WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

'เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET เหนือ 1560'

หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี

          ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้อ่อนตัวลง 3.44 จุด ปิดที่ 1571.80 จุด นักลงทุนต่างชาติเดินหน้าขายสุทธิต่อ 940 ล้านบาท ส่วนอีก 3 กลุ่มซื้อสุทธิแต่กลุ่มละไม่มาก นักลงทุน Wait & See ข่าวใหม่ รวมทั้งรอดูผลประกอบการ 4Q59 ของกลุ่มแบงค์และ Real Sectors ด้วย ซึ่งในรอบนี้นักวิเคราะห์ทำ Earnings Preview กันน้อยลง สำหรับปัจจัยสำคัญช่วงนี้ ได้แก่

          นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศแผน Brexit วันนี้...ค่าเงินปอนด์อ่อนรับล่วงหน้า คาดใช้เวลา 2 ปีในการออกจาก EU

          + เตรียมยื่นไฟลิ่ง"ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์"ขนาด 4-5 หมื่นล้านบาทในเดือนมี.ค.60…หนุนการลงทุน Mega Project ให้เป็นรูปธรรม

          + ผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยจะทยอยออกมาในสัปดาห์นี้

          + กรมสรรพากรกำลังชงเรื่องนำค่าซ่อมแซมบ้านจากน้ำท่วมมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 1 แสนบาทเข้าครม. กลุ่มวัสดุก่อสร้างได้รับผลดี หุ้นเด่น คือ SCC, DCC, VNG, TMT ส่วนกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องเร่งใช้งบประมาณซ่อมแซมด้วยคือ ถนน หุ้นเด่นเป็น TASCO

          /+ จัดพอร์ตบนความสมดุลของ Risk & Return และทำ Re-balancing อย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดหุ้นปีนี้มีแนวโน้มผันผวน ความเสี่ยงเรื่อง FX มีมากขึ้น รวมทั้งเริ่มต้นปีในระดับ Index ที่สูงด้วย สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น VNG

          การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณเป็นลบเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้น 1580- 1590 การหลุดแนวฟิวเตอร์ 1560 ดูไม่ดี และควรลดพอร์ตตาม

          สำหรับหุ้น SCAN ทางเทคนิคที่เข้ามาใหม่เป็น DELTA, PTTGC ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ LHBANK, PACE, EKH, FORTH, BR, MDX, HMPRO, APCS หุ้นแนะนำที่หาจังหวะ Take Profit เป็น PSL, VNG, LOXLEY หุ้นที่หลุด List คือ GLOBAL, TACC, ALT

          นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

Need to know TODAY

ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศสำคัญ

ปัจจัยต่างประเทศ :

สหรัฐ : ตลาดหุ้นและโภคภัณฑ์ปิดทำการเมื่อคืนนี้

          ตลาดหุ้น ตลาดการเงิน และตลาดโภคภัณฑ์สหรัฐ ปิดทำการเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ส่วนดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย

ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ขยับขึ้น

          ล่าสุดดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (Dollar Cash Index) ปรับขึ้นเป็น 101.57 หลังอ่อนลงไปต่ำสุดที่ 100.72 ใน 2 วันทำการก่อนหน้า ปัจจัยหนุน คือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง และดัชนีเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ล่าสุดดัชนีเงินเฟ้อด้านต้นทุน (PPI) เพิ่มขึ้น 1.6%YoY ในเดือนธ.ค.59

อังกฤษ : นายกรัฐมนตรีประกาศแผน Brexit วันนี้

          นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะประกาศแผน Brexit ในวันที่ 17 ม.ค.นี้ (วันนี้) ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงเพราะมีความไม่แน่นอนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ทั้งนี้คาดว่ากระบวนการออกจาก EU จะใช้เวลาประมาณ 2 ปี อย่างไรก็ตาม ในด้านการค้าการลงทุนก็เริ่มเห็นผลกระทบบ้างแล้ว สำหรับไทย มีแผนเจรจาการค้าทวิภาคีกับอังกฤษหลังออกจาก EU และเชื่อว่าเป็นโอกาสในการส่งออกสินค้าของไทยในระยาวเพราะไม่ต้องไปผูกกับโควต้าของ EU อีก ซึ่งสินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปอังกฤษได้แก่ น้ำตาล, ข้าว, ไก่, ยานยนต์และชิ้นส่วน 

ปัจจัยในประเทศ :

+ เตรียมยื่นไฟลิ่ง"ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์"ขนาด 4-5 หมื่นล้านบาทในเดือนมี.ค.60

          นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) คาดว่าจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ได้ในเดือนมี.ค.60 มูลค่ากองทุนเบื้องต้นราว 4-5 หมื่นล้านบาท  และในระยะต่อไปจะพิจารณาขายสินทรัพย์ประเภทมอเตอร์เวย์เข้ากองทุนในระยะต่อไปในปี 60 ทั้งนี้เพื่อนำเงินไปลงทุนในโครงการคมนาคมตามแผนของรัฐบาล โดยกองทุนนี้จะเปิดขายให้กับนักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบัน...แนวทางนี้ทำให้รัฐบาลระดมเงินเพื่อใช้ในการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว และทำให้หนี้สาธารณะไม่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันไทยมีหนี้สาธารณะ 42.7% ของ GDP

+ กรมสรรพากรกำลังพิจารณาลดหย่อนภาษีน้ำท่วม

          # มีกระแสข่าวว่ากรมสรรพากรกำลังพิจารณาลดหย่อนภาษีน้ำท่วม โดยอาจจะให้นำค่าซ่อมแซมที่พักอาศัยไม่เกิน 1 แสนบาทมาคิดเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษี ซึ่งจะนำเสนอให้ครม.พิจารณาในเร็วๆนี้ ซึ่งหากเป็นไปตามนี้ก็จะช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมที่พักอาศัยและยอดขายวัสดุก่อสร้างหลังน้ำท่วมคลี่คลาย

          # สำหรับหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดว่าจะได้รับผลดีในตลาดซ่อมแซม คือกลุ่มซีเมนต์ เช่น SCC, SCCC, TPIPL (หุ้น Top Pick เราเป็น SCC) กลุ่มกระเบื้องคือ DCC, TGCI, UMI, RCI (หุ้นเด่นเป็น DCC) กลุ่มแผ่นปาร์ติเกิ้ลและเอ็มดีเอฟ หุ้นแนะนำเราคือ VNG และกลุ่มเหล็ก หุ้นเด่นเป็น TMT  ส่วนหุ้นในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานที่จะได้รับผลดีเมื่อน้ำท่วมคลี่คลาย คือ TASCO เพราะต้องมีงบประมาณการในซ่อมแซมถนนหนทางอย่างเร่งด่วนมากขึ้น

+ VNG (ราคาปิด 15.70 บาท) : คาดกำไรเติบโตได้ดีต่อในปี 60

          # แนวโน้มผลประกอบการ 4Q59 คาดว่าจะดีขึ้น QoQ เมื่อมีกำลังการผลิต MDF Board เข้ามาเพิ่ม 3 แสนลบม.ต่อปีเข้ามา (เป็นการเปลี่ยนไลน์การผลิตจาก Particle board เป็น MDF board ซึ่งมีมาร์จิ้นสูงกว่า) แต่ส่วนหนึ่งถูกชดเชยด้วยระยะเวลาของการขายที่น้อยลงเพราะมีช่วงคริสต์มาสจะมีการชะลอซื้อขายสินค้า อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ MDF board ของตะวันออกกลางยังแข็งแกร่ง และความต้องการใช้ Laminate flooring ยังคงสูง ด้านต้นทุนพลังงานก็ไม่ได้กดดันมาก เราประมาณการกำไรปี 59 ไว้ที่ 1.6 พันล้านบาท เติบโต 13%YoY

          # คาดผลกำไรปี 60 เติบโตได้ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจาก 1) กำลังการผลิต MDF board ในส่วนที่เปลี่ยนสายการผลิตมาจาก Particle board เข้ามาเต็มปี และ MDF board มีราคาและมาร์จิ้นดีกว่า, 2) ปริมาณขาย Laminate flooring สูงขึ้น ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมที่พักอาศัยและการใช้ทดแทนไม้จริงหรือกระเบื้องเซรามิค, 3) มีการขยายกำลังการผลิตคอขวดของแต่ละสายการผลิต และ 4) มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็น Flooring ที่ปิดผิวด้วยไม้จริงเข้ามาในช่วง 2H60 เราคาดการณ์อย่างอนุรักษ์นิยมว่ากำไรสุทธิในปี 60 จะขยายตัวเป็น 1.75 พันล้านบาท (+9%YoY)

          # ระยะยาวไปได้ดี โดยจะมีการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิต MDF board อีก 2.1 แสนลบม./ปี คาดว่าโรงงานใหม่จะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้กลางปี 61 และกำลังศึกษาการลงทุนเพิ่มเติม เช่น การขยายกำลังการผลิต Laminated Flooring อีก 5-10 ล้านตรม./ปี จากปัจจุบันที่มี 10 ล้านตรม.ต่อปี, โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 20-30 MW ซึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 70-80 ล้านบาท/MW ทั้งนี้บริษัทมีวัตถุดิบของตัวเองที่ใช้ผลิตไฟฟ้าได้อย่างน้อย 10-12 MW

          # แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 16.70 บาท/หุ้น อิงกับ P/E ปี 60 ที่ 15 เท่า ความเสี่ยงหลัก คือ อัตราการใช้กำลังการผลิต MDF board น้อยกว่าคาด, ราคาวัตถุดิบไม้ยางที่อาจปรับขึ้นหลังราคายางสูงขึ้นและฤดูฝนยาวนาน และความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของ MDF board

+ DCC (ราคาปิด 4.70 บาท) : ได้ประโยชน์หลังน้ำท่วมภาคใต้คลี่คลาย แต่ราคาหุ้นมี Upside ไม่มาก

          # ผู้บริหารให้ข้อมูลว่า มีโอกาสที่รายได้ของ DCC ปี 60 จะดีกว่าที่เคยประเมินไว้ เนื่องจากมีเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้และรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหา ทั้งนี้บริษัทประเมินไว้ว่าน่าจะเพิ่มได้ +10% (ปริมาณขาย +7% และราคาขายที่เกิดจากการปรับ Product Mixed +3%)

          # ด้านกำลังการผลิต มีแผนเพิ่มอีก 3 เตาทำให้กำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 80 ล้านตรม./ปีในสิ้นปี 60 (สิ้นปี 59 อยู่ที่ 70 ล้านตรม./ปี) และขยายสาขาอีก 7 แห่งจากปัจจุบันมีอยู่ 193 แห่ง มีเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในประเทศเป็น 41.42% ในสิ้นปี 60 จากสิ้นปี 59 ที่ 36-38% สำหรับโครงสร้างตลาดสินค้าบริษัท เป็นตลาดซ่อมแซม 80% และตลาดบ้านใหม่ 20% ซึ่ง DCC มีแผนขยับสัดส่วนตลาดบ้านใหม่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจะขยายเข้าไปในตลาด CLMV ด้วย (ปัจจุบันมีรายได้จากส่งออก 5%)

          # เรามีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการรายได้และกำไรของบริษัทในปี 60 ขึ้น โดยปัจจุบันเรามีสมมติฐานรายได้เติบโต +7% อัตรากำไรขั้นต้น 43.25% และกำไรสุทธิ +6% เป็น 1.57 พันล้านบาท (EPS : 0.24 บาท/หุ้น)  ราคาพื้นฐาน 4.80 บาท (อิง P/E เป้าหมาย 20 เท่า) คาดการณ์ Dividend Yield ปี 60 ของกรณีปกติไว้ที่ 3.8% (ให้สมมติฐานอัตราการจ่ายปันผล 75% ของกำไรสุทธิและจ่ายทุกไตรมาส)

          # และหากรายได้บริษัทขยายตัวได้ตามที่ผู้บริหารประเมินไว้ที่ +10% กำไรสุทธิปีนี้จะขยายตัวเพิ่มเป็น 1.63 พันล้านบาท (EPS : 0.25 บาท) เติบโต +10% และราคาพื้นฐานจะขยับขึ้น เป็น 5.00 บาท (อิง P/E เป้าหมาย 20 เท่า) คาดการณ์ Dividend Yield ปี 60 ของกรณีนี้ไว้ที่ 4.1% (ให้สมมติฐานอัตราการจ่ายปันผล 75% ของกำไรสุทธิและจ่ายทุกไตรมาส) ซึ่ง Upside ราคาเป้าหมายตามพื้นฐานเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบันไม่มาก จึงแนะนำเป็นถือเพื่อรับปันผล

          นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!