WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BLSบล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

รอบด้านตลาดหุ้น
ดัชนีฯเริ่มฟื้นหลังพักฐานไป 3 วัน


   วันนี้คาดดัชนีฯ Sideways up กรอบ 1,563-1,575 จุด คาดหุ้นน้ำมันกดดัชนีฯตามราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงกว่า 2% ส่วนหุ้นได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันอาจมีแรงเก็งกำไรช่วงสั้น (สายการบิน ฯลฯ) และหุ้นดัก Flows ต่างชาติ คาดยัง Outperform หนุนดัชนีฯ วันนี้ตลาดจับตาถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการของ ว่าที่ ปธน.ทรัมป์
    เมื่อวานนี้หุ้น แบงก์ใหญ่ (KBANK KTB BBL SCB) อสังหาฯ (SPALI LPN SIRI LH) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (HANA SMT SVI) ขึ้นแรงหนุนดัชนีฯ คงคาด รอบนี้ยังคงเล่นหุ้นเน้นดัก Fund flow ฝรั่ง โดยหุ้นตัวแทนฝรั่งคือ แบงก์+อสังหาฯ แนะ Let profit run หรือย่อตามดัชนีฯเป็นโอกาสในการซื้อ ส่วนหุ้น Bottom fishing ยังคงเลือกเล่นรายตัวได้ และ วันนี้เพิ่มการเก็งกำไรหุ้นที่มีข่าวบวกรายตัวหนุนเน้นหุ้น Laggard plays


     แนวโน้มสัปดาห์นี้ คาดสร้างฐานบริเวณ 1,560 +/- 5 จุด เพื่อรอจังหวะขึ้นต่อ ทะลุแนวต้านสั้น 1,575 จุด (แนะเลือกลงทุนรายตัวตราบใดที่ไม่หลุด 1,560 +/-) แนวต้านระยะสัปดาห์ 1,600 จุด ปัจจัยหนุนจะมาจาก (1) แนวโน้มการพักเงินไว้ในภูมิภาค เพื่อเก็งกำไรการแข็งค่าของค่าเงินหยวน จากนโยบายจีนสกัดเงินทุนไหลออกผ่านการใช้มาตรการค่าเงินหยวนแข็งค่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่ ปี 2005 โดยค่าเงินภูมิภาคและค่าเงินบาท แข็งค่าหลังจาก จีนปรับขึ้นค่ากลางเงินหยวน 0.9% (6 มค.) เป็น 6.8668 CNY/US$ (2) ตัวเลขเศรษฐกิจโลกคาดส่งผลบวก/ลบ คละกัน โดยตัวเลขส่งออกภูมิภาค จีน ฟิลิปปินส์ แย่ลง แต่ US Retail sale ดีขึ้น และ เงินเฟ้อ, ดัชนี Industrial production ยุโรป คาดดีขึ้น (3) ประชุมธนาคารกลางยุโรป และ เกาหลีใต้ คาดเดินนโยบายผ่อนคลายต่อเนื่อง


    ระยะเดือน มค. คาดมีโอกาสที่จะเกิด January effect เหมือนกับปี 2012-13 และ 2015 ที่ดัชนีหุ้นขึ้นในช่วงเดือน มค.อิง (1) แรงซื้อคืนจาก นลท.ต่างชาติ...โดยแรงขายคาดว่าจะจำกัดอิงสัดส่วนถือครองหุ้นไทยที่ 29% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 32% (2) ตัวเลขเศรษฐกิจภูมิภาคช่วงต้นปี คาดโมเมนตั้มยังดีต่อเนื่อง-จากปลายปี


    ส่วนข่าวลบ วิตกเม็ดเงินไถ่ถอนหน่วยลงทุน LTF ที่คาดว่าจะกดันหุ้นไทยเดือน มค. คาดว่าจะกระทบหุ้นไทยจำกัดเพราะ (1) เม็ดเงินซื้อ LTF สุทธิปี 2013 คิดเป็นประมาณ 8% ของ NAV (หรือคิดเป็นเพียง 2 หมื่นกว่าลบ.เท่านั้น จากที่ BLS รวบรวม) และ อิงข้อมูลการไถ่ถอนหน่วยฯ ย้อนหลัง 3 ปี พบว่าการขายหน่วยจะกระจายหลายเดือน ไม่ได้กระจุกตัวในเดือน มค.เพียงเดือนเดียว (2) ระดับผลตอบแทนหุ้นไทยปี 2013 เทียบ ณ.ปัจจุบันเฉลี่ยเพียง 8% ซึ่งไม่ได้ให้ผลตอบแทนสูงเหมือนรอบ ปี 2012 และครบกำหนดปี 2016 ที่ให้ผลตอบแทนถึง 22% / กกร. และสภาอุตฯ ประเมินผลกระทบน้ำท่วมภาคใต้ ไม่เกิน 1.5 หมื่นล้านบาท มองไม่กระทบเศรษฐกิจมากนักเพราะ ไม่ได้ท่วมขังนาน


     หุ้นแนะนำวันนี้ DRT แนวรับ 5.55 บ. ต้าน 6/6.20 บ. Stop loss 5.40 บ. กระแสการเก็งกำไรอานิสงส์ซ่อมแซมหลังน้ำท่วมภาคใต้ โดยคาดว่าจะมี สินเชื่อ Soft loan ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อการบูรณะที่อยู่อาศัยหลังจากนี้ (จับตาการประชุม ครม.ในนัดต่อๆไป) / SPPT แนวรับ 4.98 บ. ต้าน 5.50 บ. Stop loss รอบสั้น 4.8 บ. เล่น Laggard กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ / SQ ย่อซื้อสะสม แนวรับ 4.46 บ. ต้านสั้น 4.80 บ. Stop loss 4.4 บ. ตามแผนงานปีนี้บริษัทฯจะมีการเข้าประมูลงานเพิ่มเติมเพื่อรองรับการเติบโตของรายได้ (Secure backlog) โดยปัจจุบันมีงานในมือราว 3.4 หมื่นล้านบาท รองรับรายได้ไปอีก 10 ปีข้างหน้า เราเชื่อว่าถ้ามี Backlog เพิ่มเข้ามาระหว่างนี้ Consensus มีโอกาสปรับประมาณการขึ้นได้อีก

 

รายงานวันนี้
(+) SIRI คาดราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นจากปัจจัยหนุนคือ ใน 4Q16 คาดทั้งกำไรและยอดจองซื้อ (pre-sales) ออกมาแข็งแกร่ง และมีโอกาสดีกว่าตลาดคาด จากการโอน 2 โครงการใหญ่ ได้แก่ Edge (มูลค่าโครงการ 2.9 พันล้านบาท) and 98 Wireless (8.3 พันล้านบาท) นอกจากนี้บริษัทบรรลุเป้าหมายการเปิดโครงการใหม่ในปี 2016 ที่ 4.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2015 เท่าตัว ซึ่งส่วนใหญ่เห็นการเปิดตัวในไตรมาสสุดท้ายของปี (4Q16) คาดบริษัทมี pre-sales สูงถึง 1.1 หมื่นล้านบาทใน 4Q16 ซึ่งเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี และคาดในปี 2017 บริษัทจะเปิดโครงการน้อยลง (เพราะปี 2016 เปิดตัวเป็นจำนวนมาก) ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการเปิดตัวลดลง และกำไรดีขึ้น เราแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 2.10 บาท ปัจจุบันหุ้นเทรด PBV เพียง 0.9 เท่า และ PE เพียง 7.2 เท่า ประกอบกับเงินปันผล 2H16 4.4% และสำหรับปี 2017 อีก 7.2%
(0) CPN สรุปประเด็นจาก CEO Forum เราประทับใจแผนการปรับปรุงศูนย์การค้าของบริษัทให้กลายเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิต คาดจะเป็นปัจจัยหนุนให้โครงการของบริษัทแข็งแกร่งในระยะยาว นอกจากนี้บริษัทคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้เฉลี่ยปีละ 15% ใน 5 ปี ข้างหน้า ซึ่งจะประกอบไปด้วยการเปิดโครงการใหม่ 3 แห่งในแต่ละปี อย่างไรก็ดีในปี 2017 นี้ การเปิดตัวโครงการส่วนใหญ่ จะมีการเปิดตัวในช่วง 4Q17 คาดส่งผลให้การเติบโตในระยะสั้นดูไม่น่าตื่นเต้นนัก แต่คาดกำไรจะโตดีในปี 2018 และสำหรับการแปลง CPNRF เป็น REIT คาดจะเห็นใน 2Q17 อย่างไรก็ดีคาดการ การขายสินทรัพย์เข้ากองฯเพิ่ม จะไม่ช่วยให้มีกำไรพิเศษ เพราะเป้นการทยอยรับรู้ไปตลอดอายุสัญญา ดังนั้นเรามองว่าระยะสั้นหุ้นยังคงขาดปัจจัยหนุน จึงแนะนำเพียง ถือ ราคาเป้าหมาย 65 บาท
(+) KSL ราคา The New York Raw Sugar No. 11 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ US$20.5 cents/lb วานนี้ เพิ่มขึ้น 14% จากล่าสุดที่ลงไป US$18 cens/lb ณ วันที่ 14 ธ.ค. จากค่าเงิน USD ที่อ่อนตัว, BRL แข็งค่า และความคาดหวังต่อผลผลิตน้ำตาลในอินเดียที่คาดว่าจะลดลง ตามข้อมูลของ F.O. Licht ภาวะขาดแคลนน้ำตาลในตลาดโลกน่าจะแตะ 4.46 ล้านตันในปี 2016/2017 เรามองว่า USDA น่าจะมีการปรับตัวประมาณการผลผลิตน้ำตาลในประเทศไทยงวด 2016/2017 ขึ้น จากอัตราการให้น้ำตาลที่สูงขึ้น หนุนโดยอากาศที่หนาวยาวนานในช่วง พ.ย.-ธ.ค. เรายังคงมั่นใจในผลประกอบการของ KSL จากเทรนด์น้ำตาลที่อยู่ในช่วงขาขึ้น สำหรับธุรกิจเอทานอลและโรงไฟฟ้ายังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นจากประมาณการของเรา โดยเราคาดปริมาณขายเอทานอลโต 5% (จากเป้า 7%) และไฟฟ้าเราคาดปริมาณขายเพิ่ม 5% เช่นเดียวกัน (จากเป้า 17%) เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 7.75 บาท
(0) PTTEP บริษัทเปิดแผนการลงทุน 5 ปี เรามองว่าประเด็นหลักคือการเปลี่ยนกลยุทธ์ไปเน้นในส่วนของการรักษาระดับปริมาณการผลิตซึ่งจะช่วยลดในส่วนของค่าใช้จ่ายในด้านการลงทุน โดย CAPEX 5 ปี ตามแผนถูกปรับลงมาอยู่ที่ US$8.8 พันล้าน ลดลง 20% จากแผนก่อนหน้าและต่ำกว่าที่เราประมาณการไว้ 10% แม้ว่าค่าใช้จ่ายจะลดลง แต่ผลในเชิงของปริมาณการขายน่าจะมีความเสี่ยงด้านล่างในขณะที่ความเสี่ยงด้านบนถูกจำกัด ทำให้เราค่อนข้างมีมุมมองเชิงลบต่อผลการดำเนินงานในอนาคตแต่อย่างไรก็ตามกระแสประเด็นการลดกำลังการผลิตของ OPEC ซึ่งจะหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นน่าจะทำให้ราคาหุ้นยังสามารถยืนอยู่ได้ จาก CAPEX ที่ปรับลดลงเราปรับราคาเป้าหมายอิง DCF ขึ้น มาที่ 95 บาท/หุ้น จาก 85 บาท/หุ้น แต่ยังคงคำแนะนำ ถือ และยังชื่นชอบ PTT มากกว่า (better oil-levered play)

 

หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) TACC แจ้งตลาด เปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลัง ยี่ห้อ “Jump Start” ขายในกัมพูชา ซึ่งเป็นตลาดที่ TACC มีส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มชาเขียวผสมฯ ในกัมพูชาเป็นอันดับ 1 โดยตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมีมูลค่าตลาด สูงกว่าเครื่องดื่มชาผสมฯ ปัจจุบันอยู่ 7 เท่า และคาดว่า Distributors ที่แข็งแกร่งของ TACC จะผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ดีเหมือนเครื่องดื่มชาผสมฯ / เราคาด Upside ต่อราคาหุ้นราว 2.5 บ. หรือราว 25% หากอิง PE กลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังที่เทรดเฉลี่ยกว่า 50 เท่า (ที่มา ตลท. /BLS research)
(+) PACE แจ้งตลาด บ.จัดการลงทุนรายใหญ่ของโลก Apollo เข้าลงทุนใน บ.ย่อยของ PACE (โครงการมหานคร) มูลค่า 5.9 พันล้านบาท (165US$mn) และ Goldman Sach เข้าลงทุน 2.5 พันล้านบาท (70US$mn) รวมเงินลงทุน 8.4 พันล้านบาท (ที่มา ตลท.)
(+) RS เผยปรับขึ้นค่าโฆษณาเฉลี่ย 30-40% หลังเรทติ้งพุ่ง (ที่มา ASPEN สนข.หุ้นอินไซด์)
(+) MONO ตัดหุ้นเพิ่มทุน 143 ล้านหุ้น ขาย PP ให้ 8 นลท. ราคาหุ้นละ 2.85 บ. ชำระเงิน 11-13 มค.นี้ นำเงินไปซื้อ Content (ที่มา ตลท.)
(+) หุ้น Bottom Fishing เราพบว่าตลาดรอบนี้ (ตั้งแต่ปลายเดือน ธค. ถึง ปัจจุบัน) นอกเหนือจากหุ้นบูลชิพใหญ่ และหุ้นในกระแส ที่แรลรี่แรง หุ้นที่ราคาหุ้นลงมาจนสุด (ส่วนใหญ่ลงแรง 50-70% จาก Peak) เช่น DTAC LPN SAMART SAMTEL SIRI TASCO BR เป็นต้น พบราคากลับมา Outperform ตลาด จากสมมุติฐานนี้ เราคาดหุ้นประเภท Bottom fishing มีโอกาส Outperform ตลาด โดยการคัดเลือก จะพิจารณาจาก (1) แนวโน้มผลการดำเนินงานเริ่มฟื้นตัวแล้วหรือฟื้นตัวในปีนี้ หรืออยู่ในกระแสการลงทุนของปีนี้ เช่น Cyclical plays, การลงทุน Thailand 4.0 เป็นต้น (2) ความเสี่ยงด้านล่างของราคาหุ้นคาดจำกัด เพราะเป็นหุ้นที่ กองทุนในประเทศ และโดยเฉพาะต่างประเทศ ได้ลดสัดส่วนการถือครองลงไปอย่างมีนัยยะ หุ้นแนะนำตามกลยุทธ์นี้เลือก SAMTEL BJCHI SIRI DTAC เป็นต้น


ปัจจัยที่มีผล
(+) พุธ US Import prices ธค.คาด +0.7% จาก -0.3% m-m. สเปน Industrial production พย., UK Industrial production และ Manufacture production พย. ญี่ปุ่น Economic coincident พย.คาด 115 จาก 113.5, มาเลเซีย Industrial production พย. คาด +10% จาก +4.2% y-y. (ที่มา Bloomberg)
(+) พฤหัส ประชุมธนาคารกลาง ยุโรป, US PPI final demand ธค. คาด +0.3% จาก +0.4% m-m. US Retail sale ธค. คาด +0.5% จาก +0.1% m-m. US U of M consumer sentiment คาด 98.6 จาก 98.2, ฝรั่งเศส CPI คาด +0.6% คงที่, อิตาลี Industrial production, EU area industrial production พย. คาด +0.2% จาก -0.1% m-m. อินเดีย CPI ธค.คาด +3.5% จาก +4.2% และ Industrial production คาด -2.2% จาก +0.7% (ที่มา Bloomberg)
(0) ศุกร์ จีน ส่งออก เดือน ธค. คาด -3.8% จาก -1.6% y-y. ส่วนดุลการค้าเพิ่มขึ้นเป็น US$bn48 จาก 44.2 ประชุมธนาคารกลาง เกาหลีใต้ คาดคงดอกเบี้ย 1.25% (ที่มา Bloomberg)

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!