- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 16 January 2017 16:43
- Hits: 2608
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดยืนบวก แกว่งตัวผันผวนสลับขึ้นลงที่ยืนแดนบวกหลุดแดนลบบ้างเล็กน้อย ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวันที่ 1566.81 จุด ลดลง 2.30 จุด ก่อนดีดกลับแกว่งตัวขึ้นต่อเนื่องได้ในช่วงบ่ายเนื่องจากได้แรงซื้อจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน สื่อสารและพาณิชย์ ขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1576.35 จุด เพิ่มขึ้น 7.51 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 9.54 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีได้แก่ JAS, CPALL, PTT, IVL, SCB, PTL ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1575.24 จุด เพิ่มขึ้น 6.40 จุด (+0.41%) มูลค่าการซื้อขาย 45,151 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ตลอดสัปดาห์ทีผ่านมา ดัชนียังคงแกว่งตัวในลักษณะ Sideway อย่างต่อเนื่อง ภายในกรอบ 1560-1583 จุด วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนียังคงแกว่งตัวภายในกรอบดังกล่าว มีลักษณะที่แกว่งตัวแคบ ๆ ทั้งวันเพียง 9.54 จุด ดึง Low ต่ำกว่าวันก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 1566 จุดก่อนที่จะดีดกลับขึ้นได้พร้อมกับทำปิดที่ใกล้จุดสูงสุดของวันและยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันอีกครั้งที่ 1575 จุด ซึ่งดูเหมือนดัชนีมีความพยายามที่ขยับขึ้นกรอบบน แต่เรายังคงให้น้ำหนักของการพักตัวในลักษณะ Sideway ก่อนที่จะเลือกทิศทางใดทิศทางหนึ่ง มองแนวรับ 1560-1565 จุด แนวต้าน 1580-1585 จุด
กลยุทธ์ : แกว่งตัวผันผวน
Support 1540// 1530 จุด Resistance 1580-1590 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
Company Update & News Comment
(0) TISCO : รับผลดีจากการสิ้นสุดนโยบายรถคันแรก และโอนลูกหนี้รายย่อยเสร็จสิ้นในช่วง Q2'17
ปัจจัยและทิศทางตลาดหุ้นไทย
สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์ ตลาดน่าจะให้ความสนใจกับ การขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ ในวันศุกร์นี้ (20) ซึ่งจะมีทั้งการให้ข่าว ของนาย Trump และการตอบโต้ จากประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯเอง โดยเฉพาะจีน ถึงกระนั้นก็ตาม เราเชื่อว่า ปัจจัยนี้ จะทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ รอให้ผ่านช่วงสัปดาห์นี้ไปก่อน หรือจะเริ่มกลับเข้าตลาด ก็ต่อเมื่อ นโยบายโดยรวมของสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีคนใหม่ นั้นเป็นบวกทั้งของสหรัฐฯและประเทศคู่ค้าต่างๆ กล่าวคือ เป็นนโยบายที่ไม่แข็งกร้าวจนเกินควร นั่นเอง
ราคาน้ำมันดิบ ได้ปัจจัยบวกจากการลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตน้ำมัน ที่จะมีการประชุมเพื่อติดตามผลการลดกำลงการผลิต ในชวงสุดสัปดาห์นี้ (21-22) แต่ราคา (WTI) น่าจะจำกัดกรอบอยู่แถวๆ $50-55 เหรียญ เนื่องจาก นักลงทุนยังมีความพะวงต่อการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ต่อเนื่อง และราคาน้ำมันที่สูงเกิน $55 เหรียญ อาจเพิ่มแรงจูงใจสำหรับผู้ผลิตน้ำมัน ที่เป็น Shale Oil
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มโลหะและสินค้าเกษตร คาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ โดย ความต้องการใช้โลหะที่เป็นวัตถุดิบที่ยังคงสูงจากประเทศจีน ซึ่งมีการควบคุมการใช้กำลังการผลิต และการคาดหวังว่านโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะเพิ่มความต้องการใช้สินค้าที่เป็นวัตถุดิบของภาคอุตสาหกรรม จึงทำให้ราคาสินค้าในกลุ่มโลหะ โดยเฉพาะ เหล็ก มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น ………….. ขณะที่ราคาสินค้าในกลุ่มเกษตร นอกจากความต้องการใช้สินค้าที่สูงขึ้น มาจากปัญหาด้าน supply อย่างเช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ที่เป็นบวกจากน้ำท่วมภาคใต้ของไทย โดยรวมๆ แนวโน้มราคาสินค้าในกลุ่มนี้ ยังน่าจะยืนตัวในระดับที่สูงอยู่ต่อไป ……. แต่ถึงกระนั้น ราคาหุ้นที่มีรายได้อิงกับราคาโลหะและสินค้าเกษตร ส่วนใหญ่ราคาจะปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก ทำให้โอกาสที่ราคาหุ้นจะเดินหน้าต่อ จึงน่าจะมีกรอบจำกัด
ปัจจัยในประเทศ จะเป็นเรื่องของการเก็งกำไรในผลการดำเนินงานและเงินปันผล งวด 4Q-59 ที่จะเริ่มรายงาน นำมาโดยกลุ่มธนาคาร ด้าน Fund Flow ด้วยปัจจัยภายในที่เอื้อต่อการลงทุน นักลงทุนต่างประเทศ น่าจะหาจังหวะเพื่อซื้อหุ้นไทยต่อ แต่ที่เราเห็นมี net sell ในบางวัน น่าจะมาจากการขายทำกำไรหุ้นที่ขึ้นมามาก และมีแรงกดดันมาจาก กองทุนในประเทศ ที่ขายหุ้นออกมาเป็นระยะๆ
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ คาดจะแกว่งตัวในกรอบ sideway อยู่ต่อไป แต่แรงขายหุ้นน่าจะมีเข้ามามากขึ้น เพราะนักลงทุนบางส่วนจะลดความเสี่ยงจากนโยบายของว่าที่ประธานนาธิบดีของสหรัฐฯ ที่อาจเป็นได้ทั้งบวกและลบต่อตลาดหุ้น ดัชนีฯ จึงมีแนวโน้มที่จะปิดลดลง จากวันก่อนเล็กน้อย
กลยุทธ์การลงทุน คาดตลาดยังเป็นขาขึ้น แต่เป็นจังหวะของการพักตัว (เพราะขาดข่าวบวกและราคาหุ้นขึ้นมามาก)
อีกทั้ง ตลาดขาดปัจจัยบวกไปตัวหนึ่งคือ "ราคาหุ้นที่ต่ำ" เพราะส่วนใหญ่ หุ้นที่น่าสนใจ ก็ เดินหน้าขึ้นมาตั้งแต่ก่อนสิ้นปี ......... กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ เราแนะนำให้ขายทำกำไรหุ้นที่ราคาปรับขึ้นมามาก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่เคยเป็น Laggard อาทิ ธนาคารและหุ้นที่อยู่อาศัย ............ หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ เราให้ความสนใจกับกลุ่มกลางจนถึงปลายน้ำมากกว่า (ปิโตรเคมี , โรงกลั่นน้ำมัน , ผู้นำสินค้ามาแปรรูป ) ....... หุ้นในกลุ่มส่งออก อีเล็คทรอนิคส์ และชิ้นส่วนรถยนต์ เป็น กลุ่มที่จะได้รับผลจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯโดยตรง การลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ จึงควรรอดูนโยบายการค้า หรือสถานการณ์ภายนอกประกอบไปด้วย .......... ในการเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิเช่น SPRC , IVL , FSMART , BJC , PTL
ประเด็นสำคัญ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (13 ม.ค.) - SET Index ปิด 1,575.24 จุด เพิ่มขึ้น 6.40 จุด หรือ +0.41% มูลค่าการซื้อขาย 45,151.49 ล้านบาท ตลาดได้แรงซื้อจากหุ้นกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน หลังราคาน้ำมันดิบกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง
ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,885.73 จุด ลดลง 5.27 จุด หรือ -0.03% ตลาดค่อนข้างทรงตัว หลังมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารหลังมีการประกาศผลการดำเนินงานออกมาเป็นที่น่าพอใจ ด้าน Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น +0.95% ปิดที่ 365.94 จุด
ราคาน้ำมันดิบ WTI - สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 64 เซนต์ หรือ -1.2% ปิดที่ 52.37 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2557
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย.
กลุ่มท่องเที่ยว - ททท. เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลตรุษจีนระหว่างวันที่ 27 ม.ค.-2 ก.พ.นี้ คาดว่าจะมีนักท่องต่างชาติเดินทางมาเที่ยวเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนในประเทศไทยประมาณ 8.25 แสนคน เพิ่มขึ้น 4% YoY
น้ำมัน - บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสัปดาห์นี้ มีจำนวนลดลง 7 แท่น สู่ระดับ 522 แท่น ซึ่งเป็นการลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 11 สัปดาห์
News Release :
JASซิ่งแรงราคาพุ่ง7%เก็งปี59จ่ายปันผลงาม JAS-W3 ฮอตวิ่งกวดหุ้นแม่ราคาเด้ง 16%
+ JAS ราคาหุ้นซิ่งแรงพุ่งทะยาน 7% รับแรงเทรดทะลักเฉียด 2 พันล้าน วงการชี้เก็งกำไรปิดงบปี 59 ลุ้นจ่ายปันผลสูง หลังตัดลดทุนจดทะเบียน 1,200 ล้านหุ้นแล้ว ฟาก JAS-W3 ร้อนวิ่งกวดตามแม่ไม่หยุดราคาหุ้นพุ่งปรี๊ดเกือบ 16% (ข่าวหุ้น)
HANAท็อปพิคกลุ่มอิเล็กฯกำไรปีนี้พุ่งซื้อเป้า43บาท
+ "HANA" มาแรงรับปี 60 ขึ้นแท่น "ท็อปพิค" ของหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ลุ้นปี 60 ฟันกำไร 2,285 ล้านบาท โตขึ้น 16% จากปี 59 คาดมีกำไร 1,967 ล้านบาท โบรกฯ สั่งอัพคำแนะนำเป็น "ซื้อ" กำหนดราคาเป้าหมายใหม่ 43 บาท(ข่าวหุ้น)
'เชฟรอน'ไม่รอดถูกภาษีย้อนหลังมากกว่า3พันล้าน
+ "บิ๊กเชฟรอน" ขอเข้าพบอธิบดีกรมสรรพสามิตสัปดาห์นี้ หลังกฤษฎีกาตีความชัดแท่นขุดเจาะน้ำมันอยู่ในเขตไทย บริษัทมีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีเดือนละ 60 ล้าน และภาษีย้อนหลังอีก 3 พันล้าน ลือเปลี่ยนตัวประธานสอบข้อเท็จจริงบิ๊กคลัง และผู้ที่เกี่ยวข้องทำให้ประเทศชาติเสียหาย(ข่าวหุ้น)
TCAPกำไรโดดเด่นสุดคาดไตรมาส4เพิ่ม27%
+ อาทิตย์นี้กลุ่มธนาคารพาณิชย์จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/59 ครบทุกแห่ง จับตาแบงก์ขนาดกลาง ผลงานโดดเด่น TCAP นำทีม โบรกฯ คาดกำไรกว่า 1.70 พันล้าน เพิ่ม 27% ทำสถิตินิวไฮรายไตรมาส(ข่าวหุ้น)
PLANBอัดฉีดงบเสริมแกร่ง รุกคืบขยายสื่อต่างประเทศ
+ PLANB เร่งเครื่องธุรกิจเต็มสูบ อัดฉีดงบ 400-500 ล้านบาท รุกขยายพื้นที่ป้ายสื่อดิจิตัลในกรุงเทพฯ หลังกระแสตอบรับดีเกินคาด หนุนยอดใช้ Utilization Rate โตไม่ต่ำกว่า 65% เล็งปรับค่าโฆษณาสื่อดิจิตัลเพิ่ม 5-10% พร้อมเดินหน้าเจรจาขยายสื่อต่างปะรเทศ เวียดนาม-มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์ เผยบุ๊กรายได้ไบรท์สกายเต็มปี หนุนผลงานปี 2560 โตแกร่ง(ทันหุ้น)
'SYNEX'จ่อปิดดีลร่วมทุน ดันรายได้ต่างแดนพุ่งเท่าตัว
+ SYNEX เตรียมสรุปดีลร่วมทุน 2 รายในไตรมาส 1/2560 คาดใช้เงินลงทุน 500-600 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 2560 แตะ 2.5 หมื่นล้านบาท หรือโต 8-10% จากปี 2559 ที่คาดกวาดรายได้ 2.3 หมื่นล้านบาท เตรียมนำเข้าสินค้าแบรนด์ใหม่ 4-5 แบรนด์ พร้อมดันสัดส่วนรายได้ต่างแดนพุ่งขึ้นเท่าตัวแตะ 1.6 พันล้านบาท รุกหนักตลาดกัมพูชา ฟากโบรกแนะ "ซื้อ" เข้าพอร์ต(ทันหุ้น)
AGE จัดทัพบุกจีน-เวียดนาม หวังโกยยอดขายเติบโต 30%
+ AGE ตั้งเป้าธุรกิจปี 2560 เติบโตโดดเด่นจากราคาถ่านหินอยู่ในช่วงขาขึ้นบวกกับรับรู้รายได้ธุรกิจบริการขนส่งทางน้ำเพิ่ม หลังปรับปรุงท่าเรือใหม่ ด้าน "พนม ควรสถาพร" ตั้งเป้าปริมาณยอดขายเติบโต 25-30% หลังปี 2559 ส่งออกถ่านหินไปยังเวียดนาม และจีนเต็มสูบ(ทันหุ้น)
'UREKA' กางกลยุทธ์ปี 60 วางเป้ารายได้พุ่ง 420 ล้าน
+ UREKA เปิดแผนธุรกิจในปี 60 เดินหน้าขยายฐานรายได้หลากหลาย พร้อมกับเจาะตลาดงานระบบออโตเมชั่น ด้าน "นรากร ราชพลสิทธิ์" วางเป้ารายได้พุ่งแตะ 420 ล้านบาท โชว์ Backlog หนากว่า 70 ล้านบาทเผยอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่เพิ่มอีกมูลค่า 145 ล้านบาท คาดรู้ผลในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์นี้ (ทันหุ้น)
นักวิเคราะห์ :
มงคล พ่วงเภตรา นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
License No: 001937 Tel: 02-648-1123 และทีมวิเคราะห์