- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 26 January 2017 22:50
- Hits: 7587
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แนวโน้มตลาดวันนี้ (26/01/60)
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'แบงก์นำตลาด'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในแดนบวได้ต่อเนื่องอีกวันและทำสถิติปิดสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปีได้ (สูงสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 58) ซึ่งตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นรวมถึงตัวเลขการส่งออกของไทยปี 59 ที่ออกมาเติบโต 0.45%YoY โดยแรงซื้อวนกลับไปอยู่ที่กลุ่มธนาคาร (+1.6%) ตามด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง (+1.5%) ปิดตลาดดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.47 จุด (+0.3%) มาอยู่ที่ 1,584.29 จุด ด้วย Vol. 66,821 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) ตลาดหุ้น DJIA วานนี้ปิดทะลุ 20,000 จุด เป็นครั้งแรก รวมทั้ง S&P500 และ Nasdaq สามารถทำ All time high ได้เช่นกัน ถือเป็นการตอบรับต่อนโยบายของ Trump และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่ง
(+) ราคายาง TOCOM เช้านี้ดีดตัวขึ้นแรง 3%Day ล่าสุดปิดที่ 318 Yen/Kg(+21%YTD) มองบวกต่อการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มยาง เช่น STA
(+) SCG เตรียมสรุปผู้ร่วมลงทุนปิโตรคอมเพล็กซ์ในเวียดนามภายใน 1Q60 ขณะที่กำไรปี 59 ของ SCC โต 24%YoY มาอยู่ที่ 5.6 หมื่นลบ.
(+) สศค. จะปรับประมาณการ GDP ปี 60 ในวันที่ 30 ม.ค. ซึ่งคาดน่าจะปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เคยคาดไว้เดิมที่ 3.4% เนื่องจากมีการทำงบประมาณเพิ่มกลางปี 60 1.9 แสนลบ. คาดเบิกจ่าย 65-70% หนุนเศรษฐกิจโตเพิ่มขึ้น
(+) ยอดขอ BOI ปี 59 สูง 5.8 แสนลบ. คาดปี 60 จะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 6 แสนลบ.
(+) มายด์แชร์ ประเมินเม็ดเงินโฆษณาปี 60 โต 12% YoY แตะ 1.2 แสนลบ. ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ฟื้นตัว
(+) ม.หอการค้าคาดเงินสะพัดในช่วงตรุษจีนกว่า 5.4 หมื่นลบ. (+4.5%YoY)
(-) ราคาทองคำ COMEX ร่วง 1.07%Day มาอยู่ที่ 1197.8 US/ออนซ์ หลังสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้เงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย
(-) น้ำมันดิบ WTI วานนี้ลดลง 0.8%Day มาอยู่ที่ 52.75 US/Barrel หลัง EIA รายงานตัวเลข Stock น้ำมันดิบสหรัฐในสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้น 2.84 ล้านบาร์เรล ขณะที่ล่าสุด OPEC สามารถลดกำลังผลิตลงได้ 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน ใกล้เคียง 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน ตามข้อตกลงเมื่อเดือน พ.ย. 59
(-) ประชุม IFEC วานนี้ยังไม่สามารถผ่านวาระในการเลือกบอร์ดชุดใหม่ได้ ทำให้ต้องเลื่อนไปประชุมใหม่ในอีก 15 วันข้างหน้า
(+/-) ททท. เตรียมเสนอครม.ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า 19 ปท. ออกไปอีก 6 เดือน
(+/-) ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการให้เอกเชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐได้พิจารณาโครงการที่จะนำมาเข้าตามมาตรการ PPPฟาสต์แทร็คในปี 60 หลังจากปีก่อนลดระยะเวลาดำเนินโครงการลงจาก 2 ปีเหลือ 9 เดือน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
อยู่ในช่วงประกาศผลประกอบการ 4Q59/งบปี 59 (สิ้นสุดสิ้นเดือน ก.พ.)
ตัวเลขสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมันเดือน ก.พ. (26 ม.ค.), GDP 4Q59 ของอังกฤษ (26 ม.ค.), ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐ (26 ม.ค.), การขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐ (26 ม.ค.), อัตราเงินเฟ้อญี่ปุ้น (27 ม.ค.), GDP 4Q59 ของสหรัฐ (27 ม.ค.), ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐเดือน ม.ค. (27 ม.ค.)
คาดสัปดาห์หน้า (31 ม.ค.) ครม. จะพิจารณาโครงการลงทุนมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญฯ 4.9 หมื่นลบ., บางปะอิน-นครราชสีมา 7.66 หมื่นลบ. และ ลงนามรถไฟทางคู่ 4 เส้น วงเงิน 9.45 หมื่นลบ.
กลยุทธ์การลงทุน “เลือกรายตัว”
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ตามโมเมนตัมบวกของตลาดสหรัฐ ที่ทะลุผ่านแนวต้านทางจิตวิทยา นำโดยกลุ่ม ธนาคาร และ กลุ่มเทคโนโลยี เราแนะนำเก็งกำไรตามโมเมนตัมของตลาดต่างประเทศ โดยแนะนำกลุ่มธนาคารเป็นหลัก เรายังแนะนำเก็งกำไรระยะสั้น แต่ยังคงมองว่าตลาดซื้อขายใน Zone แพงและมีปัจจัยหนุนภาพรวมที่ยังจำกัด สำหรับระยะกลางเรายังคงมองหุ้นกลุ่มพลังงานจะสามารถพยุงตลาดได้จากราคาน้ำมันดิบที่แข็งแรงจากการลดกำลังผลิตกลุ่ม OPEC
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
TISCO เก็งกำไร
คาดหวังดีลพอร์ตสินเชื่อจาก SCBT ต่อยอดรายได้ค่าธรรมเนียม
มอง Dividend Yield น่าสนใจที่ระดับ 5.5% และ 6.3% ปี 60/61
CGS คาดกำไรสุทธิปี 60 เติบโต 20% YoY
CPALL เก็งกำไร
ปฎิเสธการเข้าซื้อธุรกิจในโปแลนด์แล้ว ทำให้ลดแรงกดดันเรื่องการเพิ่มทุน
ราคาหุ้นปรับลดลงมากว่า 6% สวนทางตลาดหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% YTD
คาดรายได้ปี 60 ขยายตัวดีจากแผนขยายสาขาและการฟื้นตัวของ MAKRO
ทีมวิเคราะห์