหนุนดัชนีให้ยืนเหนือ 1590 จุด ปิดที่ 1590.56 จุด -0.24 จุดหรือ -0.02% ด้วยปริมาณการซื้อขาย 41,327 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อสุทธิเล็กน้อย 11 ล้านบาท แต่ไม่มีนัยสำคัญเนื่องจากตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ (จีน, ฮ่องกง, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ไต้หวัน,เวียดนาม) ยังอยู่ในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ส่งผลให้สัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศลดลงจากระดับ 27-28% เหลือเพียง 18% ส่วนกองทุนในประเทศยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 18 ล้านบาท
เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นในฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงกันถ้วนหน้า เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อการที่ประธานาธิบดีทรัมปัได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ซึ่งได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐ เป็นเวลา 120 วัน โดยมาตรการดังกล่าวของทรัมปัส่งผลให้เกิดเสียงวิจารณ์ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี สองชาติพันธมิตรของสหรัฐที่ออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อการตัดสินใจของทรัมปั นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองจากหลายฝ่ายยังแสดงความกังวลว่า มาตรการดังกล่าวของทรัมปัอาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ จากผลดังกล่าวทำให้หุ้นสายการบินปรับตัวลดลงแรงและค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก
แม้ว่าตลาดหุ้นหลักทั่วโลกอย่างตลาดสหรัฐฯ (-0.61%), เยอรมัน (-1.12%) และญี่ปุ่น (เช้านี้เปิดตลาดมาลดลงกว่า 200 จุดหรือ -1.1%) จะปรับลดลงกันถ้วนหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ sentiment ของตลาดหุ้นไทยในวันนี้แต่เราเชื่อว่าตลาดจะไม่ปรับลดลงหนัก เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาอ่อนค่าลง ก็ส่งผลให้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศให้กลับเข้ามาที่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging market) ในระยะสั้นได้
สำหรับผลการดำเนินงานของ DTAC ที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ปรากฎว่าไตรมาส 4/59 มีกำไรเพียง 30 ล้านบาท (-97% yoy, -95% qoq) ต่ากว่าที่ตลาดคาดว่าจะมีกำไร 397 ล้านบาทถึง 92% และยังประกาศงดจ่ายเงินปันผลอีกด้วย (เนื่องจากมีการตั้งสำรองด้อยค่าของสินทรัพย์ ทำให้งบเดี่ยวมีผลขาดทุน 1,052 ล้านบาท จึงไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้) ดังนั้นเราคาดว่า DTAC จะเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาแรงในวันนี้ โดยแนวรับสำคัญจะอยู่ที่ 38 บาท ซึ่งเป็นระดับที่น่าพิจารณากลับเข้าซื้อเก็งกำไรอีกรอบได้ โดยในแง่ปัจจัยพื้นฐานเราแนะนำ ถือ โดยมีราคาเป้าหมาย 42.40 บาท ในขณะที่ Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายที่ 37.25 บาท (Buy/Hold/Sell : 7/8/15)
หลังจากที่กลุ่มธนาคารได้ประกาศผลการดำเนินงานออกมาหมดแล้ว ตามด้วย SCC PTTEP และ DTAC (ซึ่งส่วนใหญ่ประกาศออกมาดีกว่าตลาดคาดยกเว้น BAY DTAC) ในช่วงต้นเดือนก.พ. จะมีการทยอยประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2559 ออกมาต่อ โดยเราคาดว่าจะเริ่มจาก THCOM VGI ในวันที่ 1 ก.พ., ADVANC JASIF วันที่ 3 ก.พ., INTUCH วันที่ 6 ก.พ., JAS วันที่ 7 ก.พ., LPN วันที่ 8 ก.พ., GPSC วันที่ 9 ก.พ. และ PTTGC วันที่ 14 ก.พ. โดยตลาดคาดว่า PTTGC จะมีการประกาศผลกำไรไตรมาส 4/59 ออกมาเติบโตดี อย่างไรก็ตามราคาหุ้นได้มีการปรับขึ้นมาเก็งกำไรประเด็นดังกล่าวจนเข้าใกล้ราคาเป้าหมายของเราที่ 72 บาทแล้ว ดังนั้นหากราคาปรับขึ้นต่อเข้าใกล้ 70 บาท ในระยะสั้นแนะนำ ขายทำกำไร
เมื่อวานนี้มีรายการ Big lot ที่สำคัญคือ รายการซื้อ/ขายหุ้น BJC (2 รายการ) จำนวน 55 ล้านหุ้น ที่ราคา 51 บาท รวมเป็นมูลค่า 2,805 ล้านบาท ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันหุ้นให้ปรับฐานลงเมื่อวานนี้ แต่หลังรายการ big lot ที่ 51 บาท เราคาดว่า downside risk จะเริ่มจำกัดและราคาหุ้นน่าจะกลับมา outperform ตลาดได้ จากการที่ราคาหุ้นยัง laggard หุ้นในกลุ่มค้าปลีกและตลาดอยู่ นอกจากนั้น BJC ยังเป็นหุ้นที่มีขนาดมูลค่าตลาดกว่า 2 แสนล้านบาท (อันดับ 17 ของตลาด) ที่อาจเป็นเป้าหมายในการซื้อหนุนดัชนีได้เช่นเดียวกัน เราแนะนำ ซื้อ โดยมีราคาเป้าหมาย 61 บาท
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้เน้นรอเข้าซื้อเก็งกำไรเมื่อตลาดมีการปรับฐานลงตามตลาดหุ้นในต่างประเทศ (รอซื้อที่แนวรับ 1580-1585 จุด) และรอขายทำกำไรเมื่อตลาดมีการรีบาวน์ในระหว่างวัน โดยวันนี้เราแนะนำให้ขายทำกำไร/short หุ้นกลุ่ม ICT (จากงบ DTAC ที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาดมากและงดจ่ายเงินปันผล ส่งผลให้ตลาดอาจกลับมากังวลว่าการแข่งขันที่สูงอาจทำให้ ADVANC อาจลดการจ่ายเงินปันผลลงด้วย) และกลุ่มสายการบิน (จากการที่หุ้นสายการบินทั่วโลกปรับตัวลงจากนโยบายระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิมและการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินจาก 0.20 บาท/ลิตรเป็น 4 บาท/ลิตร สำหรับสายการบินในประเทศ โดย AAV NOK ได้รับผลกระทบมากสุด) ส่วนกลุ่มที่ยังปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด (laggard) อย่างกลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) และกลุ่มค้าปลีก (BJC CPALL ROBINS) น่าจะยังเป็นกลุ่มปลอดภัยที่ทยอยสะสมได้ วันนี้มองแนวต้านที่ 1596-1600 จุดส่วนแนวรับที่ 1584-1580 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BJC CPALL CENTEL และ MALEE
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,580.29 จุด ลดลง 10.27 จุด (-0.65%) มูลค่าการซื้อขาย 23,982.43 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับลดลง โดยมีแรงกดดันจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ติดตามการประชุมเฟด (31 ม.ค.-1ก.พ.นี้)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดบ่าย แกว่งลง ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดภูมิภาค หลังนักลงทุนเริ่มเกิดความกังวลต่อการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของทรัมป์ ระยะสั้นตลาดน่าจะเข้าสู่ช่วงการพักฐาน โดยมองแนวรับถัดไปที่ 1565 จุด แนวต้าน 1590 จุดระยะสั้นเน้นเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่คาดว่าผลการดำเนินงานจะออกมาโดดเด่น แนะนำTWPC คาดว่าผลการดำเนินงาน 4Q16 จะเติบโตต่อเนื่อง โดยได้ประโยชน์จากวัตถุดิบมันสำปะหลังราคาถูกหลังเข้าสู่ช่วงที่ผลผลิตมันออกสู่ท้องตลาดจำนวนมากในไตรมาสที่ผ่านมา Bloomberg consensus target price อยู่ที่ 11.50 บาท
Technical Pick (PM) ...
Sahamitr Pressure Container (SMPC TB; THB 17.30) – ซื้อ
Vibhavadi Medical Center (VIBHA TB; THB 3.14) – ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 – [email protected]/ [email protected]