- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 12 January 2017 22:07
- Hits: 1088
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวต้านสำคัญ 1580
SET Index: 1575.59 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1580 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายไม่สูงมากเมื่อเทียบกับเมื่อวาน ซึ่งเราคาดว่า แนวโน้มของ SET Index ยังคงมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงจากแรงขายที่บริเวณแนวต้านสำคัญของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 1580-1585 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 1550 จุด ถ้าหลุดจะเป็นจุด STOp LOSS สำหรับการเข้าซื้อเก็งกำไร และมีแนวรับถัดไปที่ 1530 และ 1500 จุด
แนวต้าน : 1577 และ 1580
แนวรับ : 1572 และ 1570
IRPC = 5.30 / 5.40, TASCO = 23.00 / 24.00, CPALL = 61.00** / 62.00, WHA = 3.14 / 3.20, lVL = 36.00 / 37.00
Union Auction (AUCT TB; THB 10.70) - ซื้อ
แนวต้าน : 11.10 และ 11.70 / เป้าหมาย 13.20
แนวรับ : 10.70 และ 10.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำรที่บริเวณจุดสูงสุดในรอบที่ผ่านมา แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น
MACD เคลื่อนไหวออกด้านข้างในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
แนะนำซื้อ AUCT โดยมีแนวรับที่ 10.70 และ 10.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 11.10 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 11.70 และ 12.00
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 10.30 ลงไป
East Coast Furnitech (ECF TB; THB 3.34) -ซื้อ
แนวต้าน : 3.48 และ 3.60 / แนวต้านสำคัญ 3.90
แนวรับ : 3.34 และ 3.30
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐาน ในขณะที่โครงสร้างในระยะยาวฟื้นตัวเหนือแนวโน้มขาลงขึ้นมาได้แล้ว
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 70
แนะนำซื้อ ECF โดยมีแนวรับที่ 3.34 และ 3.30 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.48 และ 3.60 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.24 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
Technical highlights
SET Index : แนวต้านสำคัญ 1580-1585
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1572.93 จุด เพิ่มขึ้น 0.83 จุด มูลค่าการซื้อขาย 65,412 ล้านบาท ตลาดเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1580-1585 จุดก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาปิดที่บริเวณ 1570 จุดจากแรงขายทำกำไร และมีแนวรับสำคัญที่ 1550 จุด
Weekly: ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1585 จุด ซึ่งเราคาดว่า โครงสร้างในระยะยาวของ SET Index ยังมีความเสี่ยงในการเคลื่อนไหวในกรอบแนวโน้มขาลง โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1580-1585 จุด ซึ่งเรายังคงแนะนำให้ระวังความเสี่ยงจากการขายทำกำไร โดยมีแนวรับสำคัญในระยะสั้นที่ 1550 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิคต่อเนื่อง
กลยุทธ์ :SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญของโครงสร้างในระยะยาวที่ 1580-1585 จุด ก่อนที่จะปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไร แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลุดแนวรับสำคัญที่ 1550 จุดลงไป ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขาย เพื่อถือเงินสด
Most Active Value: แนวรับ แนวต้าน
BANPU แนวรับสำคัญ 19.50 ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายต่อเนื่อง แนวรับถัดไป 19.00 19.80 / 19.50** 20.00/20.20
TASCO ขายที่แนวต้าน 24.00 แนวรับสำคัญ 22.50 23.00 / 22.50** 24.00/24.50
ADVANC แนวต้าน 156 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 160 154 / 152 155/156
DTAC ขายที่แนวต้าน 42.50-43.00 แนวรับ 40.00 41.00 / 40.00 42.50/43.00
CPALL แนวรับสำคัญ 61.00 ถ้าหลุดแนวรับถัดไป 57.00 แนวต้าน 64.00 และ 65.50 61.00** / 60.00 62.50/63.00
PTT ขายที่แนวต้าน 388-390 แนวรับ 380 และ 370 384 / 380 388/390
KBANK แนวต้านสำคัญ 190 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 195 188 / 186 190/192
STA แนวโน้มขึ้นทดสอบ 26.00-26.50 แนวรับ 24.00 และ 23.00 24.00 / 23.50 25.00/26.00
IRPC ซื้อที่แนวรับ 5.10 แนวต้าน 5.30 เป็นจังหวะขาย 5.10 / 5.05 5.25/5.30
AOT แนวโน้มลงทดสอบ 380 แนวต้าน 390-392 95.00 / 94.00 97.00 /98.00
Bangkok Ranch (BR TB; THB 7.00) - ซื้อ
แนวต้าน : 7.35 และ 7.80 / แนวต้านสำคัญ 8.00
แนวรับ : 7.00 และ 6.90
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึนทะลุผ่านแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ BR โดยมีแนวรับที่ 7.00 และ 6.90 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 7.35 และ 7.80 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 6.70 ลงไป
Italian-Thai Development (ITD TB; THB 5.20) -ซื้อ
แนวต้าน : 5.45 และ 5.60 / แนวต้านสำคัญ 6.00
แนวรับ : 5.20 และ 5.10
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านเส้นแนวโน้มขาลงในระยะยาวขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ ITD โดยมีแนวรับที่ 5.20 และ 5.10 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 5.45 และ 5.60 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 5.00 ลงไป
Trading Pick Follow up: แนวรับ แนวต้าน
FOCUS แนวโน้มขึ้นทดสอบ 2.40 และ 2.50 แนวรับสำคัญ 2.06 2.20 / 2.16 2.30 /2.40
JWD แนวโน้มขึ้นทดสอบ 9.00 และ 9.40 แนวรับสำคัญ 8.15 8.30 / 8.20 8.80 /9.00
CHO แนวโน้มขึ้นทดสอบ 2.00 และ 2.10 แนวรับสำคัญ 1.84 1.92 / 1.90 2.00 /2.10
SELIC แนวโน้มขึ้นทดสอบ 3.44 และ 3.60 แนวรับสำคัญ 3.14 3.24 / 3.20 3.40 /3.44
ANAN สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 5.40 และ 5.60 แนวรับสำคัญ 4.88 5.30 / 5.20 5.40 /5.60
PIMO สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 3.16 และ 3.36 แนวรับสำคัญ 2.78 2.88 / 2.84 3.06 /3.16
SAPPE สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 36.00 และ 37.00 แนวรับสำคัญ 32.00 33.50 / 33.00 35.00 /36.00
INET สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 5.15 และ 5.50 แนวรับสำคัญ 4.76 4.92 / 4.88 5.15 /5.50
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ยังเน้นการเก็งกำไร
หากมาดู 2 สัญญาณที่เป็นตัวชี้นำการเคลื่อนไหวของดัชนี SET หลังขึ้นมาใกล้ 1580+/- จุด พบว่าสัญญาณตัวแรก คือ การเคลื่อนไหวของดัชนี MSCI Thailand เทียบกับดัชนีในภูมิภาค คือ MSCI Asia ex Japan ในรูปด้านซ้าย จะพบว่า ค่อนข้างจะตีบตัน คิอ มีช่องให้ขึ้นแต่ไม่มาก โดยสัญญาณดังกล่าวในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาจะขึ้นไปที่บริเวณ 0.71 แล้วจะปรับตัวลง ส่วนสัญญาณที่ 2 คือ Momentum indicator หรือดูแรงเหวี่ยงเทียบกับค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD ) พบว่ายังขึ้นได้ไปที่บริเวณ +2 SD โดยปัจจุบันสัญญาณดังกล่าวอยู่ที่ +1.7 SD (ดูด้านขวา) ดังนั้นจุดตัดสินว่าจะขึ้นหรือลงของดัชนี SET น่าจะอยู่หลังวันที่ 20 ม.ค. หรือช่วงที่จะประกาศงบกลุ่มธนาคารพาณิชย์
หากมาดูแนวโน้มของกำไรใน Q4/16 ของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเราจะดู 2 แบบ โดยแบบแรกดูว่าหุ้นธนาคารไหนผลการดำเนินงานที่ออกมาสูงกว่าคาด (Surprise) โดยใช้ข้อมูลเทียบกับการประมาณการณ์ของ SmartEstimate ใน IBES และแบบที่ สอง ดูแบบธรรมดา คือ ดูกำไรใน Q4/16 เทียบ Q4/15 ว่าโตเท่าไร (YoY%) หากพิจารณาในแบบแรก จากฐานข้อมูล พบว่ามีแค่ 2 ธนาคารที่งบออกมาสูงกว่าของ SmartEstimate คือ KTB (+5.8%) ตามมาด้วย TISCO (+3.1%) (*SmartEstimate คือ งบของนักวิเคราะห์ที่ถูกให้คะแนนว่าแม่นหรือเด่นที่สุดของกลุ่มซึ่งจะขึ้นอยู่กับการประมาณการณ์งบที่ผ่านมา เทียบงบที่ออกมาจริง)
หากพิจารณาเฉพาะ YoY% พบว่าธนาคารส่วนใหญ่งบ Q4/16 จะออกมาดีกว่า Q4/15 เช่น KBANK (+60.1%) KTB (+25.5%) BBL (+14.8%) SCB (+6.9%) TISCO (+6.9%) และ BAY (+2.9%) ส่วนที่ติดลบ คือ KKP (-9.7%) TMB (-32.2%)และ TCAP (-1.2%) จากการประมาณการณ์ทั้ง 2 แบบพอจะคาดเดาได้ว่า หุ้นที่เด่น คือ KTB KBANK TISCO และ BBL อย่างไรก็ตามการประมาณการณ์ดังกล่าว อาจคลาดเคลื่อนได้เนื่องจากเป็นแค่ของนักวิเคราะห์ 1 คนและไม่ได้เป็นค่า Mean ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยกลางของหลายๆ คน
กลุ่มที่งบออกมาเด่นจริงๆ คือ สูงกว่าหรือมี Surprise เทียบ SmartEstimate คือหุ้นที่ในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี อย่าง PTTGC (+23.3%) PTT (+20.1) และ TOP (+5.1%) แต่หากเทียบกับ Q4/15 ส่วนใหญ่จะดีขึ้นมากๆ อย่าง PTT (+145.6%) PTTGC (+107.9%) BANPU (+137%) IRpC (+442.3%) BCP (+1578%) TOP (+60.4%) IVL (+1350%) PTTEp (+17.1%) และ SPRC (+13.7%) เรามองว่าแม้ผลการดำเนินงานใน Q4/16 จะออกมาดีกว่า Q4/15 หรือที่มากกว่าของ SmartEstimate ราคาหุ้นส่วนใหญ่ขึ้นมารับข่าวไปมากแล้ว
หลังการแถลงข่าว (News conference) ของนาย Donald trump เป็นครั้งแรกหลังชนะการเลือกตั้ง เมื่อวานนี้ ปรากฏว่าตลาดหุ้นสหรัฐตอบสนองในเชิงบวก ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียบวกขึ้นเล็กน้อย โดยมองว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยจะยังประคับประคองตัวต่อไป จนกว่าจะมีการแถลงนโยบายของนาย Donald trump และงบ Q4/16 ของกลุ่มธนาคารจะออกมา ในช่วงวันที่ 20 ม.ค. วันนี้มองทิศทางดัชนี SET น่าจะยังเผชิญกับแรงขายทากำไร หลังหุ้นใหญ่หลายๆกลุ่มขึ้นมารับข่าวผลการดำเนินงานอย่าง อสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร พลังงานและปิโตรเคมี
วันนี้มองแนวต้านที่ 1576-1580 จุดและแนวรับที่ 1567-1563 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร LH STEC CPN TISCO และ IRPC
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์: หากมาดู 2 สัญญาณที่เป็นตัวชี้นำการเคลื่อนไหวของดัชนี SET หลังขึ้นมาใกล้ 1580+/- จุด พบว่าสัญญาณตัวแรก คือ การเคลื่อนไหวของดัชนี MSCI Thailand เทียบกับดัชนีในภูมิภาค คือ MSCI Asia ex Japan จะพบว่า ค่อนข้างจะตีบตัน คิอ มีช่องให้ขึ้นแต่ไม่มาก ส่วนสัญญาณที่ 2 คือ Momentum indicator หรือดูแรงเหวี่ยงเทียบกับค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD ) พบว่ายังขึ้นได้ไปที่บริเวณ +2 SD โดยปัจจุบันสัญญาณดังกล่าวอยู่ที่ +1.7 SD ดังนั้นจุดตัดสินว่าจะขึ้นหรือลงของดัชนี SET น่าจะอยู่หลังวันที่ 20 ม.ค. หรือช่วงที่จะประกาศงบกลุ่มธนาคารพาณิชย์ สำหรับการแถลงข่าว (News conference) ของนาย Donald trump เป็นครั้งแรกหลังชนะการเลือกตั้ง เมื่อวานนี้ ปรากฏว่าตลาดหุ้นสหรัฐตอบสนองในเชิงบวก ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียบวกขึ้นเล็กน้อย โดยมองว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยจะยังประคับประคองตัวต่อไป จนกว่าจะมีการแถลงนโยบายของนาย Donald trump และงบ Q4/16 ของกลุ่มธนาคารจะออกมา ในช่วงวันที่ 20 ม.ค. วันนี้มองทิศทางดัชนี SET น่าจะยังเผชิญกับแรงขายทำกำไร หลังหุ้นใหญ่หลายๆกลุ่มขึ้นมารับข่าวผลการดำเนินงานอย่าง อสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร พลังงานและปิโตรเคมี วันนี้มองแนวต้านที่ 1576-1580 จุดและแนวรับที่ 1567-1563 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร LH STEC CPN TISCO และ IRPC
Themes play :
EPG : เราแนะนำให้ ซื้อ EpG โดยมีราคาเป้าหมาย 18.20 บาท โดยเราคาดว่าธุรกิจฉนวน (AFC) จะได้ประโยชน์จากนโยบายของทรัมปั และงานโครงการภาครัฐ โดยเฉลี่ยมูลค่างานฉนวนกันร้อน-เย็นในระบบปรับอากาศในโครงการใหญ่ๆ จะอยู่ที่ประมาณ 1 - 3% ส่วนธุรกิจชิ้นส่วนยานยต์ (ARK) ก็มีแนวโน้มเติบโตสูง หลังราคาสินค้าเกษตรฟื้นตัว โดยเราคาดว่ายอดขายรถยนต์ในปี 17 น่าจะเติบโต 5.3% yoy มาที่ระดับ 7.9 แสนคัน บวกกับการเปิดโรงงานประกอบรถยนต์ใหม่ของ Ford เพื่อใช้ประเทศไทยเป็นฐานส่งออกกระบะ จะเป็นผลดีต่อ ARK ซึ่ง Ford ถือเป็นลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าคิดเป็นมูลค่าต่อคันรถสูง ในขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ Epp เตรียมเดินเครื่องผลิตจากโรงงานแห่งใหม่ โดยเราคาดว่า EPP2 น่าจะสร้างรายได้เพิ่มให้กับ EPG ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทและกำไรปีละประมาณ 200 ล้านบาท เราประเมินรายได้ปีนี้ที่ระดับ 11,294 ล้านบาท เติบโตขึ้น 31.8% หลักๆ จะมาจจากการเติบโตของธุรกิจชิ้นส่วนยายนต์ ซึ่งได้รับคำสั่งซื้อไว้ล่วงหน้าแล้วเป็นส่วนใหญ่ สำหรับกำไรสุทธิคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,696 ล้านบาท เติบโต 18% yoy
ประเด็นในสัปดาห์
12 ม.ค. : ยุโรปประกาศตัวเลข Industrial production SA MoM เดือนพ.ย. จากเดือนก่อนหน้า -0.1%
12 ม.ค. : การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โดยตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25%
13 ม.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Retail Sales Advance MoM เดือนธ.ค. โดยตลาดคาด 0.5% จากเดือนก่อนหน้าที่ 0.1%
13 ม.ค. : จีนประกาศตัวเลข Export YoY เดือนธ.ค. โดยตลาดคาด -3.9% จากเดือนก่อนหน้าที่ 0.1%
คาดการณ์วันประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2016
17 ม.ค. : TMB
18 ม.ค. : KBANK TCApP
19 ม.ค. : BBL SCB
20 ม.ค. : BAY KKP KTB
Fundamental Stock :
TISCO : Company Note คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย : 77 บาท
EPG : Company Note คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย : 18.20บาท
Technical Pick:
กลยุทธ์ : SET Index มีแนวต้าน 1580-1585 และมีแนวรับสำคัญ 1550 จุด
Bangkok Ranch (BR TB; THB 7.00) - ซื้อ
Italian-Thai Development (ITD TB; THB 5.20) - ซื้อ
SET lndex : แนวต้านสำคัญ 1580-1585
Retail Research Team