WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Mayบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้แกว่งแคบ 1,588-1,595 จุด หุ้น ผลักดันด้วย AOT / PTTEP และหุ้นขนาดกลาง อย่าง PTL / UV/ MTLS ที่พักฐานมาก่อนหน้านี้ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบเพียง 0.24 จุด มาอยู่ที่ 1,590.56 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41,332 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเล็กน้อย 11 ล้านบาท แต่คง Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 เท่ากับ 1,667 สัญญา โดยยังคงซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 795 ล้านบาท

 

ปัจจัยสำคัญวันนี้
- BJC มี Big Lot มูลค่า 2.8 พันล้านบาท ราคา 51.00 บาท
- ตลาดหุ้นจีน / ไต้หวัน/ ฮ่องกง/ เวียดนาม ปิดทำการ
- DJIA ปิดต่ำกว่า 20,000 จุด มาอยู่ที่ 19,971.13 จุด
- ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับฐานลงอีก 1% ปิดที่ US$52.63/barrel
- สศค.ปรับประมาณการ GDP ปีนี้ขึ้นเป็น 3.6% จากเดิม 3.4%
- ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนธ.ค.ของไทยวันนี้
- ติดตามการประชุมครม.วันนี้ คาดมีการพิจารณาโครงการมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง

 

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 3)
เราประเมิน SET INDEX วันนี้จะซึมตัวลงสู่แนวรับ 1,580 จุด +/- ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบางต่อเนื่อง เพราะหลายตลาดหุ้นในเอเชียยังคงปิดทำการในวันนี้ อีกทั้งบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียที่เป็นลบ จากแรงกดดันของ DJIA และราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ลดลงแรงจากความกังวลต่อนโยบายนักท่องเที่ยวและผู้อพยพของประธานาธิบดี Trump
บรรยากาศรอบเอเชียและปัจจัยการลงทุนภายในประเทศขาดความโดดเด่น ทำให้หุ้น Big Cap มีแนวโน้มเผชิญกับแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะกลุ่มที่ขึ้นมาเด่นในช่วงก่อนหน้าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเกษตร / กลุ่มปิโตรเคมี / กลุ่มพลังงาน ที่ได้รับแรงกดดันจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์อ้างอิงที่ปรับตัวลง ขณะที่หุ้นกลุ่ม Domestic Play / High Yield / หุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัวจะขยับได้เด่นกว่าในช่วง 1-2 วันนี้
เรายังคงให้น้ำหนักกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เพราะการประชุมครม.วันนี้มีโอกาสพิจารณาโครงการมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง มูลค่างานกว่า 1.0 แสนล้านบาท
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ "เก็งกำไรหุ้นเป้าหมายเมื่อราคาย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย" เน้นประเด็นเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงาน 4Q59 เป็นหลักเช่นเดิม

 

Daily Pick
1. เก็งกำไร UNIQ : ราคาปิด 19.70 บาท ราคาเหมาะสม 22.50 บาท
a) MBKET คาดตลาดหุ้นไทยเกิด Sector Rotation เข้าสู่หุ้นกลุ่มที่ยัง Underperform ตลาด โดย YTD กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง -1.2% สวนทาง SET INDEX ที่เพิ่มขึ้น +3.1%
b) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างมี Catalyst รออยู่ในช่วงสั้น ได้แก่
I. คาดประชุมครม.วันนี้จะพิจารณาอนุมัติโครงการมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง ได้แก่ บางใหญ่-กาญจนบุรี วงเงิน 4.9 หมื่นล้านบาท และบางปะอิน-นครราชสีมา วงเงิน 7.6 หมื่นล้านบาท
II. รถไฟรางคู่ 4 เส้นทางวงเงิน 9.1 หมื่นล้านบาท จะยื่นเสนอราคาในวันที่ 3 ก.พ.
III. คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มในวันที่ 8 ก.พ.
c) คาดกำไรสุทธิ 4Q59 เติบโต +18% yoy และ +1% qoq เป็น 270 ล้านบาท ทำระดับสูงสุดใหม่ จากการรับรู้รายได้รถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีเขียว ขณะที่ปี 2560 คาดกำไรเติบโต +18.8% yoy เป็น 970 ล้านบาท และ Valuation น่าสนใจ ซื้อขายระดับ PER2560 ที่ 21.9 เท่า ต่ำกว่า STEC ที่ 26.5 เท่า และ CK ที่ 26.8 เท่า

 

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
กลับมาซื้อสุทธิ US$28 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิเล็กน้อย US$0.02 ล้าน

 

Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไร้ทิศทางที่ชัดเจน
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้งเพียง 11 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิลดลงเหลือ 7,646 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ short สุทธิเป็นวันที่ 3 ลดลงเหลือ 1,667 สัญญา รวม 3 วันทำการ Short สุทธิ 10,176 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง และทำให้ยอดสุทธิ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 7,209 สัญญา และทำให้ S50H17 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 11 กว้างขึ้นเป็น 1.96 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 0.70 จุด
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 795 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 2,615 ล้านบาท โดยที่ราคาพันธบัตรไทยลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 0.79bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.89bps ปิดที่ 2.754%

 

Short-Selling วานนี้
เท่ากับ 453 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 756 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 30 หลักทรัพย์ จากวันก่อนหน้า 50 หลักทรัพย์

 

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิอีกครั้ง แต่ก็เพียงเล็กน้อย เป็นการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลักเช่นเดียวกันวันก่อนหน้า
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเพียง 82 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิเล็กน้อย 76 ล้านบาท โดย NVDR ปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลัก ซื้อสุทธิสูงสุดกลุ่มธนาคาร 115 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 43 ล้านบาท แต่ขายสุทธิสูงสุดกลุ่มวัสดุก่อสร้างเพียง 43 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
นโยบายของ Trump ล่าสุด
- รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมอนุมัติรับผู้อพยพ 872 คนเข้าประเทศในสัปดาห์นี้ เนื่องจากผู้อพยพกลุ่มนี้อยู่ในสถานะของ "In Transit" และพร้อมที่จะปรับสถานะก่อนที่คำสั่งการห้ามรับผู้อพยพจะมีผลบังคับใช้
- ออสเตรเลียและสหรัฐฯ ตกลงร่วมกันที่จะให้นักท่องเที่ยวที่ถือพาสปอร์ตออสเตรเลียสามารถเข้าประเทศสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เกิดในออสเตรเลียหรือว่าถือสัญชาติ 2 สัญชาติก็ตาม ทั้งนี้แคนาดา และอังกฤษได้รับข้อยกเว้นเช่นเดียวกัน
- Trump เตรียมออกคำสั่งพิเศษเกี่ยวกับนโยบายคนเข้าประเทศ โดยจะมุ่งเน้นไปที่คนทำงานใน Silicon Valley ที่ใช้วีซ่าทำงานในบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งมีจำนวนกว่าหลายหมื่นคนในแต่ละปี คำสั่งนี้ยังอยู่ระหว่างการร่าง เนื้อหาสาระสำคัญ ต้องการให้บริษัทเทคโนโลยีเลือกที่จะจ้างคนในสหรัฐฯ เป็นลำดับแรก แต่หากจ้างงานต่างชาติ บริษัทนั้นๆ จะต้องมีค่าใช้จ่ายชดเชยในระดับสูง
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
- รายได้ส่วนบุคคลเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.3% mom ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 0.4% mom แต่ฟื้นตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.1% mom อย่างไรก็ตามการออมเงินลดลงเป็น 5.4% จากเดือนก่อนหน้า 5.6%
- รายจ่ายส่วนบุคคลเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.5% mom เท่ากับ Bloomberg consensus คาด และเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้า +0.2% mom โดยเป็นการใช้จ่ายสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นเด่นสุด 1.4% mom
- ยอดขายบ้านรอปิดการขายเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.6% mom ดีกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 0.6% mom และฟื้นตัวจากเดือนก่อนหน้า -2.5% mom

ยุโรป
สภาอังกฤษเตรียมพิจารณา Brexit: วันที่ 31 ม.ค. สภาอังกฤษจะเริ่มพิจารณาถึงขั้นตอนการออกจากการเป็นสมาชิกในกลุ่มอียู ก่อนที่จะมีการโหวตรับรองมาตรา 50 แห่งกรุงลิสบอน ขณะที่พรรครัฐบาลเชื่อมั่นว่าขั้นตอนการพิจารณาต่างๆ จะไม่ทำให้ตารางเวลาเดิมถูกเลื่อนออกไปที่กำหนดปลายเดือนมี.ค.จะเริ่มนับหนึ่งของการเจรจากับอียู

จีน
ไม่มี

เอเชียแปซิฟิก
ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นออกมาต่ำกว่าคาด: ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.6% yoy ต่ำกว่า Reuters poll คาด 1.3% yoy เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และความต้องการภายในประเทศทางตัว

ไทย
สศค.ปรับเป้า GDP ปีนี้ขึ้นเป็น 3.6% จากเดิม 3.4%: สศค. ประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นมาอยู่ที่ 3.6% (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 3.1% - 4.1%) โดยยังคงได้รับแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจมาจากการใช้จ่ายภาครัฐที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2560 จำนวน 1.9 แสนล้านบาท และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมใหม่ๆ ที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2560 อาทิ โครงการรถไฟทางคู่และรถไฟฟ้าในเขตเมือง โครงการมอเตอร์เวย์ และโครงการพัฒนาท่าอากาศยาน

Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul Assistant Analyst

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!