- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 25 January 2017 18:51
- Hits: 2905
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ตามตลาดต่างประเทศ? คาดยังมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ(แต่อาจจำกัดหลังดัชนีปรับขึ้น 2 วันติดต่อกัน) ภายใต้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงความพยายามของ ปธน.สหรัฐฯ ที่จะกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในสหรัฐฯ โดยผ่านนโยบายการคลัง (การปฏิรูปภาษีและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จากภาครัฐฯ) รวมถึงกระตุ้นการลงทุนจากภาคเอกชน ล่าสุดเจรจากับผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของสหรัฐฯ ที่คาดช่วยกระตุ้นการจ้างงานเพิ่ม จากการสร้างโรงงานใหม่ เป็นต้น คาดโดยรวมเป็น Sentiment ที่ดีต่อความต้องการทั้งพลังงานและสินค้าทุนอื่นๆ
อย่างไรก็ตามแนะติดตามนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่เริ่มมีความชัดเจนตามลำดับทั้งการออกจาก TPP และเตรียมเจรจาข้อตกลงใหม่กับ NAFTA คาดอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศต่างๆ ที่ไปยังสหรัฐฯ (ขณะที่ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ สัดส่วนประมาณ 10%ของยอดส่งออกทั้งหมด หรือประมาณ 700,000 ล้านบาท)
รวมถึงการประชุมเฟด (31/1/60 – 1/2/60) หลังถ้อยแถลงของประธานเฟด ล่าสุด มีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เข้าใกล้เป้าหมายของเฟด ทั้งการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ
ทางด้านประเด็นในประเทศ (-) Fund Flow หลังต่างชาติขายสุทธิเพิ่มอีก 831 ล้านบาท (+) ราคาน้ำมัน ที่คาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากแผนการปรับลดปริมาณผลิตลง เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา คาดยังส่งผลดีต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน
พร้อมแนะติดตาม (1) ระยะสั้นต่อประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ B/E โดยเฉพาะ บจ. ขนาดเล็ก ที่อาจกระทบความเชื่อมั่น และภาวะการเงินตึงตัว เป็นต้น และ (2) อยู่ในช่วงทยอยประกาศผลการดำเนินงานปี’59 คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงก.พ.’60 รวมถึงเงินปันผล
อย่างไรก็ตามยังมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในปี’60 ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น ล่าสุด กกร. ปรับเพิ่มเป้าหมายส่งออกจากเดิม 0 – 2.0% เป็น 1.0 – 3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และ
SET SET50 SET100
1,578.82 +8.03 984.23 +8.19 2,226.47 +15.95
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +112.86, NASDAQ +48.01, S&P +14.87, FTSE -0.84, CAC +8.62 และ DAX +49.19
ภายใต้ปัจจัยหนุนจาก (1) ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ เช่น ดูปองท์ อาลีบาบา กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซของจีน จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และยาฮู อิงค์ เป็นต้น (2) ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ ที่สดใส ทั้งยอดขายบ้านมือสองปี’59 อยู่ที่ 5.45 ล้าน
ยูนิต จาก 5.25 ล้านยูนิต เมื่อปี’58 (แต่เฉพาะเดือนธ.ค. ลดลง 2.8% MoM อยู่ที่ 5.49 ล้านยูนิต) และดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น -
ม.ค. อยู่ที่ 55.1 เพิ่มขึ้นจาก 54.3 เมื่อ ธ.ค.
นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากหุ้นกลุ่มยานยนต์ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จัดประชุมกับผู้บริหารของบริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำของสหรัฐฯ ได้แก่ เจเนอรัล มอเตอร์ ฟอร์ด มอเตอร์ และเฟียต ไคร์สเลอร์ ออโตโมบิล เพื่อหารือเกี่ยวกับการเพิ่มการจ้างงาน การสร้างโรงงานใหม่ในสหรัฐ และจำหน่ายรถยนต์ในสหรัฐ
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ตอบรับในเชิงบวกหลังศาลฎีกาอังกฤษ วินิจฉัยว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษไม่สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนที่จะขอความเห็นชอบจากรัฐสภา
ขณะที่ได้รับปัจจัยลบ จากดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของเยอรมนี - ม.ค. อยู่ที่ 54.7 ลดลงจาก 55.2 เมื่อธ.ค.
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
19.09 2.02 2.95
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 62,246.32
สถาบัน 876.02
บัญชีหลักทรัพย์ -415.25
ต่างประเทศ -830.99
ในประเทศ 370.22
(4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’ 60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านล้านบาทเมื่อปี’59
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.07 อยู่ที่ 2.47% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.70 อยู่ที่ 11.07
หุ้นแนะนำ : AP
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788