- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 05 January 2017 16:59
- Hits: 1928
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'January Effect!!!'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้เป็นการเปิดทำการวันแรกหลังจากหยุดยาวไปในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยตลาดได้รับผลดีจากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างประเทศที่มียอดซื้อสุทธิรวมกันกว่า 5,500 ล้านบาท โดยแรงซื้อกระจายไปในหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลักโดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร กลุ่ม ICT ที่บวกไปกลุ่มละ 2% ตามมาด้วยกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่บวกไป 1.9% ปิดตลาดดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 20.64จุด (+1.3%) มาอยู่ที่ 1,563.58 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 65,155 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 1.8%Day มาอยู่ที่ 53.26 US/Barrel หลังตลาดคาดตัวเลข Stock น้ำมันดิบสหรัฐประจำสัปดาห์ที่จะรายงานในคืนวันนี้จะปรับตัวลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล และรอดูผลบวก OPEC ลดกำลังการผลิต
(+) ราคายาง TOCOM กลับมาเปิดหลังปิดปีใหม่วานนี้ บวกไป 2.31%Day มาอยู่ที่ 270 Yen/Kg. (คาดเป็นบวกต่อผู้ผลิตยาง STA, TRUBB)
(+) ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน (Hot Roll Coil) ยังแข็งแกร่ง ล่าสุดอยู่ที่ 628 US/Tons (+11%MoM, +59%YoY) คาดเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มเหล็กทั้งหมด เช่น PERM, PAP, TMT, AMC, MCS
(+) ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. ปี 59 ของไทย +1.13% สูงสุดในรอบ 25 เดือน และคาดเงินเฟ้อปี 60 จะขยายตัวระหว่าง 1.5-2% (สมมติฐาน GDP 3-3.5%, นำมันดิบดูไบ 45-55 US/Barrel, ค่าเงินบาท 35.5-37.5 Bt./USD)
(+) การกลับมา Net Buy หุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติในระดับ 2.2 พันลบ. และการเข้า Long TFEX ของต่างชาติเมื่อวานนี้กว่า 1.68 หมื่นสัญญา
(+) ททท. ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวไทยปี60 อยู่ที่2.77 ล้านล้านบาท (+10%YoY) คาดมาจากนักท่องเที่ยวตปท.1.81 ล้านล้านบาท (+10%YoY)
(-) ราคาถ่านหิน Newcastle วานนี้ปรับลงมาอยู่ที่ 88.6 US/Tons (-2%Day)
(-) ตลท. ขึ้นเครื่องหมาย SP หุ้น KC ตั้งแต่ 4 ม.ค. 60 จากการไม่จ่ายหนี้ B/E
(+/-) อัตราเงินเฟ้อยูโรโซน เดือน ธ.ค. +1.1% (สูงสุดในรอบ 3 ปี 3 เดือน) ผลจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ค่าเงิน EURO เมื่อวานนี้แข็งค่าขึ้น
(+/-) รายงานการประชุม FOMC ประจำเดือน ธ.ค. ที่ออกมาระบุว่า FED มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนาย Trump
(+/-) ที่ประชุม ครม. เห็นชอบเปิดเสรีนำเข้าเม็ดถั่วเหลืองครั้งละ 3 ปี (ปี 60-62) ไม่จำกัดปริมาณ อัตราภาษีนำเข้า 0%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
ตัวเลขสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การจ้างงานเดือน ธ.ค. ของสหรัฐ (5 ม.ค.), PMI นอกภาคการผลิตสหรัฐ เดือน ธ.ค. (5 ม.ค.), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทย (5 ม.ค.), ตัวเลขขอรับสวัสดิการการว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐ (5 ม.ค.), Stock น้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ (5 ม.ค.), ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของยูโรโซน เดือน ธ.ค. (6 ม.ค.), การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ เดือน ธ.ค. (6 ม.ค.)
กลยุทธ์การลงทุน 'เก็งกำไรสั้นในวัน'
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เรามองว่าเม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อต่อเนื่องจากปลายปีก่อนจะเป็นปัจจัยหลักหนุนดัชนี จากที่เราแนะนำขายล็อกกำไรไปวานนี้ ในวันนี้จึงแนะนำเพียงเก็งกำไรสั้นในวัน จากที่เรามองว่าดัชนีขึ้นมาซื้อขายกันที่ระดับ 18.81 เท่า ( Trailing PE Ratio) ซึ่งมองว่าสูงเมื่อเทียบกับการขยายตัวของ GDP ในปี 60 ที่ตลาดคาดว่าจะเติบโตราว 3-4% เน้นเก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยเด่นเฉพาะตัวเช่น กลุ่มเหล็ก กลุ่มที่ Laggard ตลาดเพื่อลดความเสี่ยง
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
PAP เก็งกำไร
ได้โมเมนตัมบวกจากราคาเหล็ก Hot Roll Coil ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
คาดผลดำเนินงานจะโดดเด่นในช่วง 4Q59 จากกำไรจากสต็อคสินค้า
ปัจจุบันซื้อขายกันที่ระดับ PER 8.46 เท่า และ PBV 1.66เท่า
SIRI เก็งกำไร
ตลาดคาดเตรียมรายงาน 4Q16 แข็งแรงจากการโอนโครงการ Edge Sukhumvit 23
ผบ.คาดยอดขายต่างชาติเติบโต 5.6 พันล้านบาท เติบโต 60%
บ.ร่วมทุน BTS เตรียมเปิดคอนโด 5 โครงการติดรถไฟฟ้า
ทีมวิเคราะห์