- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 06 January 2017 18:53
- Hits: 1113
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? ภายใต้ตลาดต่างประเทศ ที่เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง มีทั้ง + / - หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ล่าสุด เพิ่มขึ้นแต่ต่ำกว่าที่คาด อย่างไรก็ตามคาดภาพรวมตลาดฯ ยังมีโอกาสปรับขึ้นจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่ได้รับปัจจัยบวกจาก (1) ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง จากระดับเฉลี่ยประมาณ 41 – 42USD เมื่อปี’59 โดยล่าสุดทั้ง WTI, Brent และ Dubai เฉลี่ยอยู่ที่ ประมาณ 54 – 55USD
และ (2) Fund Flow โดยต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่องจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา อีกกว่า 2,900 ล้านบาท
รวมถึงมุมมองของเฟดที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ขณะที่คาดหลังการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์อย่างเป็นทางการ (20/1/60) คาดยังมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องผ่านนโยบายการคลัง ซึ่งคาดสามารถรองรับกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด (คาดอย่างน้อย 3 ครั้งในปีนี้) อย่างไรก็ตามคาดตลาดส่วนใหญ่รับรู้ประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไปบ้างแล้ว
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ คาดยังมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในปี’60 ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าทั้งปี’ 60 อยู่ที่ 37.2 ล้านคน
และยังแนะจับตา
กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
SET SET50 SET100
1,571.05 +7.47 985.53 +4.60 2,223.24 +10.78
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดต่างประเทศ DJIA -42.87, NASDAQ +10.93, S&P -1.75, FTSE +5.57, CAC +1.24 และ DAX +0.63
ภายใต้ปัจจัยลบ (1) หุ้นกลุ่มค้าปลีก ปรับลดลง หลังบริษัทเมซีส์ เปิดเผยยอดขาย – พ.ย. และ ธ.ค. ลดลง 2.1% พร้อมคาดการณ์ยอดขายปี’59 ลดลง 2.5 - 3.0% และประกาศปิดสาขาจำนวน 68 สาขา จากทั้งหมด 100 สาขา (2) ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชน - ธ.ค. เพิ่มขึ้น 153,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 170,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่า 215,000 ตำแหน่งเมื่อ พ.ย.
อย่างไรก็ตาม NASDAQ ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้น Amazon.com ที่พุ่งขึ้น 3.1%
ขณะที่อยู่ระหว่างรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร - ธ.ค. ในวันนี้ (6/1/60) ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในปีนี้ โดยคาดเพิ่มขึ้น 172,500 ตำแหน่ง และคาดอัตราการว่างงาน ะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.7%
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป มีความคาดหวังแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น หลังดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซน – ธ.ค. อยู่ที่ 54.4 เพิ่มจาก 53.9 เมื่อพ.ย.แต่การปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น ส่งผลต่อหุ้นกลุ่มส่งออก
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
18.9 1.99 2.99
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 69,364.44
สถาบัน 1,083.55
บัญชีหลักทรัพย์ -53.94
ต่างประเทศ 2,927.05
ในประเทศ -3,956.65
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.08 อยู่ที่ 2.37% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.18 อยู่ที่ 11.67
หุ้นแนะนำ : THANI
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788
