WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน                                                                                                                 

คาด SET มีลุ้นพักตัวในเร็วๆ นี้ได้ ดังนั้นยังรอเลือกหุ้นซื้อช่วงอ่อนตัว               

  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งผันผวนมากขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และอยู่ในแดนลบนานขึ้น แม้จะปรับลงไม่มาก ก่อนจะมีแรงซื้อกลับมาหนุนให้ดัชนีขยับบวกได้ในช่วงชั่วโมงสุดท้าย และปิดสิ้นวันเป็นบวกเล็กน้อย ขณะที่ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนตัว หลังจากแข็งค่าเร็วในช่วงเปิดปีใหม่ 2 วันแรก โดยนักลงทุนยังรอติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในช่วงค่ำด้วย                                              

  แนวโน้มตลาดวันนี้ : แม้ว่าในช่วงค่ำของวันศุกร์ตลาดหุ้นสหรัฐจะย้อนลบลงก่อนกว่า 60 จุด แต่ก็ยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้ DJIA สามารถขึ้นมาเคลื่อนไหวด้านบวกประมาณ 100 จุดได้อีก ก่อนปิดสิ้นวันเป็นบวกกว่า 60 จุดแทน ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปก็ยังปิดเป็นบวกกันอยู่ โดยนักลงทุนยังขานรับเชิงบวกกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือน ธ.ค. ถึงแม้ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดก็ตาม รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ฟื้นตัวต่อเนื่องได้ดี อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่รีบาวด์บวกขึ้นมาพอควรแล้ว ทำให้เช้านี้เริ่มมีแรงขายทำกำไรกดดันต่อเนื่อง บางแห่งจึงเริ่มอ่อนตัวลงบ้าง ขณะที่ SET ก็ขยับปิดบวกติดต่อกันมาเกือบ 10 วันด้วยระยะทางมากพอควร ทำให้ FSS คาดว่า SET มีสิทธิที่จะอ่อนตัวลงได้ในช่วงถัดจากนี้                                                                                                                                                     

  กลยุทธ์ : FSS ยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นซื้อ ในช่วง SET ปรับลงดีกว่าอยู่                                                                                                                                                

  แนวรับ  1568-1564 , 1560-1557 จุด                                                                                                                                                       

  แนวต้าน  1572-1575 , 1578-1582 จุด                                                                                                                                                    

  หุ้นเด่นทางเทคนิค : ITD, PIMO, CENTEL(short)                                                                                                                                                    

  Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคทุกประเทศ US$292ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$132ล้าน ไต้หวัน US$84ล้าน และไทย US$54ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังสหรัฐรายงานอัตราค่าจ้างเพิ่มขึ้นกว่าคาดช่วยชดเชยผลกระทบจากรายงานการจ้างงานที่น้อยกว่าตลาดคาดไว้                                                                                                                                                        

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น                  

(0) การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐต่ำกว่าคาด แต่ค่าจ้างแรงงานเพิ่ม จับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าเฟดตลอดสัปดาห์ การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ธ.ค. เพิ่ม 156,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่ตลาดคาด (178,000 ตำแหน่ง) ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมาเป็น 4.7% สอดคล้องกับตัวเลขการจ้างงานภาคอเกชนที่ประกาศไปวันก่อนหน้าที่ต่ำกว่าคาดเช่นกัน แต่ข่าวดีที่ยังหนุนตลาดหุ้นสหรัฐให้ปรับตัวบวกได้ได้คือค่าจ้างแรงงานต่อชั่วโมงที่ +2.9% Y-Y ซึ่งเพิ่มสูงสุดในรอบหลายปี อัตราเงินเงินเฟ้อและดอกเบี้ยจึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต                                                                                                                                                  

(0) ผันผวนจากปัจจัยภายนอก ระวังราคาน้ำมัน ความสนใจของตลาดในสัปดาห์นี้ที่จะทำให้ตลาดผันผวนคือถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ Fed รวมถึงนาง Yellen และการแถลงข่าวของนาย Trump ก่อนเข้ารับตำแหน่งในช่วงกลางสัปดาห์ นอกจากนี้ ยังมีการประชุมนอกรอบของ OPEC และ Non-OPEC เพิ่อติดตามผลของแต่ละประเทศว่าลดกำลังการผลิตตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่ อาจทำให้ราคาน้ำมันที่กำลังปรับเพิ่มขึ้นในขณะนี้ต้องสะดุด ขณะเดียวกัน ยิ่งราคาน้ำมันเพิ่ม ปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐยิ่งเพิ่มติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 10                                                                                                                                                 

(+) เลือก TISCO เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มแบงก์ แทน SCB และ KKP  เราคาดกำไรสุทธิรวมของกลุ่มแบงก์ใน 4Q16 -12.5% Q-Q ชะลอเพราะมีค่าใช้จ่ายสูงเป็นประจำในไตรมาสสุดท้าย แต่กำไรเพิ่มเล็กน้อย +4% Y-Y โดย TCAP น่าจะมีกำไรโดดเด่นสุด +15% Q-Q, +27% Y-Y จากสำรองที่ลดลง ส่วนกำไรทั้งปี 2016 ของกลุ่มน่าจะโตเพียง 1% Y-Y จากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ช่วยลดผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลด และการตั้งสำรองที่เพิ่ม สำหรับปี 2017 เราคาดกำไร +3% Y-Y ดีสุดในรอบ 3 ปีจากสินเชื่อที่กลับมาเติบโต แต่แนวโน้ม 1H17 จะยังถูกกดดันจากการตั้งสำรองที่สูงต่อไปก่อน เราจึงคงน้ำหนัก Neutral และเลือก TISCO (ราคาพื้นฐาน 72 บาท) เป็นหุ้นเด่น (แทน SCB และ KKP) เพราะมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดีลซื้อพอร์ตสินเชื่อรายย่อยในปีก่อนจะทำให้กำไรปี 2017-18 โดดเด่น และคาด Dividend yield 5%                                                                                                                                                              

(-) DTAC  เราคาดกำไรปกติ 4Q16 หดตัวแรง -39% Q-Q, -58% Y-Y จากจำนวนลูกค้าเติมเงินที่น่าจะยังไหลออก การขายมือถือที่อาจขาดทุนมากกว่าปีก่อนเพราะการแข่งขันรุนแรง ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น และ regulatory cost ยังอยู่ในระดับสูงซึ่งเป็นจุดอ่อนของ DTAC ที่ยังมีการใช้งานคลื่นบนสัมปทานอยู่มาก ทำให้กำไรปกติทั้งปี 2016 น่าจะหดตัว 52% Y-Y แย่กว่าที่เคยคาด ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาบนความหวังการประมูลคลื่นใหม่ 2 คลื่นในปีนี้ หาก DTAC ชนะประมูล ย่อมลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว แต่ในช่วง 1-2 ปีแรกผลประกอบการจะถูกกดดันเหมือน ADVANC และ TRUE กำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ เราคาดกำไรปี 2017 -25% และมี downside หากได้คลื่นใหม่ ยังคงแนะนำขาย ราคาพื้นฐาน 30 บาท                                                                                          

ปัจจัยที่ต้องติดตาม                                                                                            

10 ม.ค.   - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.), ยอดปล่อยสินเชื่อ (ธ.ค.)                                                                                                                                           

12 ม.ค.   - ยูโรโซน: Industrial Production (พ.ย.)                                                                                                                                            

13 ม.ค.   - OPEC และ Non-OPEC ประชุมติดตามผลเรื่องการลดการผลิต                                                 

                - จีน: ดุลการค้า (ธ.ค.)                                                                                                                          

                - สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ธ.ค.), คำแถลงของนางเยลเลน                                                      

                - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BoK) ประชุม                                                                                                                                          

17 ม.ค.   - จีน: 4Q16GDP, Industrial production (ธ.ค.), ยอดค้าปลีก (ธ.ค.)                                                              

                - ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ม.ค.)                                                                                                                                    

18 ม.ค.   - สหรัฐ: เงินเฟ้อ (ม.ค.)                                                                                                                         

                - ยูโรโซน: เงินเฟ้อ (ม.ค.)                                                                                                                                      

19 ม.ค.   - ECB ประชุม                                                                                                                       

                - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม                                                                                            

                - สหรัฐ: Housing start & building permits (ธ.ค.)           

21-22 ม.ค.             - OPEC ประชุมติดตามผลเรื่องการลดการผลิต                                                                                                                                               

                 (+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดในแดนบวกโดย DJIA ขยับเข้าใกล้ 20,000 จุดส่วน NASDAQ และ S&P500 ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ได้ ถึงแม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะออกมาต่ำกว่าคาด        

      (0) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดผสม โดยได้รับแรงกดดันจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ธ.ค. ของสหรัฐฯที่ออกมาต่ำกว่าคาด                                                                                                                                           

       (0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในกรอบแคบค่อนมาในแดนบวกได้เล็กน้อยตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ                                   (0) ค่าเงินบาทเริ่มมีจังหวะอ่อนค่าลงเล็กน้อยหลังจากแข็งค่าเร็วในช่วงก่อนหน้า ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.70-35.83 บาท/ดอลลาร์                                                                                                                                                      

(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 0.23 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 53.99 ดอลลาร์/บาร์เรล อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันปรับตัวลดเช้านี้หลังอิหร่านเพิ่มการส่งออก ขณะที่จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 10                                                                                                                                                           

ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 7.90 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,173.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยราคาทองคำยังคงถูกกดดันจากคาดการณ์เรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในปีนี้ที่จะเร่งตัวขึ้น                                                                                                                                                                                         

Contact person : Somchai Anektaweepon     Register : 002265                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                        

Tel: 02-646-9967, 02-646-9852                                                                       www.fnsyrus.com                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                           

FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                     

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!