- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 25 January 2017 18:32
- Hits: 2791
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
Technical highlights
SET Index : แนวต้านสำคัญ 1580-1585
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1578.82 จุด เพิ่มขึ้น 8.03 จุด มูลค่าการซื้อขาย 62,246 ล้านบาทตลาดเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1580 จุดจากแรงซื้นหุ้นขนาดใหญ่ ในขณะที่หุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กมีแรงขายทำกำไรออกมาในระยะสั้น และมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1585 จุด
Weekly: ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านสำคัญของรูปแบบสามเหลี่ยมที่ 1580-1585 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่งจากการเข้าซื้อหุ้นขนาดใหญ่ แต่การปรับตัวลดลง จากแรงขายทำกำไรของหุ้นขนาดกลาง และเล็ก ทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไร โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1550 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขาย
กลยุทธ์ : SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1580-1585 จุด แต่โอกาสทะลุผ่านขึ้นไปได้มีค่อนข้างน้อย เนื่องจากแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็ก ทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นยังมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไร และมีแนวรับสำคัญที่ 1550 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขาย
Most Active Value: แนวรับ แนวต้าน
PTT แนวต้านสำคัญ 408 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 420 แนวรับ 400 404 / 400 408 / 410
TPIPL ระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวที่แนวรับ 2.40 แนวต้าน 2.50 2.40 / 2.36 2.48 / 2.50
AOT แนวโน้มขึ้นทดสอบ 404 และ 408 แนวรับสำคัญ 390 394 / 390 400 / 404
CPALL แนวโน้มลงทดสอบ 57.00 แนวต้าน 60.00 59.00 / 58.00 59.50 / 60.00
PTTEP แนวรับสำคัญ 94.00 ถ้าหลุดแนวรับถัดไป 92.00 แนวต้าน 95.00 94.00 / 93.00 95.00 / 96.00
IVL แนวโน้มขึ้นทดสอบ 37.00 แนวรับ 35.00 35.50 / 35.00 36.50 / 37.00
IRPC แนวโน้มขึ้นทดสอบ 5.60 แนวรับสำคัญ 5.20 5.30 / 5.25 5.50 / 5.60
PTTGC แนวโน้มขึ้นทดสอบ 70.00 แนวรับสำคัญ 65.00 67.50 / 66.50 68.50 / 69.00
SCB แนวโน้มลงทดสอบ 145 แนวต้าน 151-152 148 / 147 151 / 152
THAI แนวโน้มขึ้นทดสอบ 24.00 และ 25.00 แนวรับสำคัญ 22.50 23.50 / 23.00 24.00 / 25.00
Berli Jucker (BJC TB; THB 51.50) – ซื้อ
แนวต้าน : 54.00 และ 55.50 / แนวต้านสำคัญ 59.50
แนวรับ : 51.50 และ 51.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่งต่อเนื่อง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐาน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ BJC โดยมีแนวรับที่ 51.50 และ 51.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 54.00 และ 55.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 50.00 ลงไป
Sea Oil (SEAOIL TB; THB 5.10) – ซื้อ
แนวต้าน : 5.40 และ 5.60 / แนวต้านสำคัญ 5.90
แนวรับ : 5.10 และ 5.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้นแล้วสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้
MACD เคลื่อนไหวออกด้านข้างในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ SEAOIL โดยมีแนวรับที่ 4.52 และ 4.48 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 4.80 และ 5.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 4.94 ลงไป
Trading Pick Follow up: แนวรับ แนวต้าน
ALT ระยะสั้นขายที่แนวต้าน 10.20 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ เป้าหมาย 10.70 9.90 / 9.70 10.20 / 10.50
THAI แนวโน้มขึ้นทดสอบ 24.00 และ 25.00 แนวรับสำคัญ 22.50 23.50 / 23.00 24.00 / 25.00
MACO ขายที่แนวต้าน 1.38-1.40 แนวรับสำคัญ 1.20 1.30 / 1.25 1.38 / 1.40
S แนวโน้มขึ้นทดสอบ 5.05 และ 5.20 แนวรับสำคัญ 4.74 4.80 / 4.74** 5.05 / 5.20
INET สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 5.50 และ 5.70 แนวรับสำคัญ 5.00 5.05 / 5.00** 5.40 / 5.50
SOLAR แนวต้านสำคัญ 4.80 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 5.00 และ 5.40 4.70 / 4.64 4.80 / 5.00
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...New high ในรอบเกือบ 2 ปี จากราคา PTT ที่ทำ new high ในรอบ 9 ปี
เมื่อวานนี้ราคาหุ้น PTT ปรับตัวขึ้นแรงถึง 19 บาทหรือ +4.88% ปิดที่ 408 บาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี 3 เดือน (นับจากระดับสูงสุดที่ 440 บาทในเดือนต.ค. 2007) ด้วยปริมาณการซื้อขายสูงถึง 5.1 พันล้านบาท ส่งผลให้ตลาดปิด +8.03 จุดหรือ +0.51% ปิดที่ 1578.82 จุด ซึ่งเป็นระดับราคาปิดสูงสุดของปีนี้และสูงสุดในรอบ 1 ปี 10 เดือน ด้วยปริมาณการซื้อขายที่กลับมาหนาแน่นอีกครั้งที่ 62,246 ล้านบาท ส่งผลให้ sentiment ของตลาดกลับมาดีอีกครั้งและคาดว่าตลาดมีโอกาสปรับขึ้นไปทดสอบระดับ 1600 จุดได้ในช่วงที่เหลือของเดือนนี้
เมื่อวานนี้ศาลฎีกาของอังกฤษได้วินิจฉัยแล้วว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไม่สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาได้ โดยก่อนหน้านี้ ศาลสูงในกรุงลอนดอนมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ปีที่แล้วว่า รัฐบาลไม่มีอำนาจในการประกาศเริ่มต้นกระบวนการ Brexit โดยรัฐบาลจะต้องขอการอนุมัติจากรัฐสภาก่อนที่จะสามารถดำเนินการดังกล่าว ทางด้านรัฐบาลอังกฤษได้แสดงความผิดหวังต่อคำวินิจฉัยของศาลดังกล่าว และได้ทำการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา แต่ในขณะเดียวกันนายกฯ ของอังกฤษก็จะดำเนินการเพื่อให้รัฐสภาทำการลงมติต่อข้อตกลง Brexit ในไม่ช้านี้อีกด้วย จากผลดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินปอนด์กลับมาแข็งค่าขึ้นในระยะสั้นโดยค่าเงินปอนด์เทียบค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นจาก 0.8302 ปอนด์/ดอลลาร์สหรัฐเมื่อสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 0.7980 ปอนด์/ดอลลาร์สหรัฐและตลาดหุ้นอังกฤษและยุโรปกลับมาตอบรับในเชิงบวกหลังจากที่ก่อนหน้านี้เริ่มมีความกังวลกันว่ากระบวนการ Brexit ที่นายกฯ อังกฤษคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในเดือนมี.ค. จะส่งผลกระทบกับภาวะเศรษฐกิจและการค้าของอังกฤษและยุโรป
สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2559 ที่คาดว่าจะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ประกอบด้วย วันที่ 25 ม.ค. Bloomberg consensus คาดว่า SCC จะประกาศกำไรไตรมาส 4/59 ออกมามีกำไรสุทธิ 9,287 ล้านบาท (-19% yoy, -34% qoq) จากการหยุดซ่อมบำรุงโรงงาน ROC ไป 40 วัน ทำให้กำไรของธุรกิจปิโตรเคมีชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม Bloomberg consensus ยังแนะนำ ให้ซื้อ (Buy/Hold/sell : 22/3/3) โดยมีราคาเป้าหมายที่ 570.84 บาท ต่อมาในวันที่ 26 ม.ค. คาดว่า PTTEP จะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 ออกมามีกำไร 2,633 ล้านบาท (-44% yoy, -52% qoq) จากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นและราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายที่ 95.93 บาท (Buy/Hold/sell : 8/12/8) ในขณะที่สัปดาห์หน้าจะเริ่มมีการประกาศผลการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มสื่อสารอย่าง ADVANC DTAC THCOM และ JASIF โดย Bloomberg consensus คาดว่า ADVANC จะประกาศผลกำไรไตรมาส 4/59 (วันที่ 3 ก.พ. 60) ที่ 5,705 ล้านบาท (-47% yoy, -13% qoq) จากการรับรู้ค่าใช้จ่ายใบอนุญาต 900 MHz และ 1800 MHz เข้ามา อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังแนะนำซื้อ (Buy/Hold/sell : 21/6/4) โดยให้ราคาเป้าหมาย 176.79 บาท ส่วน DTAC จะประกาศผลกำไรไตรมาส 4/59 (วันที่ 30 ม.ค. 60) ที่ 396 ล้านบาท (-60% yoy, -40% qoq) โดยตลาดให้ราคาเป้าหมาย 37.25 บาท (Buy/Hold/sell : 7/8/15)
ในสัปดาห์หน้านักลงทุนคงต้องจับตาดูการประชุมเฟดครั้งแรกของปีนี้ในวันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ. ซึ่งตลาดคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.75% หลังจากที่เพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่ที่ต้องจับตาคือคำแถลงการณ์ของเฟดที่ต้องตีความว่าอัตราดอกเบี้ยที่มีการคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้น 3 ครั้งในปีนี้จะมีการปรับขึ้นในช่วงใดบ้าง โดยก่อนหน้านี้ตลาดคาดว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในครึ่งแรกของปี (เดือนมิ.ย.) และอีก 2 ครั้งในครึ่งปีหลัง รวมปรับขึ้นอีก 0.75% เป็น 1.50% ณ ปลายปีนี้ โดยล่าสุดที่สหรัฐประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. ออกมา 0.3% แต่เมื่อเทียบรายปี CPI เพิ่มขึ้น 2.1% ซึ่งสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2.0% ของเฟดและเป็นการเพิ่มขึ้นรายปีมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2014 ทำให้ตลาดเริ่มเชื่อมันว่าเฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งได้จริงในปีนี้ จากก่อนหน้าที่ตลาดคาดว่าจะขึ้นไม่ถึง 3 ครั้ง โดยหากเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าตลาดคาดก็อาจส่งผลกระทบเชิงลบกับตลาดหุ้นทั่วโลกได้
วันนี้ มองทิศทางตลาดจะยังปรับตัวขึ้นต่อแม้จะเผชิญแรงขายทำกำไรออกมามากขึ้นก็ตาม โดยมีปัจจัยหนุนมาจากความคลายกังวลนโยบาย เศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่, ความล่าช้าของกระบวนการ Brexit หลังศาลฎีกาของอังกฤษได้วินิจฉัยแล้วว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไม่สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา, สภาพคล่องในตลาดที่ยังใอยู่มากในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดยังอยู่ในระดับต่ำและการเก็งกำไรผลการดำเนินงานประจำปี 2559 ที่จะทยอยประกาศออกมาในช่วงนี้ไปถึงปลายเดือนหน้า เราคาดว่าดัชนี SET มีโอกาสปรับขึ้นต่อไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1583-1590 จุด ซึ่งหากผ่านได้ เราคาดว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นต่อไปทำจุดสูงสุดใหม่ (New high) ที่ระดับ 1600 จุดได้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี วันนี้ยังแนะนำให้ซื้อเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่ยังปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด (laggard) อย่าง AOT BJC CK CPF MINT วันนี้ให้แนวต้านที่ 1583-1590 จุดและแนวรับที่ 1566-1572 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์ : วันนี้มองทิศทางตลาดจะยังปรับตัวขึ้นต่อแม้จะเผชิญแรงขายทำกำไรออกมามากขึ้นก็ตาม โดยมีปัจจัยหนุนมาจากความคลายกังวลนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่, ความล่าช้าของกระบวนการ Brexit หลังศาลฎีกาของอังกฤษได้วินิจฉัยแล้วว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไม่สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา, สภาพคล่องในตลาดที่ยังใอยู่มากในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดยังอยู่ในระดับต่ำและการเก็งกำไรผลการดำเนินงานประจำปี 2559 ที่จะทยอยประกาศออกมาในช่วงนี้ไปถึงปลายเดือนหน้า เราคาดว่าดัชนี SET มีโอกาสปรับขึ้นต่อไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1583-1590 จุด ซึ่งหากผ่านได้ เราคาดว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นต่อไปทำจุดสูงสุดใหม่ (New high) ที่ระดับ 1600 จุดได้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ2 ปี วันนี้ยังแนะนำให้ซื้อเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่ยังปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด (laggard) อย่าง AOT BJC CK CPF MINT วันนี้ให้แนวต้านที่ 1583-1590 จุดและแนวรับที่ 1566-1572 จุด
Themes play :
CPF : เราแนะนำ ซื้อ CPF โดยมีราคาเป้าหมาย 39 บาท โดย CPF ตั้งเป้ารายได้เติบโต10% ในปี FY17 ซึ่งสูงกว่าประมาณการของเราที่ 5% ธุรกิจในไทยจะเติบโตจากการส่งออกไก่และกุ้งเป็นหลัก ส่วนแบ่งรายได้ที่แข็งแกร่งจากกิจการที่เข้าซื้อในช่วงที่ผ่านมาเป็น upside risk ต่อประมาณการของเรา นอกจากนั้นราคาไก่ที่ปรับเพิ่มขึ้น 6% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็น 39.7 บาท/กิโลกรัม เนื่องจากความต้องการในช่วงเทศกาลตรุษจีนและอุปทานขาดแคลนในภาคใต้จากอุทกภัย และราคากุ้งที่มีราคาเพิ่มขึ้น 3% wow จาก1) อุปทานกุ้งขาดแคลนจากน้ำท่วมภาคใต้ของประเทศไทย 2) คาดอุปสงค์กุ้งเพิ่มขึ้นจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น 3) อุปทานในประเทศจีนลดลง ก็จะส่งผลบวกต่อรายได้และผลกำไรให้กับ CPF อีกด้วย เราคาดว่า CPF จะรายงานกำไรไตรมาส 4/59 ที่ 1,228 ล้านบาท (+262% yoy, -18% qoq) และกำไรทั้งปี 2016 ที่ 12,439 ล้านบาทหรือ EPS 1.77 บาท เติบโต 204% yoy
ประเด็นในสัปดาห์
26 ม.ค. : จีนประกาศตัวเลข Industrial Profit YoY เดือนธ.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่14.5%
26 ม.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข New Home Sales MoM เดือนธ.ค. จากเดือนก่อนหน้า592,000 ยูนิต
27 ม.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข GDP Annualized QoQ ไตรมาส 4/59 โดยตลาดคาด 2.0% จากไตรมาสก่อนหน้าที่ 3.5%
27 ม.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Personal Consumption ไตรมาส 4/59 จากไตรมาสก่อนหน้าที่ 3.0%
คาดการณ์วันประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2016
25 ม.ค. : SCC
26 ม.ค. : PTTEP, VGI
27 ม.ค. : GLOW
30 ม.ค. : DTAC
1 ก.พ. : THCOM
3 ก.พ. : ADVANC JASIF
Fundamental Stock :
CPF : Company Note คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย : 39 บาท
M : Company Note คำแนะนำ : ถือ ราคาเป้าหมาย : 61 บาท
Technical Pick:
กลยุทธ์ : SET Index มีแนวต้านสำคัญ 1580-1585 จุด
Berli Jucker (BJC TB; THB 51.50) – ซื้อ
Sea Oil (SEAOIL TB; THB 5.10) – ซื้อ
SET Index : แนวต้านสำคัญ 1580-1585
Retail Research Team