- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 24 January 2017 18:27
- Hits: 1199
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET แค่รีบาวด์สั้น ก่อนลงต่อ ดังนั้นยังน่ารอทยอยซื้อลบเช่นเดิม
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET รีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องมาแกว่งตัวด้านบวกอีก หลังจากปลายสัปดาห์ที่แล้วมีแรงซื้อหนุนพอควร แต่กรอบบวกเริ่มจำกัดและมีลักษณะผันผวนตลอดทั้งวัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มอ่อนตัว หลังดีดกลับขึ้นวันก่อน ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าก็ส่งผลกดดันต่อการส่งออกด้วย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : คาดว่า SET จะถูกกดดันจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่อยู่ในช่วงปรับลง หลังนักลงทุนวิตกว่ามาตรการกีดกันทางการค้าของ ปธน.สหรัฐคนใหม่ อาจนำไปสู่สงครามการค้าทั่วโลกได้ ซึ่งล่าสุดนายทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงการค้าเสรีหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิค (TPP) อย่างเป็นทางการแล้ว และมีรายงานว่ากำลังเตรียมลงนามคำสั่งให้สหรัฐทำการเจรจาครั้งใหม่ต่อข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) กับแคนาดาและเม็กซิโก เพื่อไม่ต้องการให้สหรัฐเสียเปรียบในการทำการค้า นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอีกครั้ง จากรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้นอีกในสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับ SET ยังลดความร้อนแรงจากการขึ้นรอบก่อนได้ไม่มาก ทำให้ FSS ยังคาดว่าตลาดมีสิทธิแกว่งลงได้อีกมากกว่า
กลยุทธ์ : เรายังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ปรับลงดีกว่าเช่นเดิม
แนวรับ 1567-1565 , 1562-1560 จุด
แนวต้าน 1572-1575 , 1577-1583 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : MINT, EPG, BEAUTY(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$407ล้าน นำโดยไต้หวัน US$328ล้าน และเกาหลีใต้ US$95 ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทย US$7ล้าน และอินโดนีเซีย US$6ล้าน แนวโน้มเงินทุนมีทิศทางไหลออก ตลาดกังวลนโยบายกีดกันทางการค้าของนายทรัมป์ซึ่งล่าสุดในมีการลงนามถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงการค้าเสรี TPP อย่างเป็นทางการแล้ว และกำลังเตรียมลงนามการเจรจาครั้งใหม่ต่อข้อตกลงนาฟต้ากับแคนาดาและเม็กซิโก
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) นโยบายทรัมป์เริ่มแล้ว ทรัมป์ให้สหรัฐถอนตัวออกจาก TPP อย่างเป็นทางการแล้ว แทบไม่กระทบไทยเพราะไม่ได้อยู่ในสัญญา TPP อยู่แล้ว แต่น่าจะกระทบจีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซียมากกว่า อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบทางอ้อมจาก Flow ที่น่าจะไหลออกจากตลาดเอเชียเพราะรอดูท่าทีของนโยบายทรัมป์ต่อไป
(+) KTB เราปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 22 บาทจากเดิม 21 บาท หลังจากปรับกำไรปีนี้ขึ้น 8% เป็น +5.6% Y-Y จากการปรับเพิ่มการเติบโตของสินเชื่อ NIM และลด Provision ลง ตามทิศทางเชิงบวกที่ได้รับจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ และคาดเงินปันผลงวดปี 2016 หุ้นละ 0.84 บาท (yield 4.5%) ราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่า Book value สิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะเป็น 21.58 บาท/หุ้น แนะนำซื้อ
(+) CPF แนวโน้มกำไรปกติ 4Q16 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี จากทั้ง Low Season ราคาเนื้อสัตว์ปรับลงและน่าจะรับรู้ค่าใช้จ่ายซื้อกิจการ ทำให้เราคาด -72% Q-Q แต่ด้วยกำไรที่ทำได้ดีมากใน 9M16 ทั้งปีน่าจะ +714% Y-Y ส่วนปี 2017 คาดกำไรปกติโตต่อ +11% Y-Y จากราคาไก่ที่ดีขึ้นเพราะหลายประเทศมีไข้หวัดนก คำสั่งซื้อของญี่ปุ่นที่แข็งแกร่ง และได้ตลาดใหม่คือเกาหลีใต้และสิงคโปร์ที่เพิ่งอนุญาตนำเข้าไก่สดแช่แข็งจากไทยอีกครั้ง รวมถึงการฟื้นตัวในธุรกิจอื่น สำหรับการรวมกิจการ Bellisio ตั้งแต่ต้นปีนี้อาจไม่ฉุดผลประกอบการหาก Bellisio ปรับมาใช้มาตรฐานบัญชีเดียวกับ CPF เรายังคงราคาพื้นฐาน 38 บาท คงคำแนะนำซื้อ และคาดปันผล 0.50 บาท/หุ้นสำหรับงวด 2H16
(-) SIRI เราคาดกำไรสุทธิ 4Q16 ฟื้นแรง +83% Q-Q, +10% Y-Y เพราะมีคอนโดหรู 3 โครงการเริ่มโอนในไตรมาสนี้ ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 2016 -18% Y-Y หากไม่รวมกำไรจากการขายที่ดินในปี 2015 กำไรปกติปี 2016 น่าจะลดลงเล็กน้อย -0.2% Y-Y สำหรับปี 2017 แม้เรามีมุมมองดีขึ้นหลังจากบริษัทมีแผนเปิดโครงการแนวราบซึ่งรับรู้เป็นรายได้ได้เร็ว เพิ่มขึ้น โครงการ The LINE – Jatujak มีโอกาสโอนเร็วขึ้น และคาดรับรู้ส่วนแบ่งจาก JV เป็นกำไร แต่กำไรปกติโตเพียง 3.7% Y-Y ต่ำกว่ากลุ่มที่คาดโต 16% Y-Y ขณะที่ราคาหุ้นมี PE 9 เท่าเท่ากับ จึงยังคงแนะนำขาย ราคาพื้นฐาน 1.70 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
24 ม.ค. - ยูโรโซน:Markit Eurozone Manufacturing PMI (ม.ค.)
25 ม.ค. - เกาหลีใต้:4Q16 GDP
- ไต้หวัน: 4Q16 GDP
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ธ.ค.)
26 ม.ค. - ฟิลิปปินส์:4Q16 GDP
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ธ.ค.)
27-31 ม.ค. - ตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ปิดทำการเนื่องในวันตรุษจีน
27 ม.ค. - ไทย: ดุลการค้า (ธ.ค.)
- สหรัฐ: 4Q16 GDP, คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ธ.ค.)
30 ม.ค. - ไทย:ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ธ.ค.)
- สหรัฐ: Pending home sales (ธ.ค.)
31 ม.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ธ.ค.
- BOJประชุม
- ยูโรโซน: 4Q16 GDP
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบเล็กน้อยโดยนักลงทุนยังติดตามนโยบายทางเศรษฐกิจของทรัมป์อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ลงนามเพื่อที่จะถอนตัวออกจาก TPP
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบเช่นกันเนื่องจากวิตกกังวลเกี่ยวนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ที่กีดกันทางการค้าและปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯอย่างถึงที่สุด
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้แกว่งตัวในกรอบแคบเนื่องจากยังไร้ปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้น
(+) ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวค่อนมาในทางแข็งค่า โดยล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.20-35.30 บาท/ดอลลาร์
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ลดลง 0.47 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 52.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรับฯปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันเช้านี้เริ่มพลิกมาบวกได้อีกครั้งจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 10.7 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,215.6 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และยังคงมีแรงซื้อเข้ามาใน Safe Haven ต่อเนื่องเพราะยังกังวลต่อนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch