- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 06 August 2014 15:26
- Hits: 1934
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET มีสิทธิปรับลงกรอบแคบก่อนลุ้นวิ่งขึ้นต่อ ดังนั้นรอซื้อลบ..แล้วถือ!!
กลยุทธ์ : FSS คาดว่าในระยะสั้น SET ยังมีโอกาสแกว่งตัวผันผวนและปรับย้อนลงได้ จึงสามารถรอเลือกหุ้นซื้อเพิ่มในช่วงตลาดอ่อนตัว โดยเราคาดว่าจะเป็นเพียงการปรับลงกรอบแคบ ก่อนลุ้นแกว่งขึ้นต่อเนื่องและมีแนวโน้มวิ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งในเร็วๆ นี้ ดังนั้นหลังจากซื้อแล้วแนะนำให้เน้นถือเพื่อรอรอบขึ้นใหญ่ต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : GOLD, BJCHI, TASCO(short)
แนวโน้ม : ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ย้อนกลับลงปิดลบอีกครั้ง หลังทางการโปแลนด์ออกมาเตือนว่าการที่รัสเซียเพิ่มกำลังทหารบริเวณชายแดนยูเครนนั้น อาจจะมีแผนโจมตียูเครนอีกครั้ง ขณะที่ตลาดหุ้นไทยก็สามารถรีบาวด์ขึ้นมาพอควรในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้อาจจะมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมากดดันให้ SET เริ่มมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนและย้อนลบให้เห็นบ้าง โดยตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็ยังคงเปิดในแดนลบด้วย รวมทั้งนักลงทุนต่างประเทศยังคงมีแรงขายในตลาดหุ้นไทยออกมาสลับ ทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนอาจจะลดลงบ้าง อย่างไรก็ตาม FSS คาดว่าแรงซื้อจากการเก็งกำไรผลประกอบการรายไตรมาสที่ บจ.ต่างๆ กำลังจะทยอยประกาศ และความคาดหวังเชิงบวกเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของไทย น่าจะยังพอช่วยหนุนให้ SET ปรับตัวเพียงกรอบแคบๆ และมีลุ้นโอกาสแกว่งตัวบวกขึ้นต่อเนื่องได้อีก ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นซื้อในช่วงตลาดอ่อนตัวลงได้ จากนั้นเน้นเป็นถือต่อเนื่อง เพื่อรอรอบขึ้นครั้งใหม่ต่อไป
แนวรับ 1525-1520 , 1518-1515 จุด แนวต้าน 1532-1535 , 1538-1540 จุด
Fund Flow วานนี้กลับมาไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวันมากถึง US$604.3 ล้าน ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ มีปริมาณซื้อขายค่อนข้างเบาบาง โดยมีขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย US$26.2 ล้าน อินโดนีเซีย US$11.1 ล้าน เวียดนาม US$2.7 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$0.9 ล้าน แต่ซื้อตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$83.9 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบาง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) จับตาท่าทีของกนง.ในการประเมินทิศทางเศรษฐกิจในอนาคต เป็นที่คาดการณ์ทั่วไปว่ากนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2% ในวันนี้ แม้เศรษฐกิจจะมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนแต่ยังมีภาพของความอ่อนแอในเครื่องชี้เศรษฐกิจบางรายการ จึงเชื่อว่ากนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป แต่สิ่งที่น่าจับตามากกว่าคือมุมมองของกนง.ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคตที่กำลังเผชิญความท้าทายในช่วงปลายปีเมื่อ QE ของ Fed สิ้นสุดลงและท่าทีของ Fed ต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมถึงแรงกดดันจากธนาคารกลางในเอเชียที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว (ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย) และทิศทางเงินเฟ้อในบ้านเรา
(+) KCE กำไรแกร่งตามคาด กำไรสุทธิ 2Q14 เพิ่ม 9% Q-Q และ 143% Y-Y ส่วนกำไรปกติเพิ่มขึ้น 8% Q-Q (เติบโต Q-Q ไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน) และ 88% Y-Y แนวโน้มกำไรปกติน่าจะเติบโตต่อและทำจุดสูงสุดใหม่ใน 3Q14 เรายังคงคาดกำไรปกติปี 2014 โต 74% Y-Y และปี 2015 โต 11% Y-Y คงราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 48 บาท คงคำแนะนำซื้อ KCE ยังคงเป็น Top pick ในกลุ่มจากอัตราการเติบโตของกำไรที่สูงสุด และ PE ปี 2015 ที่ 12.2 เท่าต่ำเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม และราคาหุ้นมี upside มากที่สุด
(0) IRPC กำไรจากธุรกิจหลักแย่กว่าคาด หากตัดรายการพิเศษออกไป กำไรจากการดำเนินงานปกติใน 2Q14 ทำได้ 218 ล้านบาท +16% Q-Q และฟื้นจากขาดทุน 399 ล้านบาทใน 2Q13 แต่ยังห่างไกลจากศักยภาพของบริษัทที่ควรทำได้ 3 พันล้านบาทต่อไตรมาส กำไรดังกล่าวได้รวมกำไรจากสต็อกซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานปกติ แต่ธุรกิจหลักคือโรงกลั่นและปิโตรเคมีแย่ลง แนวโน้ม 2H14 ยังอ่อนแอเพราะต้นทุนสูงกว่าคู่แข่ง เราปรับกำไรสุทธิปี 2014 ลง 31% แต่คงประมาณการปี 2015 ที่คาดก้าวกระโดด 146% Y-Y หลังโครงการ Phoenix แล้วเสร็จใน 3Q15 ราคาเป้าหมายปี 2015 เท่ากับ 4.50 บาท ปัจจุบันซื้อขายมี PBV 0.9 เท่า เป็น 1 ใน 3 ตัวในกลุ่มพลังงานที่มี PBV ต่ำกว่า 1 เท่าแต่มีศักยภาพดีกว่า แนะนำซื้อรอการฟื้นตัวในอนาคต
(+) IVL กำไรจากธุรกิจหลักเริ่มฟื้น แม้กำไรสุทธิจะดีกว่าเราและตลาดคาดเพราะมีกำไรจากการต่อรองราคาซื้อกิจการ แต่กำไรปกติต่ำกว่าคาดเล็กน้อย โดยเพิ่มขึ้น 697% จากต่ำผิดปกติใน 1Q14 และฟื้นจากที่ขาดทุน 80 ล้านบาทใน 2Q13 กำไรที่ฟื้นตัวมาจากทั้งปริมาณขายและ Spread ของธุรกิจเส้นใยและเส้นด้ายโพลิเอสเตอร์เพิ่มขึ้น หักล้างธุรกิจ PTA ที่ยังตกต่ำต่อเนื่องได้ เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและราคาเป้าหมาย (ปัจจุบันให้ 25 บาท และแนะนำขาย) หลังประชุมนักวิเคราะห์เช้านี้
(-) JAS แจ้งว่า TT&T ได้ยื่นฟ้องบริษัทอคิวเมนท์ (เป็นบริษัทลูกที่ JAS ถือ 100%) ให้ขายหุ้นในบริษัททริปเปิลทีบรอดแบนด์ (TTTBB) คืนตามที่ตกลงไว้ตั้งแต่ปี 2006 ทั้งนี้ ทาง JAS และที่ปรึกษากม.เห็นว่าข้อตกลงระหว่าง TT&T กับบริษัทอคิวเมนท์ สิ้นผลไปแล้วตั้งแต่ 19 มิ.ย. 2008 การฟ้องร้องคดีดังกล่าวจึงไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อ JAS และการจัดตั้ง Infrastructure Fund อย่างไรก็ตาม เคยมีการประเมินวงเงินในคดีนี้ไว้ 868 ล้านบาท หรือ 0.12 บาท/หุ้น แต่ต้องรอข้อสรุปทางศาลซึ่งกินเวลา ซึ่งน่าจะกดดันราคาหุ้นอีกระยะหนึ่ง ราคาหุ้นทางเทคนิค หากหลุดต่ำกว่า 7 บาท แนวรับถัดไป 6.75 บาท
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมากลับมาปิดในแดนลบอีกครั้ง โดยนักลงทุนวิตกกังต่อสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนรวมถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแรงขึ้นซึ่งอาจนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกต่อหลังจากร่วงแรงเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทเอกชนที่ดีเกินคาด
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบตามตลาดหุ้นสหรัฐหลังสถานการณ์ตึงเครียดในรัสเซียและยูเครนมีมากขึ้น
ค่าเงินบาทขยับอ่อนค่าขึ้นเล็กน้อย โดยล่าสุดมาแกว่งตัวในกรอบ 32.16-32.26 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. ลดลง 0.91 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 97.38 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยถูกกดดันจากปัจจัยด้านอุปทานที่สูง แต่อย่างไรก็ตามหลังมีการประกาศตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบออกมาลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดทำให้ราคาน้ำมันดิบดีดกลับขึ้นมาได้เช้านี้
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงลงต่ออีก 3.60 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,285.30 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่เชื่อว่ากรอบการลงจำกัดเนื่องจากได้รับแรงหนุนจากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนและรัสเซียซึ่งเป็นบวกต่อสินทรัพย์ปลอดภัย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6 ส.ค. - ไทย: กนง.ประชุม (เราคาดคงดอกเบี้ยที่ 2%)
7 ส.ค. - ไทย: RICHY เริ่มซื้อขาย (ราคา IPO 3.30 บาท)
- ECB, BOE ประชุม
8 ส.ค. - ไทย: เปิดประชุมสนช.นัดแรก
- จีน: ดุลการค้า (ก.ค.)
9 ส.ค. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
10 ส.ค. - จีน: ยอดสินเชื่อ (ก.ค.)
12 ส.ค. - ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ส.ค.)
13 ส.ค. - จีน: ยอดค้าปลีก, การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (ก.ค.)
- ญี่ปุ่น: 2Q14 GDP
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ก.ค.)
- ยูโรโซน: Industrial Production (มิ.ย.)
14 ส.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ค.)
- ยูโรโซน: 2Q14 GDP
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852