- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 19 January 2017 17:34
- Hits: 1619
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ลงจริงจังขึ้น แต่มีสิทธิบวกสลับ ยังแนะนำให้รอซื้อช่วงลงดีกว่า!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังทรงตัวบวกแคบในช่วงเช้า ก่อนจะมีแรงขายกดดันให้ปรับลงในภาคบ่าย และเริ่มลงแรงขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งคาดว่ามาจากแรงขายทำกำไรลดความเสี่ยง หลัง SET ขยับขึ้นมามากพอควรในช่วงก่อน ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาเพิ่ม ประกอบกับนักลงทุนบางส่วนยังรอดูความชัดเจนของนโยบาย ปธน.สหรัฐคนใหม่ รวมทั้งติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการลดการผลิตน้ำมันจากที่ประชุม OPEC, Non-OPEC ในช่วงท้ายสัปดาห์นี้ด้วย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : หลังจาก SET ปิดปรับตัวลดลงติดต่อกันมา 3 วันแล้ว วันนี้อาจมีลุ้นแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้ขยับบวกได้ดีขึ้นบ้าง เพราะถึงแม้ว่าเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐจะยังปิดลบอีกเล็กน้อย จากความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 แต่สุนทรพจน์ของประธานเฟดหลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ ที่ยังยืนยันว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่สามารถกลับมาเปิดเป็นบวกได้ดีขึ้นบ้าง แต่ FSS คาดว่ากรอบบวกของ SET จะยังค่อนข้างจำกัด เนื่องจากค่าเงินบาทเริ่มอ่อนตัวอีกครั้ง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็เริ่มทรุดตัวลงด้วย ดังนั้นโอกาสที่ SET จะยังแกว่งลงอีกจึงมีความเป็นไปได้สูงอยู่
กลยุทธ์ : เราจึงยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ปรับลงเช่นเดิม
แนวรับ 1557-1553 , 1548-1542 จุด
แนวต้าน 1563-1565 , 1567-1570 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BCH, TPCH, RS(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$9ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไทย US$90ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไต้หวัน US$74ล้าน และอินโดนีเซีย US$5ล้าน แนวโน้มเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ราคาน้ำมันที่ดิ่งลงอีก 2% เมื่อคืนนี้เป็นปัจจัยที่น่าจะกดดันเม็ดเงินในวันนี้ ขณะที่คำกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟดประกอบกับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ปรับขึ้นในเดือนธ.ค. ทำให้นักลงทุนกลับมากังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าหลังสุทรพจน์ของเยลเลน สุนทรพจน์ของนางเยลเลนวานนี้ที่ระบุว่าการจ้างงานและเงินเฟ้อเข้าใกล้เป้าหมายแล้ว แสดงถึงความพร้อมเต็มที่ที่ Fed จะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ย แม้เป้าดอกเบี้ยจะเป็น 3% (จากปัจจุบัน 0.5-0.75%) ภายในสิ้นปี 2019 แต่จะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เราเชื่อว่าการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้อาจน้อยกว่า 3 ครั้งตามที่ Fed เคยกล่าว และการขึ้นครั้งถัดไปไม่น่าเร็วไปกว่า พ.ค.-มิ.ย. (Fed น่าจะรอดูตัวเลขเศรษฐกิจหลัง Trump ดำรงตำแหน่งอีกระยะ)
(0) ตลาดคาด ECB คงนโยบายเดิม โดยคงดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% เงินฝาก -0.4% ในการประชุมครั้งก่อน ECB เพิ่งขยายระยะเวลาซื้อพันธบัตรออกไป 9 เดือนจากที่จะหมดอายุ มี.ค. นี้ และลดขนาด QE เหลือ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือนตั้งแต่ เม.ย. จากปัจจุบัน 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน ครั้งนี้จึงน่าจะไม่มีอะไรเซอร์ไพร้ส์ตลาดแต่น่าจับตาดูคำแถลงหลังจากนั้น นักลงทุนทั่วโลกยังจับตาการรับตำแหน่งของ Trump คืนวันศุกร์นี้ กดดันหุ้น Big cap. ต่อไป
(+) KBANK เราปรับเพิ่มกำไรปี 2017 ขึ้น 12% เป็นเติบโต 3% Y-Y โดยปรับเพิ่มการเติบโตของสินเชื่อจาก 4% เป็น 6% ปรับลดค่าใช้จ่ายและ Credit cost ลง แม้ว่าในที่ประชุมวานนี้ผู้บริหารจะให้เป้าหมายทางการเงินปี 2017 ที่ค่อนข้างระมัดระวัง แต่ดูมีความสบายใจมากขึ้นต่อคุณภาพหนี้ และยืนยันว่า NPL Ratio ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วใน 3Q16 เราปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 208 บาทจากเดิม 202 บาท ยังแนะนำซื้อ
(+) TCAP กำไร 4Q16 ดีตามคาด +13% Q-Q, +25% Y-Y จากการตั้งสำรองที่ลดลง NPL ลดลงเป็นไตรมาสที่ 19 ติดต่อกันจากการขายและ write off ต่อเนื่อง ทำให้ NPL ลดลงเหลือเพียง 2.41% ต่ำสุดในระบบ ขณะที่ Coverage ratio สูงถึง 147% สำหรับกำไรทั้งปี 2016 +10.6% Y-Y เราคาดปี 2017 +10% Y-Y จากต้นทุนทางการเงินที่ยังลดลงได้อีก ยังแนะนำซื้อ คงราคาพื้นฐาน 50 บาท
(+) ASEFA แนวโน้มกำไร 4Q16 น่าจะสูงใกล้เคียง 3Q16 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี และ +15% Y-Y ดีกว่าที่เคยคาดก่อนหน้านี้ เพราะรายได้ที่เลื่อนส่งมอบมาจากไตรมาสก่อน มาส่งมอบในไตรมาสนี้ ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 2016 น่าจะโดดเด่น +33% Y-Y ด้วย Backlog ปัจจุบันที่สูงถึง 1.8 พันล้านบาททำให้กำไรปี 2017 ที่เราคาด +13% Y-Y น่าจะทำได้ไม่ยาก เราปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 9.70 บาท จากเดิม 8.50 บาท จากการปรับ PE ขึ้น ยังคงแนะนำซื้อ
(+) ERW แนวโน้มกำไรยังเป็นขาขึ้น เราคาดกำไร 4Q16 +89% Q-Q, +2% Y-Y จาก Occupancy rate และ Gross margin ของโรงแรมที่น่าจะดีขึ้นซึ่งชดเชยรายได้จากงาน Event และงานสัมมนาที่ลดลงจากผลของการไว้ทุกข์ได้หมด ทำให้กำไรปกติทั้งปี 2016 +78% Y-Y เราคาดกำไรปีนี้โตต่อเนื่อง +18% Y-Y โดยที่กำไร 1Q17 น่าจะทำสถิติสูงสูงสุดของปีเพราะเป็น peak season ยังคงแนะนำซื้อ คงราคาพื้นฐาน 6 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
19 ม.ค. - ECBประชุม
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ:Housing start & building permits (ธ.ค.)
20 ม.ค. - จีน:4Q16 GDP, Industrial Production, Retail sales (ธ.ค.)
- สหรัฐ: Trump เข้ารับตำแหน่งปธน.คนที่ 45 อย่างเป็นทางการ
21-22 ม.ค. - OPEC ประชุมติดตามผลเรื่องการลดการผลิต
23 ม.ค. - ไทย:ยอดขายรถ (ธ.ค.)
24 ม.ค. - ยูโรโซน:Markit Eurozone Manufacturing PMI (ม.ค.)
25 ม.ค. - เกาหลีใต้:4Q16 GDP
- ไต้หวัน: 4Q16 GDP
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ธ.ค.)
26 ม.ค. - ฟิลิปปินส์:4Q16 GDP
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ธ.ค.)
27 ม.ค. - สหรัฐ: 4Q16 GDP, คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ธ.ค.)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดผสมในกรอบแคบๆโดยนักลงจับตาดูถ้อยแถลงของประธาน FED ในช่วงก่อนปิดทำการ ขณะที่ปัจจัยที่สำคัญยังเป็นเรื่องของการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์และดูว่าจะมีนโยบายทางเศรษฐกิจอย่างไร
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดบวกได้เล็กน้อยโดยนักลงทุนตอบรับเชิงบวกต่อผลกระกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศออกมา อย่างไรก็ตามตลาดยังจับตาดูนโยบายการเงินของ ECB ในวันนี้
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในกรอบแคบๆยังเว้นตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ปรับตัวบวกได้ค่อนข้างแรงจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า
(-) ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่นค่าลงอีกครั้ง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.35-35.45 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 1.40 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 51.08 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลที่ผู้ผลิต Shale Oil จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาดูตัวเลขสต๊อกน้ำมันจากรัฐบาล
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 0.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,212.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และยังมีแนวโน้มปรับลงต่อเช้านี้จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าหลังประธาน FED สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch