- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 17 January 2017 18:10
- Hits: 2560
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ลุ้น SET ปรับตัวลงต่อ ให้เป็นโอกาสในการเลือกหุ้นทยอยซื้อได้...
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เริ่มแกว่งตัวด้านลบเป็นหลัก แม้จะผันผวนในลักษณะทรงตัวได้ โดยมีจังหวะขยับบวกเล็กน้อยในช่วงต้นภาคบ่ายด้วย แต่ก็บวกเพียงเล็กน้อย และยังย้อนปิดลบอีก ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ก็ปิดสิ้นวันเป็นลบ คาดว่าเพราะนักลงทุนยังรอดูความชัดเจนของนโยบายประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ที่จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค.นี้ รวมทั้งรอติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตน้ำมันจากที่ประชุม OPEC, Non-OPEC ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ด้วย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบ จากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเริ่มกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ(Brexit) ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดเป็นลบต่อ ส่วนตลาดหุ้นบ้านเรายังมีแรงขายช่วงบวกคอยกดดัน ทำให้ FSS คาดว่า SET มีสิทธิที่จะยังแกว่งตัวลดลงต่อเนื่องอีกสักระยะ ก่อนลุ้นกลับไปขยับบวกขึ้นใหม่ในช่วงถัดไป นอกจากนี้ที่ระดับดัชนีปัจจุบันถือว่าตลาดมี upside จากระดับดัชนีตามพื้นฐานที่เราคาดไว้ค่อนข้างจำกัดด้วย
กลยุทธ์ : ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ปรับลงดีกว่า
แนวรับ 1570-1566 , 1563-1560 จุด
แนวต้าน 1574-1577 , 1580-1583 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : MTLS, KAMART, CPN(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$483ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$284ล้าน ไต้หวัน US$191ล้าน และไทย US$27ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนามประเทศเดียว US$1.4ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค นักลงทุนติดตามรายละเอียด Brexit วันนี้และการแถลงนโยบายของ Trump ในวันที่ศุกร์นี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) วันนี้ตลาดจับตาฝั่งอังกฤษ นางเทเรซา เมย์ นายกฯอังกฤษจะแถลงรายละเอียดเรื่องการแยกตัวออกจาก EU ซึ่งคนส่วนใหญ่คาดว่าจะเป็นการแยกตัวอย่างเด็ดขาดและส่งผลกระทบรุนแรง (Hard Brexit) ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าต่ออีก 1% (หลังจากอ่อนค่าแล้ว 20% นับจากการลงประชามติ) ฉุดค่าเงินยูโรเช่นกัน แม้ว่าไม่กระทบค่าเงินบาทมากนักแต่ตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยใหม่ในประเทศมากระตุ้น โอกาสพักฐานจึงมีสูง
(0) IMF คงประมาณการ GDP โลก ขยายตัว 3.1% ในปี 2016, 3.4% ปี 2017 และ 3.6% ปี 2018 ไม่เปลี่ยนแปลงจากที่คาดการณ์เมื่อ ต.ค. 2016 เพราะยังเร็วเกินไปที่จะปรับประมาณการขึ้นโดย IMF ยังรอความสำเร็จของนโยบายทรัมป์
(0) พรบ.เงินกู้ พศ. 2560 อาจกดดันราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องอีกระยะ เนื้อหาสำคัญคือห้ามเรียกเก็บดอกเบี้ยเกิน 15% ซึ่งอาจส่งผลลบต่อบรรยากาศการลงทุนในกลุ่มผู้ให้สินเชื่อเงินด่วนอย่าง SAWAD และ MTLS จนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการตีความ หาก 15% หมายถึง Flat rate ทั้ง 2 บริษัทไม่กระทบ แต่หากหมายถึง Effective rate กระทบทั้ง 2 บริษัทแต่เรายังคงคำแนะนำซื้อ MTLS (ราคาพื้นฐาน 28.80 บาท) เพราะเชื่อว่าผลกระทบจำกัด บริษัทยังสามารถปรับลดต้นทุนด้านอื่นๆได้
(+) หุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ยังมีข่าวดีหนุน ปริมาณนำเข้าสินค้า Commodity ของจีนในเดือน ธ.ค. 2016 ยังคงเพิ่มขึ้นได้ดี +3.1% Y-Y ต่อเนื่องจาก พ.ย. 2016 ที่ +4.7% Y-Y สะท้อน demand ที่ดีขึ้นโดยเฉพาะน้ำมันและถั่วเหลือง แต่การนำเข้าเหล็กและถ่านหินเริ่มลดลง
(+) SPALI เรายังแนะนำซื้อ คงราคาพื้นฐาน 31 บาท จาก Backlog ที่สูงถึง 3.65 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปีนี้ 1.37 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 54% ของเป้ารายได้ของเรา เชื่อว่าบริษัทจะทำได้ตามเป้า ขณะที่การเปิดตัวใหม่ในปีนี้ยังสูงถึง 3.72 หมื่นล้านบาท สำหรับกำไร 4Q16 เราคาด +31% Q-Q, -23% Y-Y ทำให้ทั้งปีโตได้ 10.8% Y-Y และโตต่อในปีนี้อีก 16% Y-Y ปัจจุบันมี PE เพียง 7.6 เท่า คิดเป็น PEG เพียง 0.5 เท่า
(-) LHBANK รายงานกำไรสุทธิ 4Q16 -11% Q-Q แต่ +36% Y-Y ทำให้กำไรทั้งปี 2016 +63% Y-Y ดีกว่าที่เราและตลาดคาด มาจากสินเชื่อในปี 2016 ที่เติบโตได้ดีกว่ากลุ่มคือ +6.3% Y-Y ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อภาคธุรกิจ ส่วน NPL Ratio อยู่ในระดับต่ำ 1.76% เรามีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรปี 2017 ขึ้นอย่างน้อย 20% จากเดิมที่คาดไว้ 2.5 พันล้านบาท ในเบื้องต้นราคาพื้นฐานน่าจะขยับขึ้นมาเป็น 1.80 บาท อิง PBV 1 เท่าเพราะ ROE ยังต่ำเพียง 7-8% แต่ถึงจะปรับเป้าขึ้นแล้ว ราคาหุ้นยังเต็มมูลค่า แนะนำขาย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
17 ม.ค. - จีน: 4Q16GDP, Industrial production (ธ.ค.),ยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
- ยูโรโซน:ZEW Survey Expectations (ม.ค.)
18 ม.ค. - สหรัฐ:เงินเฟ้อ (ม.ค.)
- ยูโรโซน:เงินเฟ้อ (ม.ค.)
19 ม.ค. - ECBประชุม
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ:Housing start & building permits (ธ.ค.)
20 ม.ค. - จีน:4Q16 GDP, Industrial Production, Retail sales (ธ.ค.)
- สหรัฐ: Trump เข้ารับตำแหน่งปธน.คนที่ 45 อย่างเป็นทางการ
21-22 ม.ค. - OPEC ประชุมติดตามผลเรื่องการลดการผลิต
23 ม.ค. - ไทย:ยอดขายรถ (ธ.ค.)
24 ม.ค. - ยูโรโซน:Markit Eurozone Manufacturing PMI (ม.ค.)
25 ม.ค. - เกาหลีใต้:4Q16 GDP
- ไต้หวัน: 4Q16 GDP
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ธ.ค.)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดทำการเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบโดยนักลงทุนกังวลต่อแผนการ Brexit รวมถึงการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ในช่วงปลายสัปดาห์นี้
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมโดยนักลงทุนจับตาดูถ้อยแถลงของนายกฯอังกฤษเกี่ยวกับแผนการ Brexit รวมถึงการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ในสุดสุปดาห์นี้
(0) ค่าเงินบาทเริ่มแกว่งทรงตัวได้ ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.38-35.50 บาท/ดอลลาร์
(0) น้ำมันดิบตลาด NYMEX ปิดทำการเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
ทองคำตลาด COMEX ปิดทำการเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch