- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 18 January 2017 18:40
- Hits: 3122
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
ลงไปสร้างฐานใหม่
เมื่อวานดัชนีฯลงสร้างฐาน ที่แนวรับ 1,566 จุด (ดูกรอบดัชนีฯในรายงานเมื่อวาน) ซึ่งมีแนวโน้มดัชนีฯ จะไม่ขึ้นทะลุ 1,575 ในสัปดาห์นี้ (ผิดคาด) ส่งผลให้หุ้น Local play และ หุ้นปันผลสูง รายตัว คาดขึ้นดีกว่าดัชนีฯ ขณะที่หุ้นบูลชิพใหญ่ที่มีผลต่อดัชนีฯ มีแนวโน้มพักฐาน โดยเฉพาะ แบงก์ และ อสังหาฯ ที่นำตลาดขึ้นมาช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อน แนะ เริ่มขายล็อกกำไร แล้วหมุนหาหุ้น Local play ที่มีประเด็นหนุน และหุ้นปันผลสูง
วันนี้คาด Sideways down ลงมาสร้างฐานแนวรับ 1,560/1,555 จุด แนวต้าน 1,570 จุด
แนวโน้มระยะสัปดาห์ โมเมนตั้มตลาด เริ่มเปลี่ยนไปในเชิงลบ เป็นผลจากข่าวด้านลบ เรื่องการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วเงินระยะสั้น (B/E) ในประเทศ และ Sell on fact งบแบงก์ (TMB ตามคาด ส่วน KBANK แย่กว่าเราคาด) ดังนั้นหากดัชนีฯไม่สามารถกลับขึ้นไปปิดเหนือ 1,575 จุด ได้ คาดมีโอกาสกลับลงมาพักฐานแถว แนวรับ 1,565/1,560 จุด อีกครั้ง (และเรายังคงใช้แนวรับ 1,560 +/- 5จุด เป็นจุดเฝ้าระวังเพื่อตัดขาดทุนสำหรับรอบนี้) ส่วนแนวต้านระยะสัปดาห์คงไว้ที่เดิม 1,583/1,595 จุด
ปัจจัยหนุนตลาดระยะสัปดาห์ (1) คาด ECB ส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายในการประชุมพฤหัสนี้ (2) คาดต่างชาติยังคงพักเงินในตลาดหุ้นเอเชีย (รวมหุ้นไทย) จากการประชุม WEF 17 มค.นี้ คาด ปธน.จีนส่งสัญญาณบวกต่อภาวะเศรษฐกิจจีน สนับสนุนต่อการแข็งค่าของค่าเงินหยวน ซึ่งผกผันตรงข้ามกับเงินดอลล์สหรัฐฯที่คาดอ่อนค่า จากวิตกการชุมนุมประท้วงการขึ้นรับตำแหน่งของ ปธน.สหรัฐฯ 20 มค.อาจไม่ราบรื่น (ดอลล์สหรัฐฯ อ่อนค่าคาดเป็นบวกต่อ ราคากลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่เชื่อมโยง) อนึ่งเราไม่คาดว่าแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากวิตกการขึ้นรับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ จะส่งผลให้หุ้นไทยปรับลงแรงตาม
ระยะเดือน มค. คาดมีโอกาสที่จะเกิด January effect เหมือนกับปี 2012-13 และ 2015 ที่ดัชนีหุ้นขึ้นในช่วงเดือน มค. เราแนะนำ เริ่มมองข้ามช็อตไปเดือนหน้าที่คาดว่าตลาดมีแนวโน้มจะหันไปโฟกัสที่หุ้นปันผลสูง เราเชื่อว่า Downside หุ้นเหล่านี้จะมีจำกัด และแนะนำ เริ่มซื้อสะสมตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
กลยุทธ์ลงทุนระยะเดือน คาด ช่วงเวลาก่อนเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงานปี 2016 ที่จะออกในเดือน กพ. 2017 ตลาดจะมีการคาดการณ์ถึงผลประกอบการปี 2016 หรือ Earning previews ซึ่งหลังจากรู้ตัวเลขงบการเงินเบื้องต้น คาดจะส่งผลให้ตลาดโฟกัส (เลือกลงทุน) ไปที่หุ้นที่ ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง ดังนั้นเราเริ่มแนะนำ สะสมหุ้นที่คาดจะให้ผลตอบแทนเงินปันผลปี 2016 (หักระหว่างกาลแล้ว) สูงกว่า 4% ขึ้นไป
หุ้นแนะนำวันนี้ SQ (แนวรับ 4.74 บ. ต้าน 5 บ. Stop loss สั้น 4.7 บ.) เราเริ่มต้นคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.70 บ. SAMTEL (แนวรับ 10.8 บ. แนวต้าน 11.5 บ. Stop loss สั้น 10.5 บ.) เล่นบนประเด็นกำไรผ่านจุดต่ำสุด หลังจากมี Downward earnings revisions มาตลอด 2 ปี จนหมดแรงขาย DRT (แนวรับ 5.65 บ. ต้าน 6.25 บ. Stop loss 5.5 บ.) รับอานิสงส์การซ่อมแซมที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ประสบอุทกภัย ผ่านการสนับสนุนของภาครัฐฯ (สามารถนำค่าซ่อมแซมไปหักลดหย่อนภาษีได้)
รายงานวันนี้
(+) SQ เราเริ่มต้นคำแนะนำ ซื้อ SQ ด้วยราคาเป้าหมาย 5.70 บาท อิง PE 21 เท่า หรือคิดเป็น PEG 1 เท่า (EPS CAGR 2559-2561 เฉลี่ย 21%) ด้วยอัตราการเติบโตของกำไรที่เหนือกว่ากลุ่ม จากการมี Backlog ระยะยาวกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท รองรับการเติบโต เราเชื่อว่าราคาหุ้นมีแนวโน้มจะปรับขึ้น สะท้อน PE ที่ 21 เท่า หรือเท่ากับอัตราการเติบโตเฉลี่ยกำไรของบริษัทฯ (PEG 1 เท่า) ได้ โดย Valuation ปัจจุบันสะท้อน PE ปี 2560 ที่ 17.2 เท่า และปี 2561 ลดลงเหลือ 10.9 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ย PE ของกลุ่มปี 2560 อยู่ที่ 25 เท่าและค่าเฉลี่ย PE ย้อนหลัง 3 ปี ของกลุ่มอยู่ที่ 26 เท่า จากแนวโน้มกำไร 4Q59 ที่เติบโตสูงต่อเนื่องไปถึง High season ใน 1Q60 คาดหนุนราคาหุ้นระยะสั้น และคาดกำไรที่จะเติบโตสูง 57% ในปี 2061 และ กว่า 50% เฉลี่ยในปี 2559-61 เป็นผลจากประสิทธิผลของ Experience Curve effects จะหนุนความยั่งยืนของกำไรในระยะยาว (1) รายได้มั่นคงทยอยรับรู้ระยะยาว: โดยบริษัทมีงานในมือจากธุรกิจเหมืองถ่านหินเพื่อการผลิตไฟฟ้า ราว 3.6 หมื่นล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ใน 11 ปี ข้างหน้า (2) โอกาสที่จะได้รับงานใหม่อย่างต่อเนื่อง: ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นงานในเฟสต่อเนื่องที่จะมีการประมูลในอนาคตทั้งโครงการในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงโอกาสได้งานใหม่ในธุรกิจเหมืองแร่อื่นนอกเหนือจากเหมืองถ่านหิน (3) Oligopoly-High barrier to entry เป็นจุดแข็งของบริษัทฯ: ด้วยอุตสาหกรรมเป็นการแข่งขันแบบน้อยรายและ SQ เป็นบริษัทฯ ที่มีความพร้อม ทุกด้านทั้งอุปกรณ์ เงินทุน ทักษะและประสบการณ์ ชื่อเสียงที่ยาวนาน ทำให้ SQ ขึ้นแท่นเป็นผู้รับเหมาฯ เบอร์ 1 ของภูมิภาคนี้
(+) TMB รายงานกำไร 4Q16 ที่ 2.1 พันล้านบาท ลดลง 18% YoY แต่เพิ่มขึ้น 16% QoQ กำไรเป็นไปตามที่เราคาด แต่มากกว่าตลาดคาดราว 15% ยอดสินเชื่อเติบโต 0.9% QoQ และ 2.2% YoY ธนาคารพยายามลดสัดส่วนการโตของสินเชื่อที่ได้ yield ต่ำ ในขณะที่ 1Q17 เราคาดกำไรจะเติบโตต่อเนื่อง QoQ เราคงแนะนำ ถือ
(-) LH แผนการเปิดตัวโครงการใหม่เชิงระมัดระวังในปี 2017 คาดสร้างความประหลาดในเชิงลบต่อตลาด โดยบริษัทตั้งเป้าเปิดตัวโครงการเพียง 15,000 ล้านบาท ลดลง 20%YoY และเรายังมีความกังวลต่อภาพการเติบโตในปี 2018 ที่เราคาดการเติบโตจำกัด ดังนั้นเราจึงแนะนำเพียงถือ
ปัจจัยที่มีผล
(*) กลต.เผย บริษัทฯใน และ นอกตลาด ผิดนัดชำระคืนหุ้นกู้-ตั๋ว B/E ในรอบ 12 เดือน แค่ 0.03% (ที่มา กลต.)
(+) ปธน.จีน ร่วมประชุม World Economic Forum (WEF) เริ่ม 16 มค. / คาดสุนทรพจน์สร้างแรงหนุนต่อค่าเงินหยวน แข็งค่า ขณะที่ ค่าเงินดอลล์สหรัฐฯมีโอกาสอ่อนค่าระยะสั้น หลังการขึ้นรับตำแหน่ง ปธน.ทรัมป์ (วันศุกร์นี้) ที่มา ASEPEN
(+) พุธ US Consumer prices ธค. คาด +0.3% จาก +0.2% m-m. US Core CPI ธค. คาด +0.2% คงที่, US Industrial production ธค. คาด +0.7% จาก -0.4% m-m. เยอรมนี HICP inflation ธค. คาด 1.1% คงที่ ส่วน Core HICP คาด +0.9%, มาเลเซีย CPI คาด +1.7% จาก +1.8% y-y. (ที่มา Bloomberg)
(+) พฤหัส US Housing starts คาด +1195k จาก 1090k., ประชุมธนาคารกลางยุโรป คาด deposit rate -0.4% คงที่ ส่วน refi คงที่ 0%. ประชุมธนาคารกลางมาเลเซีย คาดคงดอกเบี้ย 3% ธนาคารกลางอินโดนีเซียคาด คงดอกเบี้ย 4.75% (ที่มา Bloomberg)
(+) ศุกร์ จีน GDP 4Q16 คาด +6.7% คงที่,จีน Industrial production ธค. คาด +6.1% จาก 6.2%, UK Retail sales, ไต้หวัน ส่งออก ธค.คาด 10.7% จาก 7% (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค