- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 19 January 2017 17:42
- Hits: 1672
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ระมัดระวังก่อน Trump เข้ารับตำแหน่ง
คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบวันนี้ในทิศทางเดียวกับหุ้นทั่วโลกจากคากล่าวย้ำของเจเน็ท เยลเล็นว่าการขึ้นดอกเบี้ยปีนี้จะเป็นไปอย่างเร็ว และนักลงทุนคงจะระมัดระวังก่อนการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของ Donald Trump ในวันศุกร์ นักลงทุนโดยเฉพาะในเอเชียเริ่มหวั่นวิตกนโยบายปกป้องทางการค้าและท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อจีนของ Trump ข่าวในประเทศวันนี้มีทั้งบวกและลบ ตัวเลขยานยนต์ในเดือน ธ.ค. เทียบปีต่อปีไม่ค่อยดี แต่เทียบเดือนต่อเดือนยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง และเรามีมุมมองต่อแนวโน้มว่าการส่งออกยานยนต์ท่าจะดีขึ้นตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ดัชนีความเชื่อมันภาคอุตสาหกรรมเดือน ธ.ค. สูงสุดในรอบ 22 เดือน
หุ้นเด่นวันนี้ : PTTGC (ราคาปิด 65.25 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS 72.00 บาท)
บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล เป็นหุ้นเด่นในวันนี้จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะแข็งแกร่งโดดเด่น โดยเฉพาะกำไรงวด 4Q59 ที่กำลังจะประกาศออกมาและคาดว่าจะเป็นจุดสูงสุดของปี 2559 ที่ราว 7.6 พันลบ. (+62% YoY, +22% QoQ) เนื่องจากจะไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานที่จะฉุดผลการดำเนินงานลงเช่นในสามไตรมาสก่อนหน้าที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถเดินเครื่องโรงงงานหลักๆ ได้อย่างเต็มกำลังการผลิต ขณะที่อัตราการทำกำไรจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจโรงกลั่นซึ่งเป็นไปตามทิศทางค่าการกลั่นตลาดภูมิภาคที่ปรับตัวสูงขึ้นในทุกๆ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปในช่วงฤดูหนาว ประกอบกับจะรับรู้กำไรจากผลของสต็อกเนื่องจากราคาน้ำมันดิบโลกฟื้นตัวในช่วงที่ผ่านมา โดยรวมแล้ว เราประเมินว่า PTTGC จะจบปี 2559 ด้วยการปรับตัวสูงขึ้นของกำไรปกติที่ระดับ 6% เนื่องจากมีหยุดซ่อมบำรุงในช่วง 9 เดือนแรก ก่อนจะฟื้นตัวเต็มที่ในปีนี้โดยมีอัตราการเติบโต 17% YoY ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนหลักจากวงจรขาขึ้นของโอเลฟินส์ภายใต้การเดินเครื่องโรงงานผลิตอย่างเต็มที่ทั้งปี นอกเหนือจากแนวโน้มกำไรสุทธิที่คาดว่าจะดีขึ้นแล้ว ราคาหุ้นในปัจจุบันยังให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจอยู่ที่ราว 5.0% ต่อปี ในส่วนของ Price Pattern ของ PTTGC มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ PTTGC ที่มีความแข็งแกร่งอย่างมากรอบนี้มีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 67 บาท และหาก Price Pattern ของ PTTGC สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 67 บาท ก็จะมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ 73 บาท ทั้งนี้ PTTGC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 63.75 บาท (แนวต้าน: 66.00, 67.00, 68.00; แนวรับ 64.25, 63.25, 62.25)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ตัวเลขยานยนต์ ธ.ค. ปีที่แล้วยังออกมาไม่ดี ส.อ.ท. รายงานการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป ธ.ค. ลดลง 0.6% เทียบปีก่อน สู่ 86,120 คัน โดยมูลค่าส่งออกลดลง 0.1% เทียบปีก่อนสู่ 4.64 หมื่น ลบ. เพราะเศรษฐกิจชะลอในตะวันออกกลาง แอฟริกาและละตินอเมริกา ยอดขายในประเทศลดลง 14.4% เทียบปีก่อนสู่ 86,858 คันเพราะลูกค้าเร่งซื้อปีที่แล้วก่อนที่จะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตใหม่ที่สูงขึ้นซึ่งมีผลปี 59 ยอดผลิตรถยนต์ลดลง 11.1% เทียบปีก่อนสู่ 135,792 คัน สำหรับตัวเลขทั้งปี การผลิตรวมเพิ่ม 1.6% เทียบปีก่อนสู่ 1,944,417 คันขณะที่การส่งออกรถยนต์ลดลง 1.4% สู่ 1,188,515 คันแต่มูลค่าส่งออกเพิ่ม 6.6% สู่ 6.319 แสน ลบ. (ส.อ.ท.)
ความเห็น : เราเห็นว่าตัวเลขยอดขายรถยนต์เมื่อเทียบเดือนที่แล้วฟื้นตัวถึง 34.1% และคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวเต็มที่ในปีนี้ ขณะเดียวกันตัวเลขส่งออกรถยนต์น่าจะพัฒนาดีขึ้นสอดคล้องกับเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า FTI ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ที่ 2 ล้านคันปีนี้สอดคล้องกับมุมมองของเราว่ามีแนวโน้มฟื้นตัว เราคงคำแนะนำเป็นกลาง" ต่อหมวดยานยนต์
ดัชนี เชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. สูงสุดในรอบ 22 เดือน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค.59 อยู่ที่ระดับ 88.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 87.6 ในเดือนพ.ย. ซึ่งดัชนีเชื่อมั่นฯ ในเดือนธ.ค.นี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และสูงสุดในรอบ 22 เดือน หนุนจากนโยบายทางเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐที่ส่งผลให้กำลังซื้อและคำสั่งซื้อในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับมุมมองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า (Bangkok Post)
CPF (ราคาปิด 29.25 บาท) รายงานการเข้าลงทุนในบริษัทตั้งใหม่ชื่อ Rui Fu Foods Co., Ltd. ในไต้หวัน โดย CPF ถือหุ้น 51% ในทุนจดทะเบียน 100 ล้านเหรียญไต้หวัน หรือราว 112 ล้านบาท โดยมีนิติบุคคลไต้หวันอีก 1 รายเข้าถือหุ้น 49% (SET)
ITD (ราคาปิด 5.05 บาท) กลุ่มบริษัทร่วมทุน CMC/lTD/SONG DA JOlNT VENTURE ซึ่งประกอบไปด้วย Cooperative Muratori & Cementisti - C.M.C Di Revenna Societa Cooperativa (40%), lTD (30%) และ Song Da Corporation (30%) ได้ร่วมลงนามในสัญญาก่อสร้าง กับ บจก. น้ำเทิน 1 ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อด้าเนินการก่อสร้าง โครงการ เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำน้ำเทิน 1 มูลค่างาน 16,773 ล้านบาท (ส่วนของ lTD 30% คิดเป็นมูลค่า 5,032ล้านบาท) ระยะเวลาก่อสร้าง: 1,473 วัน (SET)ความเห็น: เป็นงานขนาดใหญ่ในแถบประเทศ CLMV ทำให้ Backlog ของ ITD เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีราว 123,432 ล้านบาท เรายังไม่เริ่มการวิเคราะห์ ITD และยังไม่แนะนำซื้อทางพื้นฐาน แต่การเพิ่มงานดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการเดินหน้าของการลงทุนภาครัฐและเอกชนใน CLMV
STA (ราคาปิด 24.70 บาท) อนุมัติการลงนามในสัญญาซื้อหุ้นในบจก. สยามเซมเพอร์เมด("SSC") และ บริษัทร่วมต่าง ๆ อีกหลายแห่ง จาก Semperit Technische Produkte Gesellschaft m.b.H. (Semperit) ทำให้ STA เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน SSC จากเดิม 40.2% เป็น 90.2% (SET)ความเห็น: ในระยะยาวจะเป็นปัจจัยบวกต่อ STA จากการเพิ่มสัดส่วนในธุรกิจปลายน้ำมากขึ้น SSC เป็นกิจการทำถุงมือยาง ซึ่งในภาวะปกติจะมีการปันส่วนกำไรในรูป equity sharing มาให้ STA ในระดับที่มีนัยยะสำคัญ ธุรกิจนี้มีมาร์จิ้นดีกว่าธุรกิจยางแปรรูปของ STA แม้ในปีนี้อาจจะมีภาวะกดดันราคายางพาราปรับตัวสูงทำให้ต้นทุนของ SSC สูงขึ้น แนะนำเก็งกำไร STA ตามราคายางพาราที่ยังคงปรับตัวดีขึ้น เชื่อว่าปี 2560 จะเป็นปีที่ STA มีกำไรสุทธิในเกณฑ์ที่ดี
ต่างประเทศ :
เยลเลนให้ความเห็นสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ย นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความเห็นในการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันพุธว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นในปีนี้ โดยกล่าวว่าหากเฟดรอขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานเกินไปอาจทำให้เกิดผลเสียไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อที่มากเกินไป ความไม่มีเสถียรภาพทางการเงิน หรือทั้งสองอย่าง (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นเมื่อวันพุธ หลังจากการประกาศดัชนีราคาผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นและนักลงทุนรอการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟด ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวลง 14/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.38% เพิ่มขึ้นจากที่ระดับ 2.33% เมื่อวันอังคาร (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อวันพุธ โดยมีแรงหนุนจากความเห็นของนางเยลเลน ประธานเฟด ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.7% เทียบกับเงินยูโร 1.2% เทียบกับเงินปอนด์ และแข็งค่า 1.5% เทียบกับเงินเยน ดัชนีค่าเงินดอลลาร์อยู่ที่ระดับ 101.260 จุด เพิ่มขึ้น 0.95% ดัชนีฯ ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับแต่วันที่ 8 ม.ค. เมื่อวันอังคาร เงินปอนด์ ซึ่งก่อนหน้านี้แข็งค่าขึ้น 3% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันอังคารโดยอยู่เหนือระดับ 1.2400 ดอลลาร์สหรัฐ หลังการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษเกี่ยวกับการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อ่อนค่าลง 1.2% เมื่อคืนและล่าสุดซื้อขายกันที่ระดับ 1.2265 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดแบบผสมเมื่อวันพุธ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลงในขณะที่ดัชนี S&P500 และแนสแดคปิดบวกเล็กน้อย การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ชะลอตัวในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากนักลงทุนรอให้ทรัมป์ได้ทำงานตามที่เขาได้หาเสียงไว้ นักลงทุนคาดว่าจะได้ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นในพิธีสาบานเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของทรัมป์ในวันศุกร์นี้ กลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นจากความเห็นของนางเยลเลนเนื่องจากกลุ่มธนาคารจะเติบโตได้ดีในภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น (Reuters)
ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง และเป็นสัญญาณว่าแรงกดดันของเงินเฟ้ออาจกำลังก่อตัวขึ้นแล้ว ดัชนี CPl เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPl พุ่งขึ้น 2.1% ในเดือนธ.ค. และเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนพ.ย. การปรับตัวขึ้นดังกล่าวเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ดัชนี CPl ปรับตัวขึ้น 2.1% ในปี 2559 เพิ่มขึ้นจากในปี 2558 ที่ปรับตัวขึ้น 0.7% การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามรายงานฉบับหนึ่งจากเฟดซึ่งระบุว่ามีแรงกดดันเกี่ยวกับราคาสินค้าผู้บริโภคมากขึ้นนับแต่ปลายเดือนพ.ย. จนถึงสิ้นปี 2559 เฟดมีเป้าหมายเงินเฟ้ออยู่ที่ 2% โดยปัจจุบันอยู่ที่ 1.6% (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพุธเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยนักลงทุนเริ่มกลับมาให้ความสนใจกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมากขึ้น เนื่องจากมองว่าเริ่มหมดปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นจากนโยบายของ Donald Trump (Reuters)
เอเชีย :
ตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ ที่จีนถือปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่หกติดต่อกันในเดือนพฤศจิกายน ในขณะที่ทุนสำรองทางการในการประคับประคองค่าเงินหยวนอ่อนค่า มีการปรับตัวลดลง จากการที่หยวนอ่อนค่าและเงินทุนเคลื่อนย้ายออก การถือครองของจีนลดลงเป็น 1.049 ล้านล้านเหรียญฯ คือลดลงประมาณ 66 พันล้านเหรียญฯ เป็นข้อมูลที่เปิดเผยโดยกรมธนารักษ์ของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าการลดการถือครองตั๋วเงินคลังของจีนในเดือนพฤศจิกายนนี้ ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2554 เงินหยวนอ่อนค่าลง 4% เทียบกับดอลลาร์ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน โดยในรอบ 6 เดือนก่อนนับถึงเดือนพฤศจิกายนนี้ จีนได้ขายตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ ออกไป 194.66 พันล้านเหรียญฯ และในช่วง 12 เดือนก่อนหน้าได้ขายออกไป 215.11 พันล้านเหรียญฯ เป็นสถิติสูงสุด (Reuters)
ตัวแทนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เรียกจีนว่าเป็นประเทศที่มีการกีดกันมากที่สุด: วิลเบอร์ รอสส์ ซึ่งเป็นตัวเลือกของการดำรงตำแหน่งเลขานุการพาณิชย์ฯ ของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าววิจารณ์การปฏิบัติทางการค้าของจีน เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เขาจะหาวิธีการใหม่ในการต่อสู้ เขากล่าวว่าจีนกีดกันมากที่สุดในหมู่ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่มีอัตรากำแพงภาษี และไม่ใช่ภาษีที่สูงสำหรับการนำเข้า (Reuters)
ญี่ปุ่นยังคงเป็นผู้ถือตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุด ในบรรดาผู้ถือที่ไม่ใช่สัญชาติสหรัฐฯ เป็นเดือนที่สองในเดือนพฤศจิกายนซึ่งถือ 1.108 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ลดลงจากการถือครองของญี่ปุ่นในเดือนตุลาคมที่ 1.131 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันดิบร่วงต่ำสุดรอบสัปดาห์ในวันพุธ จากการคาดการณ์ว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ขณะที่ OPEC ส่งสัญญาณการลดลงของอุปทานส่วนเกินน้ำมันโลกปีนี้ โดยการผลิตของกลุ่มร่วงลงจากสถิติสูงสุดเดิม น้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้า ลบ 33 เซนต์หรือ -0.6% ปิด 55.14 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลบ 40 เซนต์หรือ -0.8% ปิด 52.08 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สัญญาทั้งสองลดลงกว่า 1 ดอลลาร์ในช่วงต้นวันพุธ แตะจุดต่ำสุดนับแต่ 11 ม.ค. (Reuters)
ราคาทองคำปรับตัวลงมาวันพุธ จากวันก่อนที่แตะจุดสูงสุดรอบแปดสัปดาห์จากความเห็นของ Tellen ในเชิงขึ้นดอกเบี้ยและข้อมูลชี้ว่าเงินเฟ้อกลับขึ้นมามากสุดในรอบ 2 ปีครึ่งมีผลต่อดอลลาร์และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ราคาทองคำตลาดจรปิดลบ 0.2% ที่ 1,214.46 ดอลลาร์สหรัฐ ราคาทองคำล่วงหน้าปิดลบ 1.50 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ 1,214.40 ดอลลาร์สหรัฐ(Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mrs. VajiraIux SangIerdsiIIapachai (No. 17385) TeI: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) TeI: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) TeI: 02 680 5094