- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 10 January 2017 15:59
- Hits: 1317
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX เริ่มปรับฐานลง ด้วยแรงขายทำกำไรในกลุ่ม ICT / ค้าปลีกที่ขึ้นมาเด่นในสัปดาห์ก่อน อีกทั้งค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนระมัดระวัง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบ 7.40 จุด มาอยู่ที่ 1,564.08 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 61,143 ล้านบาท โดยสถาบันภายในประเทศเป็นคนขายลดพอร์ต
ทั้งนี้ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 1,581 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 4,016 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 1,483 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
• เงินทุนต่างชาติยังคงมองบวกกับตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
• สถาบันภายในประเทศขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 2,193 ล้านบาท
• วันนี้ติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค.ของจีน Bloomberg consensus คาด 2.2% yoy ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้า 2.3% yoy
• ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับฐานลงกว่า 3% คืนวานนี้
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลางถึงบวก (วันที่ 5)
เรายังคงให้น้ำหนักการลงทุน “กลางถึงบวก” แม้ว่า SET INDEX จะแกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,555-1,570 จุดก็ตาม แต่เราเชื่อว่า downside risk ของตลาดหุ้นไทยเป็นไปอย่างจำกัด ด้วยกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ทรงตัว ช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และกระแสเงินทุนต่างชาติมากเพียงพอที่จะลดแรงเสียงทานจากกองทุนภายในประเทศ
สำหรับราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 3.76% dod ปิดที่ US$51.96/barrel จากปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กดดันกลุ่มพลังงาน/ปิโตรเคมีวันนี้ แต่เป็นโอกาสของการสะสมระยะกลางในหุ้นหลักกลุ่มนี้
ทิศทาง SET INDEX เป็น sideways-to-sideways-up การพักฐานช่วง 1-3 วันนี้เป็นเพียงการพักเพื่อขึ้นต่อ ทั้งนี้จับตาผลการดำเนินงานของ TISCO ประกาศในวันพรุ่งนี้ ประเด็นการจัดลำดับชั้นหนี้ของ SSI จะมีผลต่องบ 4Q59 ของ KTB/ SCB ที่ประกาศในสัปดาห์หน้า บวกกับกลุ่มพลังงาน /ปิโตรเคมี แนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q59 เติบโตเด่น จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ขยับขึ้นเด่น ผลักดันให้ราคาถ่านหิน / ส่วนต่างราคาปิโตรเคมี ขยับขึ้น qoq เช่นกัน ปัจจัยเหล่านี้ช่วยจำกัด downside risk
กลยุทธ์การลงทุน “ขึ้นแรงขาย ย่อตัวลงซื้อ” เน้นหุ้นหลักที่แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q59 เติบโตเด่น
Daily Pick
1. สะสม SCB : ราคาปิด 156.50 บาท ราคาเหมาะสม 169.00 บาท
a) MBKET แนะนำสะสมหุ้น SCB เมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย เนื่องจากเชื่อว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะยังไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า Upside ของตลาดเริ่มจำกัดมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้สู่บริเวณ 1590-1600 จุด จากแรงขายของกองทุนในประเทศ
b) ประเด็นลงทุนใน SCB สัปดาห์นี้อยู่ที่การประกาศงบการเงินของ TISCO ในวันพุธนี้ เนื่องจาก TISCO เป็น 1 ในผู้ปล่อยกู้ให้กับ SSI ดังนั้น หากงบการเงินของ TISCO มีการกลับรายการเงินกู้ของ SSI จากหนี้เสีย เป็นหนี้ปกติ เชื่อว่าจะเป็นบวกต่อ SCB เช่นกันในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่สุดของ SSI
c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +26.3% yoy เป็น 5.8 หมื่นล้านบาท เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคาร และ SET INDEX และยังซื้อขายระดับ PER2560 ที่ 9.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ 10.3 เท่า
2. สะสม PSH : ราคาปิด 23.10 บาท ราคาเหมาะสม 31.50 บาท
a) MBKET คาดว่ากำไรสุทธิ 4Q59 จะกลับมาขยายตัว qoq เนื่องจากมียอดรอบันทึกรายได้รออยู่ 10,300 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A คาดว่าจะลดลง qoq เนื่องจาก 3Q59 มีค่าใช้จ่ายพิเศษที่ปรึกษาทางการเงินในการปรับโครงสร้างเป็นบริษัท Holding
b) หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มี Catalyst รออยู่ จากการเปิดโครงการใหม่ใน 1H60 ซึ่งเลื่อนมาจาก 4Q59 เชื่อว่าหากมียอด Presales ที่ดี จะส่งผลให้ Sentiment การลงทุนต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติให้ความคาดหวังค่อนข้างต่ำ และ Under-owned จึงมี Downside ที่จำกัด
c) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง โดยคาดการณ์เงินปันผล 2H59 ราวหุ้นละ 0.90 บาท คิดเป็น Dividend yield สูงถึงเกือบ 4% และปี 2560 หุ้นละ 1.60 บาท คิดเป็น Dividend Yield 6.9 %