- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 10 January 2017 10:39
- Hits: 2838
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TMT (จากซื้อเป็นถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวันศุกร์มีแกว่งในวัน แต่ปิดทรงตัวที่ 1571.48 ทั้งนี้นักลงทุนสถาบันในประเทศมีการขายทำกำไรบ้าง (ขายสุทธิ 316 ล้านบาท) แต่ต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อ 1.9 พันล้านบาท สำหรับปัจจัยสำคัญวันนี้ ได้แก่
+ ค่าจ้างแรงงานสหรัฐเดือนธ.ค. +2.9%YoY เป็น 26 US$/ชม. จ้างงานนอกภาคเกษตร +1.56 แสนตำแหน่ง อัตราว่างงาน 4.7%
• จับตามาตรการทรัมป์ ซึ่งจะใช้นโยบายการคลังมากขึ้น (เช่น ลดภาษีกำไรธุรกิจ, เพิ่มงบลงทุน, แก้กฎระเบียบภาคการเงิน & สาธารณสุขที่เข้มงวด ฯลฯ) ว่าจะออกมาจริงแบบไหน? ถ้าลดภาษีกำไรธุรกิจจาก 35% เป็น 25% กำไรสุทธิจะเพิ่มทันที 15% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ
+ มีกระแสข่าวว่าประเทศกลุ่มโอเปกเริ่มลดการผลิตตามข้อตกลง...เป็นบวกต่อ Sentiment หุ้นกลุ่มพลังงาน&ปิโตรเคมี แต่หุ้นโภคภัณฑ์ เน้นเล่นรอบดีกว่าถือยาวๆ
+ การจัดพอร์ตลงทุน แนะนำแบ่งเป็น 3 หมวด (สัดส่วนเป็นไปตามการยอมรับความเสี่ยงของแต่ละคน) คือ 1) กลุ่มหุ้นปันผลสูง-เพื่อรับ Return ที่สม่ำเสมอ (หุ้นเด่น , 2) กลุ่มหุ้นมั่นคง เพื่อให้พอร์ตมีสินทรัพย์คุณภาพดีและมีเสถียรภาพ และ 3) หุ้นเติบโต เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับ Capital Gain และควรทำ Rebalancing เป็นระยะ (ราคาหุ้นเกินพื้นฐานก็ขาย ราคาลงต่ำกว่าพื้นฐานมากก็ซื้อ) เพื่อให้การบริหารพอร์ตเกิดประสิทธิภาพ หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์วันนี้เป็น IVL
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณเป็นบวกที่พร้อมเปลี่ยนเป็นลบ ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้น 1580, 1590 การหลุดแนวฟิวเตอร์ 1550 ดูไม่ดี และควรลดพอร์ตตาม สำหรับหุ้น SCAN ทางเทคนิคที่เข้ามาใหม่เป็น SENA, PSL, AJ, GFPT ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SF, GLOBAL, AP, STPI, ITEL, THANI, ORI, TVO, RJH หุ้นแนะนำที่หาจังหวะ Take Profit เป็น DELTA ส่วนหุ้นที่หลุด List เป็น PLAT, GPSC
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : จำนวนจ้างงานเพิ่มน้อยกว่าคาด แต่รายได้/ชม.เพิ่มขึ้นในเดือนธ.ค.
ตลาดมีมุมมองบวกต่อการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานซึ่งแม้จะต่ำกว่าคาดในเดือนธ.ค. แต่การที่ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้นในเดือนธ.ค. หลังหดตัวในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้รายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน +10 เซนต์ สู่ระดับ 26 ดอลลาร์/ชั่วโมง หรือ +2.9%YoY ในเดือนธ.ค. บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ สะท้อนผลงานของรัฐบาลโอบามา
ด้านตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. (ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 178,000 ตำแหน่ง) อัตราการว่างงานเพิ่มเป็น 4.7% (ตามคาด) หลังร่วงลงสู่ระดับ 4.6% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 9 ปี
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ไปต่อ...รายได้/ชม.ที่เพิ่มช่วยความเชื่อมั่นนักลงทุน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,963.80 จุด เพิ่มขึ้น 64.51 จุด หรือ +0.32% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,521.06 จุด เพิ่มขึ้น 33.12 จุด หรือ +0.60% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,276.98 จุด เพิ่มขึ้น 7.98 จุด หรือ +0.35% ปัจจัยหนุน คือ รายได้ต่อชั่วโมงของแรงงานที่เพิ่มขึ้น 2.9%YoY ในเดือนธ.ค.59 เป็น 26 ดอลลาร์/ชั่วโมง
+ ราคาน้ำมันดิบ : ขยับขึ้นต่อ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 53.99 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.37% ปิดที่ 57.10 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยหนุนคือ มีข่าวว่าซาอุฯเริ่มเจรจากับลูกค้าเพื่อลดการจำหน่ายน้ำมัน, คูเวตและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ลดการผลิตลง เป็นต้น ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานว่าสัปดาห์ก่อนแท่นขุดเจาะน้ำมันกลับมาผลิตเพิ่ม 4 แท่น สู่ระดับ 529 แท่น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน
- ราคาทองคำ : ร่วงลงหลังค่าเงิน US$ แข็งรับตัวเลขจ้างงานสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 7.9 ดอลลาร์ หรือ 0.67% ปิดที่ 1,173.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมีการขายทำกำไร/ปรับพอร์ตหลังค่าเงิน US$ กลับมาแข็งค่าภายหลังมีรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.และอัตราค่าแรงงานเฉลี่ยต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้นของสหรัฐ
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]